NAKAGAWA TAISHI | นักแสดงหนุ่มผู้สร้างแรงกระเพื่อมในวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นและเอเชีย
สารบัญ
- Q. ช่วยเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับบทบาทที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่อง ReLife ให้ฟังหน่อย
- Q. อะไรที่ทำให้ตัดสินใจรับบทนี้
- Q. ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากบทบาทที่ได้รับในเรื่อง ReLife บ้าง
- Q. ภาพยนตร์เรื่อง ReLife น่าสนใจอย่างไร คิดว่าคนดูจะได้อะไรจากเรื่องนี้
- Q. อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเองเริ่มอยากเป็นนักแสดง
- Q. คิดว่าเสน่ห์ของตัวเองคืออะไร
- Q. ทุกเรื่องที่เคยแสดง คิดว่าบทบาทไหนท้าทายตัวเองมากที่สุด
- Q. ก่อนมาเมืองไทย รู้จักเมืองไทยมากน้อยแค่ไหน
- Q. แล้วชอบอาหารไทยอะไรเป็นพิเศษ
- Q. นอกจากโปรโมตภาพยนตร์แล้ว มีแผนไปเที่ยวที่ไหนอีกบ้างไหม
- Q. วัดโพธิ์งั้นหรือ ได้นวดแผนไทยด้วยไหม
- Q. รู้ใช่ไหมว่าเมืองไทยมีชื่อเสียงด้านนี้
- Q. ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นในมุมของไทชิหน่อย
- Q. ที่นั่นคนไทยน่าจะรู้จักและไปกันเยอะแล้ว
- Q. ช่วยฝากอะไรถึงแฟนคลับชาวไทยสักเล็กน้อย
NAKAGAWA TAISHI
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ณ ห้องรับรองของโรงภาพยนตร์ SF World Cinema ของ Central World ที่นั่นเราได้พบกับนักแสดงหนุ่มวัย 19 ปี ในชุดสูทเรียบสีดำ เนกไทขาว ยืนรออยู่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมทว่าสุภาพ เป็นเพียงคนเดียวในห้องที่ชวนให้ดึงดูดสายตาและรู้ในทันทีว่าเขาคือ “นะกะงะวะ ไทชิ” (Nakagawa Taishi) ผู้ที่กำลังก้าวขึ้นมาสร้างแรงกระเพื่อมในวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นเวลานี้ และดูเหมือนว่าระลอกคลื่นที่ชายหนุ่มสร้าง จะไม่หยุดอยู่เพียงในญี่ปุ่นซะแล้ว การทักทายเล็กน้อยเป็นไปอย่างเรียบง่ายก่อนที่เราจะเริ่มบทสนทนากัน
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการมาเมืองไทยในครั้งนี้ เพื่อมาบอกเล่าความตั้งใจของเขาจากภาพยนตร์เรื่อง “ReLife” ที่อยากให้ใครหลายคนได้สัมผัส รวมถึงมาทักทายและพูดคุยกับเหล่าแฟนคลับที่คอยสนับสนุนอยู่ไม่ห่าง ในระหว่างที่เราพูดคุยกันอยู่นั้น ภายใต้ความสุภาพเรียบร้อยตามแบบฉบับหนุ่มญี่ปุ่นทุกอณู เราก็ยังได้เห็นความร่าเริงสมวัย ระหว่างเล่าเรื่องตัวเองในแบบเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าเช่นกัน จึงทำให้การสนทนาระยะสั้นๆ นี้ เต็มไปด้วยสีสันไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาพยนตร์ที่เข้าฉายในเมืองไทย หรือเรื่องต่างๆ ในมุมมองของไทชิเองก็ตาม
Q. ช่วยเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับบทบาทที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่อง ReLife ให้ฟังหน่อย
ReLife เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งอายุ 27 ปี เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย ทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตสังคม แล้ววันหนึ่งตัวเอกก็ไปเข้าร่วมกับศูนย์วิจัย ReLife ซึ่งเขาได้ยาตัวหนึ่งมา พอกินเข้าไปปุ๊บ ลักษณะภายนอกเขาก็กลายเป็นเด็กอายุ 17 ปีไปเลยครับ เขากลับไปใช้ชีวิตนักเรียน ม.ปลายปี 3 อีกปีหนึ่ง ประมาณนี้
Q. อะไรที่ทำให้ตัดสินใจรับบทนี้
ถ้าเป็นหนังรักวัยรุ่นปกติ เรามักจะเห็นเรื่องรักทั่วไปในโรงเรียน แต่ ReLife เป็นเรื่องของผู้ชายอายุยี่สิบเจ็ด ที่พล็อตเรื่องมันจะแฟนตาซีนิดหนึ่ง (หัวเราะ) แล้วผมก็ต้องรับบทบาทเป็นคนทั้งสองช่วงอายุ เลยคิดว่าเป็นงานที่ท้าทายและน่าสนุกมากครับ เลยตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้
Q. ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากบทบาทที่ได้รับในเรื่อง ReLife บ้าง
ผมคิดว่าพอเข้ามาสู่ในโลกของการเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันจะมีบางอย่างที่อาจไม่ได้เป็นไปตามที่คิดหรือผิดหลักการของเรา อาจทำให้เรารู้สึกแย่ ซึ่งหลังจากที่ได้เล่นบทนี้แล้วก็ทำให้ผมรู้สึกว่า ความรู้สึกวัยรุ่นที่เราเคยมีความฝันว่าอยากทำอย่างนู้น เคยตั้งใจจะทำอย่างนี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญนะ ต่อให้โตเป็นผู้ใหญ่ เราก็ไม่ควรลืมความรู้สึกเหล่านั้น เพื่อให้เราดำเนินชีวิตต่อไปโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน
Q. ภาพยนตร์เรื่อง ReLife น่าสนใจอย่างไร คิดว่าคนดูจะได้อะไรจากเรื่องนี้
อื้ม… (หยุดคิด) เรื่องนี้น่าสนใจยังไงน่ะหรือครับ คือการเล่าเรื่องในหนังเรื่องนี้เป็นการเล่าผ่านผู้ชายวัย 27 ปี ถ้าผู้ใหญ่ดูเขาก็อาจจะรู้สึกว่า เอ้อ…สมัยก่อนเราเคยรู้สึกอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ มีความจริงจัง เป็นความรู้สึกที่พวกเขาได้คิดย้อนกลับไปคิดถึงช่วงนั้น แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นดูปุ๊บเนี่ย เขาก็อาจจะคิดว่า เฮ้ย…ไอ้สิ่งที่เราคิดและอยากทำ มันเป็นสิ่งที่มีค่านะ แล้วก็ไม่ควรลืมมันด้วย
Q. อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเองเริ่มอยากเป็นนักแสดง
โดนชวนมาทำครับ คือตอนนั้นผมกำลังเดินซื้อของกับคุณพ่ออยู่ แล้วแมวมองของบริษัทนักแสดงก็เดินเข้ามาทักแบบว่า เอ้อ…สนใจอยากเป็นนักแสดงไหม (หัวเราะ) ตั้งแต่นั้นมาก็รับงานมาตลอดครับ
Q. คิดว่าเสน่ห์ของตัวเองคืออะไร
อืม… เสน่ห์ของตัวเองเหรอครับ (คิดหนัก) อื้ม… อะไรดีละ ตอบยากจัง (หัวเราะเขินๆ) คิดว่าคงเป็นเรื่องที่ผมเข้ากับคนอื่นได้ง่ายก็แล้วกันครับ
Q. ทุกเรื่องที่เคยแสดง คิดว่าบทบาทไหนท้าทายตัวเองมากที่สุด
ทุกบทบาทจะมีความยากแตกต่างกันไป ผมต้องทำการบ้านและเตรียมตัวเยอะมากครับ อย่างตอนแสดงเรื่อง ReLife ตอนนั้นผมยังเป็นเด็ก ม.ปลาย อยู่เลย ผมไม่รู้ว่าคนอายุ 27 ปีเขามีความรู้สึกอย่างไร คิดอะไร ผมเลยต้องทำการบ้านเยอะพอสมควร เพื่อที่จะแสดงออกมาแล้วได้อารมณ์ของคนอายุ 27 ปีจริงๆ ทั้งๆ ที่บทนี้ต่างจากอายุจริงของผมเกือบ 10 ปีเลยครับ
Q. ก่อนมาเมืองไทย รู้จักเมืองไทยมากน้อยแค่ไหน
ปกติผมชอบไปร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นอยู่แล้ว แล้วก็รู้จักเมืองไทยจากรายการญี่ปุ่นที่มาถ่ายทำที่นี่บ้าง แต่พอมาจริงๆ กลับรู้สึกว่ามีเรื่องราวมากมายที่ผมยังไม่รู้อีกเยอะเลย เลยรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากครับ (หัวเราะ)
Q. แล้วชอบอาหารไทยอะไรเป็นพิเศษ
แกงเขียวหวานครับ เนี่ยยังไม่ได้กินเลย อยากกินให้ได้ก่อนกลับครับ (หัวเราะ)
Q. นอกจากโปรโมตภาพยนตร์แล้ว มีแผนไปเที่ยวที่ไหนอีกบ้างไหม
อ๊ะ! เมื่อเช้าไปวัดโพธิ์มาครับ
Q. วัดโพธิ์งั้นหรือ ได้นวดแผนไทยด้วยไหม
ผมก็รู้นะครับว่าที่วัดมีนวดแผนไทยด้วย แต่ผมยังไม่ได้นวดเลยครับ… (เสียงอ่อนลงเรื่อยๆ) เมื่อเช้าไปชมพระนอนแล้วกลับมาทำงานต่อ ยังไม่รู้เลยครับว่าจะมีเวลาไปนวดหรือเปล่า
Q. รู้ใช่ไหมว่าเมืองไทยมีชื่อเสียงด้านนี้
รู้ครับ (เสียงจริงจัง) คือที่ญี่ปุ่นก็มีร้านนวดแผนไทยเหมือนกันนะครับ แต่พอมาถึงนี่แล้วก็อยากรู้ว่าถ้าได้นวดที่เมืองไทยจริงๆ แล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง (หัวเราะ)
Q. ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นในมุมของไทชิหน่อย
เอ๋… (ลากเสียงยาว) ที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเหรอครับ อืม… มีเยอะมากเลยนะครับ (หัวเราะ) งั้นอาซากุสะเป็น ไง…
Q. ที่นั่นคนไทยน่าจะรู้จักและไปกันเยอะแล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นสถานที่ที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก ใช่ไหมครับ เอ้อ! ลองไปที่อุชิกุ (Ushiku) ดีไหมครับ อยู่ที่จังหวัดอิบะระกิ (Ibaraki) ไม่ไกลจากโตเกียวด้วย ที่นั่นมีพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่มาก เรียกว่า อุชิกุไดบุตสึ (Ushiku Daibutsu) คือวัดโพธิ์เนี่ย มีพระนอนที่ยาวมากๆ ใช่ไหมครับ ที่ญี่ปุ่นก็มีพระยืนที่สูงมากๆ เหมือนกัน องค์ใหญ่มาก! แถมสูงที่สุดในโลกด้วย นี่ไง… (เสิร์ชรูปใน โทรศัพท์แล้วยื่นให้ดู)
Q. ช่วยฝากอะไรถึงแฟนคลับชาวไทยสักเล็กน้อย
ครับ… การที่ผมได้มาเมืองไทยครั้งนี้ ได้มาพบแฟนๆ ชาวไทย ทำให้ผมรู้ว่ามีแฟนคลับคอยติดตามผลงานและให้การสนับสนุนผมเยอะมาก ดีใจมากเลยครับ ผมจะพยายามสร้างผลงานให้แฟนคลับทุกคนได้ติดตาม เพราะฉะนั้น ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ (พูดภาษาไทย ยกมือไหว้)
ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ ameblo.jp/nakagawa-sd