ซัปโปโร…ผังเมืองหมากรุก ภาพ: bit.ly/2mYzMPZ

ใครที่เคยไปเดินเล่นทอดน่องใน “ซัปโปโร” เมืองใหญ่สุดของฮอกไกโดทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะคนที่เคยไปโตเกียวหรือโอซาก้ามาก่อนมีตัวเปรียบเทียบ อาจจะสังเกตและสงสัยมากว่า “ทำไมผังเมืองซัปโปโรถึงเป็นตารางหมากรุก” คือถนนตัดกันเป็นเส้นตรง มีลักษณะเป็น “บล็อก” สี่แยกไฟแดงถี่ๆ จากบนถนนทางเท้าสามารถมองทะลุไปได้สุดลูกหูลูกตา ไม่มีวงเวียน (แบบหลายเมืองในยุโรป)

จากมุมมองถนนเห็นทะลุสุดลูกหูลูกตา
มองทะลุสุดลูกหูลูกตา เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของผังเมืองตารางหมากรุก
สี่แยกมีเยอะและถี่มากๆ

ถ้านึกภาพไม่ออก ให้ลองนึกถึงหลายๆ เมืองในสหรัฐอเมริกาอย่าง New York, Chicago, Washington D.C. (อันที่จริงแทบจะทุกเมือง) ซึ่งผังเมืองตารางหมากรุกที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแทบทั้งเมืองแบบนี้ ดูจะ “แตกต่าง” จากหลายๆ เมืองอื่นในญี่ปุ่นที่มีความสะเปะสะปะบ้าง มีถนนใหญ่โค้งไปมาและมีซอยเล็กซอยน้อยคดเคี้ยว

ผังเมืองตารางหมากรุกย่าน Manhattan, New York ที่มาภาพ – bit.ly/2rpW6ax

อยากจะรู้ปัจจุบัน เราต้องย้อนกลับไปศึกษาอดีต…

ภายหลังจากที่พลเรือจัตวา Matthew Perry ยกทัพเรือมาบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดท่าเรือเมื่อปี 1853 จากนั้นญี่ปุ่นก็มีการติดต่อกับต่างชาติมากขึ้นโดยเฉพาะชาติตะวันตก และเป็นยุคเริ่มแรกของยุคฟื้นฟูเมจิ (Meiji Restoration) ซึ่งต้องการ Modernization พัฒนาประเทศให้เจริญทัดเทียมชาติตะวันตก (จริงๆ อาจเป็นการ Westernization – เปลี่ยนให้เป็นตะวันตกด้วยซ้ำ อิอิ) การทำให้เป็นสมัยใหม่ยังส่งผลอิทธิพลต่อด้านผังเมือง การสร้างเมือง และสถาปัตยกรรมด้วย ซัปโปโรดูจะเป็นเมืองที่มาในจังหวะเหมาะพอดี เพราะเป็นเมืองเกิดใหม่ สามารถนำองค์ความรู้จากตะวันตกมาใช้ได้

Mr. Kuroda Kiyotaka รองประธานของ Hokkaido Development Commission ในตอนนั้นจึงได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในการออกแบบสร้างเมืองซัปโปโร (เดิมเป็นพื้นที่ว่างเปล่า)

การเริ่มต้นสร้างนั้นได้วางจุดศูนย์กลางไว้ในตำแหน่งที่ปัจจุบันคือบริเวณสวน “Odori Park” ในปี 1871 (เดิมเป็นถนนใหญ่ ยังไม่ใช่สวน) และแผ่ขยายเป็นเส้นตรงไปรอบๆ ทั้งทิศเหนือ-ใต้ และ ตะวันออก-ตะวันตก ในยุคแรกตั้งใจจะให้จุดที่เป็น Odori Park เป็นเหมือนตัวคั่นกลางแบ่งเมืองเป็นโซนเหนือสำหรับเป็นย่านบริษัทและการทำงาน และเมืองโซนใต้ไว้สำหรับเป็นย่านที่อยู่อาศัย

เริ่มสร้างตำแหน่ง ณ ปัจจุบันคือสวน Odori Park
ผังเมืองซัปโปโรเมื่อปี 1891 ที่มาภาพ – http://bit.ly/2Bi5Xin
อยากชมวิวเมืองสวยๆ Sapporo TV Tower มอบให้คุณได้

เหตุผลหนึ่งที่ทำไมถึงยอมรับอเมริกา อาจเป็นเพราะตัวเมืองอเมริกาเองนั้นก็ได้รับการวางผังและองค์ความรู้จากชาวยุโรปที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน บ้านเมืองในยุโรปมีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างกันมาหลายร้อยปี แต่เมื่อเข้าสู่ยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม บ้านเมืองมีความ Urbanization มากขึ้น ผังเมืองที่เป็นอยู่ก็พบว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่เหมาะสมกับยุคสมัย เช่น ความกว้างถนนมีความคับแคบเกินไป หรือวัสดุที่ใช้ก่อสร้างมีความเสี่ยง อย่างเช่นกรณีเหตุการณ์ “มหาอัคคีภัยแห่งลอนดอน” Great Fire of London เมื่อปี 1666 (เพราะวัสดุบ้านเมืองยุคนั้นมักทำด้วยไม้ จึงติดไฟและลุกลามบานปลายในที่สุด) การวางผังเมืองอเมริกาของชาวยุโรปในยุคแรกจึงเหมือนเป็นการ “ทดลองสร้างใหม่” จากสิ่งเดิมที่ตนเคยทำผิดพลาดในอดีต ผลจึงออกมาเป็นตารางหมากรุกระเบียบเรียบร้อยแทบทั้งเมือง…

กลับมาที่ซัปโปโร นอกจากผังถนนแล้ว “ความกว้างของถนน” โดยทั่วไปก็กว้างกว่ามาตรฐานเมืองอื่นในญี่ปุ่น บริเวณใจกลางเมืองแทบไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ซอย” ชนิดที่เล็กๆ เบียดๆ แคบๆ แบบที่เราคุ้นเคยเลยและเมื่อมีถนนไปไหน “ทางเท้า” ก็ต้องไปตาม ถนนกว้าง-ทางเท้าก็มักกว้างตาม และมาพร้อมมาตรฐานญี่ปุ่นคือจุดเชื่อม Stepless เป็นสโลปทางลาด (เช่นตรงทางม้าลาย) และสี่แยกไฟแดงก็มีสัญญาณไฟคนข้ามไว้ให้เสมอ รู้จังหวะเมื่อไรเดินข้ามได้

มาตรฐานถนนมีความกว้าง
ถนนกว้าง-ทางเท้ากว้างตาม

นี่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ซัปโปโรขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ “Walkable” คือเดินไปไหนมาไหนได้ราบรื่นแทบทั้งเมือง! ที่สำคัญดูจะเป็นเรื่องยากถ้าคุณจะเดิน “หลงทาง” ในเมืองนี้ เพราะเป็นตารางหมากรุกระเบียบเรียบร้อยเข้าใจทิศได้ง่าย

ทางเชื่อม Stepless ไม่ต้องก้าวขึ้น-ก้าวลงฟุตปาธ
Walkable ได้ทั้งเมือง

กล่าวสั้นๆ คือซัปโปโรถือเป็นเมืองเกิดใหม่ เมื่อเทียบกับอีกหลายๆ เมืองในญี่ปุ่น (เกียวโตอายุเป็นพันปี) ช่วงแรกเริ่มสร้างเมืองนั้น ได้รับความช่วยเหลือและองค์ความรู้ด้านผังเมืองจากอเมริกา (ซึ่งใช้ผังเมืองตารางหมากรุกเป็นมาตรฐาน) ผลออกมาซัปโปโรเลยมีหน้าตาเป็นตารางหมากรุกแบบนี้

นอกจากนี้ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าซัปโปโรมี “กลิ่นอายความเป็นตะวันตก” สูงมาก! จากหน้าตาของสถาปัตยกรรม ตึกราม อาคารมากมายในเมือง และผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อต่างๆ ไม่ว่าจะหอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower) สร้างเมื่อปี 1878 ยุคที่ผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกาเข้ามาให้ความช่วยเหลือ

Sapporo Clock Tower หนึ่งในสิ่งปลูกสร้างแรกๆ ของเมือง

ตึก Former Hokkaido Government Building ที่หน้าตาฝรั่งจ๋า และสวยมากกก

ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมือง

ShiroiKoibito Park ธีมปาร์คของ Ishiya ที่มีหน้าตาภูมิทัศน์อย่างกับอยู่เมืองฝรั่ง

นึกว่าอยู่ยุโรป

Hokkaido University ที่ถูกก่อตั้งโดย William S. Clark ผู้มีสโลแกนโด่งดังอย่าง “Boys, be ambitious!”

สถาปัตยกรรมตึกภายในมหาวิทยาลัย
โคมไฟส่องสว่างข้างทางยังเป็นสไตล์ตะวันตก

อีกทั้งยังเป็นแห่งแรกที่มีการผลิตเบียร์เมื่อปี 1876 ซึ่งก็คือ Sapporo Beer นั่นเอง โดยเฉพาะ Sapporo Classic ของโปรดผมเลย ^^ เหล่านี้และอีกมากมายล้วนแล้วมาจากอิทธิพลตะวันตกในยุคสร้างเมืองนั่นเอง หลายคนถึงกับคิดในใจเลยว่า “เหมือนตัวเองไม่ได้อยู่ญี่ปุ่น” ยังไงยังงั้น 

TAGS

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ