ภาพหน้าปกเครดิต : PIXTA

Kyoto, Japan 

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นรีวิวหรือทริปท่องเที่ยวเกียวโตกันอยู่บ่อยๆ คนมักนิยมไปเกียวโตช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ฉันเลือกไปในฤดูร้อนและมีแพลนไปหลายเมือง หลายจังหวัดมาก หนึ่งในนั้นคือ “เกียวโต” (Kyoto) ฉันมีเวลาในเกียวโต 2 วัน 1 คืน ลองไปเกียวโตหน้าร้อนกันดูบ้างไหม สำหรับฉันถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็ประทับใจไม่ลืม

ฉันเลือกพักที่ Piece Hostel Kyoto ตั้งอยู่ใกล้ๆ สถานีเกียวโต สามารถเดินไปได้ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ที่นี่เป็นโฮสเทลมีให้เลือกทั้งห้องรวม แยกชาย-หญิง หรือห้องส่วนตัวก็มีเหมือนกัน แม้จะเป็นห้องน้ำรวมแต่ก็สะอาด ราคาไม่แพง ที่สำคัญคือฟรีอาหารเช้าด้วย ทั้งบรรยากาศโดยรวมรวมถึงสถานที่ตั้งที่ใกล้ทั้งสถานีรถไฟและรถบัสที่คึกคัก กลับสงบอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ฉันตกหลุมรักที่นี่ได้อย่างไม่ยากเลย 

 

Piece Hostel Kyoto ตั้งอยู่ใกล้ๆ สถานีเกียวโต
ที่มา https://goo.gl/6G1YbW

 

สำหรับของที่ฉันเตรียมไปสำหรับการเดินเล่นขึ้นบัส ลงรถไฟในทริปนี้คือ กระเป๋าเป้ กล้องฟิล์ม ครีมกันแดด ขนม เงิน และที่ขาดไม่ได้ Pocket Wifi ที่เช่าไปจากไทยของ Skyberry แพ็คเกจ Skyberry for Japan Premium (High Speed Unlimited) ในราคา 280 บาทต่อวัน (ตอนนี้มีโปรลดเหลือ 140 บาทต่อวัน) เราอยากแนะนำมาก เพราะสัญญาณดีเลย ไม่มีติดขัด ขนาดเราไปหลายจังหวัดก็ยังไม่มีหลุด ข้อดีอีกอย่างคือ จองและจ่ายเงินทางออนไลน์ได้ด้วย สะดวกสุดๆ เก็บของพร้อมแล้วก็ไปเดินเล่นกันเถอะ!

 

Pocket Wifi ที่เช่าไปจากไทยของ Skyberry

 

บอกไว้ก่อนว่ากะเที่ยวแบบชิลๆ เลยไม่ได้วางแพลนจริงจังมากนัก จึงเลือกเดินทางโดยรถบัสเป็นส่วนใหญ่ เพราะซื้อ Kyoto One Day Bus Card มาในราคา 500 เยน จะขึ้นลงกี่เที่ยวก็ได้และครอบคลุมสถานที่ที่ตั้งใจว่าจะไปด้วย ก็ถือว่าคุ้มค่า

 

สะพาน Togetsukyo Bridge

 

ฉันเลือกนั่งบัสไปลงที่สะพาน Togetsukyo Bridge เป็นที่แรก เนื่องจากใกล้ๆ สะพานมีร้านกาแฟชื่อร้าน % Arabica ที่อยากไปมาก ว่ากันว่าที่ร้านสาขานี้คนแวะเวียนไปไม่เคยขาด อาจเพราะตั้งอยู่ติดแม่น้ำและภูเขา ได้จิบกาแฟไปชมธรรมชาติไป ใครจะไม่ชอบล่ะเนอะ 

 

สะพานมีร้านกาแฟชื่อร้าน % Arabica

 

ช่วงที่เราไปอากาศค่อนข้างร้อน คนเลยแทบไม่มี จากที่หงุดหงิดก็ยิ้มได้ เพราะปกติร้านนี้คนแน่นและคิวยาวมากถึงมากที่สุด ฉันเลือกสั่งลาเต้ไป รสละมุนของกาแฟนมเมื่อตัดกับแม่น้ำและภูเขาเขียวขจีเบื้องหน้า ร้อนแค่ไหนก็ยอมทั้งนั้น    

 

ร้านกาแฟชื่อร้าน % Arabica

กาแฟร้าน % Arabica พร้อมกับวิวธรรมชาติสวยๆ

 

เติมพลังด้วยกาแฟไปแล้วเราเดินเลาะแม่น้ำและสวนไปเรื่อยๆ มีป้ายบอกทางจนถึง Kyoto Sagano Walk & Bamboo Forest หรือที่คนไทยเราเรียกกันว่า “ป่าไผ่” นั่นเอง ฉันชอบที่นี่นะ คนเยอะตามคาด แต่ก็สวยและชิลเกินกว่าที่คาดไว้ ระหว่างเดินมีเสียงบรรเลงของเครื่องดนตรีคลอไปตามทาง โห ดีมาก จนตอนนั้นต้องขออัปโหลดวิดีโอ โพสต์เฟซบุ๊กรัวๆ ดีนะที่พก Pocket Wifi ไปด้วย เน็ตไม่มีสะดุดเลย เพลินมาก ถ้าใครได้ไปญี่ปุ่นก็อยากแนะนำให้ทุกคนเช่าไปด้วยนะ      

 

Kyoto Sagano Walk & Bamboo Forest หรือที่คนไทยเราเรียกกันว่า “ป่าไผ่”

Kyoto Sagano Walk & Bamboo Forest

 

นอกจากนี้ก็มีคุณลุงนั่งประดิษฐ์ของทำมืออยู่ตามข้างทางด้วย อากาศร้อนแบบนี้ก็ได้แต่แอบคิดในใจว่า เค้ามีความสุขอยู่รึเปล่านะ แต่พอตอนเรายืนถ่ายรูปแล้วคุณลุงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ เราว่าการได้ทำสิ่งที่อยากทำ ได้ทำสิ่งที่ชอบ อากาศจะร้อนแค่ไหน ก็น่าจะมีความสุขแหละ : )

 

คุณลุงนั่งประดิษฐ์ของทำมืออยู่ตามข้างทางที่ Kyoto Sagano Walk & Bamboo Forest

 

เดินไปเรื่อยๆ จนพ้นป่าไผ่สิ่งแรกที่จะเจอก็คือร้านซอฟท์ครีมถั่วเหลือง เป็นร้านที่เราเหมือนถูกสะกดจิตว่า ต้องซื้อ! สุดท้ายถ่ายรูปไม่ทัน เพราะกินหมดไปซะก่อน แถวนี้เรียกว่าย่าน Arashiyama มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของฝาก สายชิลเดินแถวนี้เพลินจนลืมเวลากันแน่ๆ 

 

ย่าน Arashiyama มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของฝากย่าน Arashiyama

บริการรถลากในย่าน Arashiyama

 

มีคนเคยบอกว่าไปเกียวโตครั้งแรก ก็ต้องไปที่วัด Kiyomizu-dera หรือที่คนไทยเรารู้จักกันในชื่อ “วัดน้ำใส” ไม่ไปก็เหมือนมาไม่ถึงเกียวโต วัดเก่าแก่ตั้งอยู่บนเนินเขาโอโตะวะมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในและนอกประเทศ อีกทั้งยังได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites)* ตั้งแต่เดือน มกราคม 2017 จะมีการปิดซ่อมแซมในส่วนของอาคารหลัก จนถึงปี 2020

ที่นี่เดินทางง่ายรสบัสไปถึง แนะนำว่าเดินจากป้ายรสบัสไปวัดใกล้กว่าเดินจากสถานีรถไฟไปนะ ระหว่างทางเดินขึ้นไปมีทั้งร้านขายของฝาก ร้านเช่าชุดกิโมโน และร้านอาหารจำนวนมาก คำเตือนก่อนไปวัด ระวังจุก เพราะกลิ่นของขนมและอาหารข้างทางหอมโชยเตะจมูก จนอาจทำให้ต้องแวะซื้อกินไปเดินไปจนจุกได้ ฮ่าๆ

 

ร้านขายอาหารระหว่างทางเดินไปวัด Kiyomizu-dera

ร้านรวงต่างๆ ระหว่างทางไปวัด Kiyomizu-dera

 

คนนิยมเช่าชุดยูกาตะเดินเที่ยวที่นี่กันมาก หากใครอยากลองใส่ก็มีร้านให้เลือกระหว่างทางเต็มไปหมด เลือกกันตามใจชอบได้เลย ส่วนเราขอบาย อากาศร้อนยิ่งถ้าใส่ยูกาตะอีก ก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นลมไปซะก่อน 

 

หนุ่มสาวใส่ชุดกิโมโน่เดินเที่ยวกัน

วัด Kiyomizu-dera หรือที่คนไทยเรียกกันว่า 'วัดน้ำใส'

ผู้คนที่มาท่องเที่ยวกันที่วัด Kiyomizu-dera

 

ชื่อวัดน้ำใสที่คนไทยเรียกกันก็มีที่มานะ เนื่องจากชื่อของวัดซึ่งมีความหมายว่าน้ำบริสุทธิ์ จากน้ำตกโอโตะวะ (Otowa Waterfall) ที่ไหลผ่านเนินเขาลงมาบริเวณวัดอย่างที่เราเห็นกัน หรือพูดง่ายๆ คือวัดที่มีน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์นั่นเอง

 

วัดน้ำใส (Kiyomizu-dera)

นักท่องเที่ยวมากันที่วัด Kiyomizu-dera เยอะมาก

นักท่องเที่ยวถ่ายรูปวิวธรรมชาติที่วัด Kiyomizu-dera

 

หากใครกำลังมองหาเครื่องราง ด้านบนตัวอาคารหลักมีพื้นที่สำหรับขายเครื่องรางอยู่ แบ่งประเภทตามความต้องการ เช่น เครื่องรางสำหรับความรัก สุขภาพ เงินทอง เป็นต้น นอกจากนี้ตัวอาคารหลักของวัดยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นอีกด้วย

 

เครื่องรางที่ขายภายในวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera)

วัด Kiyomizu-dera ที่จังหวัดเกียวโต

วัดน้ำใส (Kiyomizu-dera) จังหวัดเกียวโต

 

วิวมุมสูงของเกียวโตจากวัด สวยไม่แพ้ที่ไหน อดใจไม่ได้ที่จะส่งรูปอวดให้คนที่บ้านรู้ ตอนแรกแอบกลัวว่าด้านบนจะเน็ตจะมาไม่ถึง รู้สึกดีมากที่พก Pocket Wifi จาก Skyberry ติดตัวมาด้วย ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่เราว่ามีติดไว้ อุ่นใจดีนะ

ตกเย็นฉันแวะไปหาอะไรกินที่ตลาด Nishiki Market สถานที่ที่รวมทั้งร้านอาหาร ของสด ของแห้ง ร้าน Selected Shop มากมาย ช็อปเพลินจนลืมถ่ายรูป ขอโทษจริงๆ จบวันที่ 1 ใช่บัสคุ้มมาก ดีใจ : )

 

คุณตาคุณยายก็มาเที่ยวกันที่วัด Kiyomizu-dera นะ

 

นอกจากวัดน้ำใสแล้ว อีกหนึ่งแห่งที่ต้องไปเมื่อมาเกียวโตก็คือ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shirne) หรือ “ศาลเจ้าจิ้งจอก” วันถัดมาฉันเลยสัญญากับตัวเองว่าต้องไปให้ได้ 

 

รถไฟ JR สาย Nara Line จากสถานีเกียวโตไปลงที่สถานี Inari

 

วันนี้ฉันเลือกนั่งรถไฟ JR สาย Nara Line จากสถานีเกียวโตไปลงที่สถานี Inari ลงจากรถแล้วเดินต่อนิดหน่อยก็เจอเลย จนรู้สึกว่าใกล้เกินไป เลยขอเดินเลยไปแวะจิบกาแฟซักหน่อย ฉันเจอร้าน Vermillion แบบไม่ได้ตั้งใจ เข้าไปก็ค่อนข้างประทับใจนะ บาริสต้าดีเลย ขอยืนยันด้วยรูปถ่าย ฮ่าๆ  

 

ร้าน Vermillon ที่เกียวโต (Kyoto)

ร้านกาแฟที่ตลาด Nishiki Market

 

กินกาแฟเสร็จก็พร้อมออกไปสู้แดดที่ศาลเจ้า เคยอ่านรีวิวมาว่าหากเดินลอดเสาโทริอิสีแดงจากต้นทางจนสุดปลายทางจำนวน 5 กม. แล้วจะโชคดี จากที่สังเกตคือจะมีศาลเจ้าให้ขอพรอยู่ตามทางค่อนข้างหลายจุด บอกตามตรงว่าพี่ไม่ไหวจริงๆ ยกธงขาวขอยอมแพ้ อากาศร้อนเกินไป ยุงก็เยอะด้วย สัญญาว่าถ้ามีโอกาสไปอีกในฤดูอื่น จะเดินให้ถึงปลายทางนะ  

 

ศาลเจ้าที่เกียวโต

เสาโทริอิสีแดง เกียวโต

 

นอกเหนือจากนี้ ฉันยังไปตามล่าร้านกาแฟอีกนิดหน่อย หลงทางมาก็เยอะ แต่ดีใจที่เช่า Pocket Wifi Skyberry ไปทุกวัน จะหลงทางกี่ครั้งก็ไม่กลัว ไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังอีก

สำหรับคนที่สนใจ เราอยากบอกว่าสามารถจอง Skyberry ได้ 2 ทาง
1.จองออนไลน์ได้ที่ http://skyberry.me/rental_form/th/ จองล่วงหน้าก่อนการเดินทาง 5 วัน
2.จองผ่านหน้าร้านได้ที่ ร้าน Berry Mobile สาขาสุขุมวิท 39 และ Berry Mobile สาขาศรีราชา เจ้าหน้าที่จะให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มการจองที่หน้าร้าน
*ต้องชำระด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ทั้งการจองผ่านหน้าเวปไซต์และการจองผ่านหน้าร้าน

การรับเครื่อง รับได้ 2 ทาง
กรณีการจัดส่ง แบบ Delivery  
จะได้รับการจัดส่งเครื่องก่อนการเดินทางอย่างน้อย 1-2 วันก่อนการเดินทาง ผ่านทาง Messenger หรือ ไปรษณีย์ไทย ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการให้จัดส่ง
กรณีมารับด้วยตัวเอง
รับได้ที่ ร้าน Berry Mobile สาขาสุขุมวิท 39 และ Berry Mobile สาขาศรีราชา ซึ่งสามารถมารับได้ ก่อนการเดินทาง 1 วัน   

วันเวลาเปิดทำการ
ร้าน Berry Mobile สาขาสุขุมวิท 39
เปิดบริการทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 10:30 น. – 18:30 น.
ร้าน Berry Mobile สาขาศรีราชา
เปิดบริการทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 10:30 น. – 18:30 น.

เมื่อได้รับเครื่องเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเปิดใช้เครื่องได้ทันทีเมื่อถึงสนามบินของประเทศปลายทาง ใช้ง่ายมาก สามารถตรวจสอบข้อมูลการเชื่อมต่อและรหัสได้จากด้านหลังตัวเครื่อง อยากให้ทุกคนลองใช้กันนะ เราใช้มาแล้วดี เลยอยากบอกต่อเท่านั้นเอง

จบทริป 2 วัน 1 คืนในเกียวโตหน้าร้อนของเราแล้ว ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะ : )

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ