สารบัญ

 

Midnight Sun (2006), Gachi Boy Wrestling with a Memory (2008), Flowers (2010), The Liar and his Lover (2013) จนกระทั่ง Chihayafuru นี่อาจเป็นชื่อภาพยนตร์ที่คอหนังญี่ปุ่นหลายคนคุ้นเคย เพราะเป็นเวลากว่า 23 ปีแล้วในวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นของโนริฮิโระ โคอิซึมิ (Koizumi Norihiro) การันตีฝีมือด้วยการที่ภาพยนตร์ของเขาถูกนำไปฉายเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติในหลายประเทศทั่วโลก ความสำเร็จยังคงต่อเนื่องจากการคว้ารางวัลเกี่ยวกับภาพยนตร์มานับไม่ถ้วน

 

คุณโนริฮิโระ โคอิซึมิ (Koizumi Norihiro) ผู้กำกับและเขียนบทชื่อดังจากเรื่อง “Chihayafuru”

 

งานเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น (Japanese Film Festival 2019) ที่ผ่านมา คิจิได้มีโอกาสพิเศษสัมภาษณ์คุณโนริฮิโระ โคอิซึมิ (Koizumi Norihiro) ผู้กำกับและเขียนบทชื่อดังจากเรื่อง “Chihayafuru” ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่องราวความรักความผูกพันและมิตรภาพของ ชิฮายะ, ไทอิจิ และอาราตะ เพื่อนสมัยเด็กที่ถูกผูกพันกันไว้ด้วยความหลงใหลในการเล่น “คารุตะ” (การเล่นไพ่แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น) จากกระแสตอบรับเกินคาดจากการฉายภาค 1 และ 2 ในเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้จึงได้นำกลับมาฉายอีกครั้งแบบต่อเนื่องพร้อมกับบทสรุปของเรื่องราวมิตรภาพและการแข่งขันในภาคที่ 3 ในเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นปีนี้

นอกจากพูดคุยเรื่องภาพยนตร์เรื่องล่าสุดแล้ว คิจิถือโอกาสชวนสนทนาภาษาคนสร้างหนัง อะไรที่ทำให้คนๆ หนึ่งหลงใหลในการทำภาพยนตร์ขนาดนี้กับแพชชั่นที่ไม่เคยหมดไปกว่า 23 ปี ของโนริฮิโระ โคอิซึมิ

 

Q: ทำไมถึงมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเลือกมาทำงานในสายนี้

ทำไมงั้นหรอ มันเป็นคำถามที่ธรรมดามาก แต่ก็ยากที่จะตอบนะ (หัวเราะ) ตอนนั้นผมอายุ 15 คือมีอาจารย์แปลกๆ ท่านหนึ่ง เขาอยากจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์หรือไม่ก็นักเขียนนี่ล่ะ (แต่สุดท้ายก็มาเป็นอาจารย์) เขาได้สั่งให้พวกผมทำภาพยนตร์โฆษณา (Commercial Film) แต่ในตอนนั้นพวกผมไม่รู้วิธีการกำกับการทำอะไรพวกนี้เลย เราเลยต้องลองทำกันเองทุกอย่างและก็รู้สึกว่ามันสนุกมากๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็เริ่มทำ Student Film มาโดยตลอด จนกระทั่งได้เข้ามาร่วมทีมกับ Robot Communication Inc. ที่ๆ ผมอยู่ในตอนนี้

ผมคิดว่านี่เป็นคำถามที่น่าสนใจจริงๆ คือมันสนุกเวลาที่ได้คิด แก้ไข และนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมสามารถทำได้ดีมากๆ ด้วย เวลาที่เนื้อเรื่องกับดนตรีมันผสมผสานกัน มันทำให้สิ่งที่ผมจะสื่อนั้นมีอารมณ์และมีพลังอย่างมหาศาล ตอนนี้เหมือนผมค้นพบแล้วว่า นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะทำไปตลอดชีวิต

 

คุณโนริฮิโระ โคอิซึมิ (Koizumi Norihiro)

 

Q: เราคิดว่าการจะเป็นผู้กับกับภาพยนตร์ได้นั้นเป็นสิ่งที่ยากมากแล้วสิ่งที่ท้าทายที่สุดในการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์สำหรับคุณคืออะไร

อืม ไม่รู้ว่านี่เป็นเฉพาะที่ญี่ปุ่นรึเปล่านะ คือในวงการภาพยนตร์เขาจะแบ่งภาพยนตร์ออกเป็น 2 แบบ คือภาพยนตร์เชิงศิลปะ (Art Film) และภาพยนตร์เพื่อความบรรเทิง (Entertaining Film) ผมว่ามันมีอะไรบางอย่างที่อยู่ระหว่าง 2 อย่างนี้ คือ มีความสนุกแล้วก็แฝงด้วยความสุนทรีย์ของศิลปะเข้าไป หรือเป็นแนวศิลปะที่สอดแทรกความบรรเทิงเข้าไปนั่นเอง นี่คือสิ่งที่ผมพยายามทำและจะทำมันต่อไป ซึ่งนี่อาจเป็นความท้าทายของผมครับ แรงบันดาลใจอีกอย่างของผมคือการทำให้ผู้ชมได้เพลิดเพลินไปกับภาพยนตร์ที่แฝงไปด้วยข้อความและความหมาย ผมว่านี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

Q: เท่าที่รู้มา Chihayafuru เป็นมังงะที่โด่งดังมากและได้ถูกนำไปสร้างเป็นฉบับอนิเมะด้วย แล้วอะไรเป็นแรงบรรดาลใจที่ทำให้นำเรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ Live Action

หลักๆ เลยก็เพราะคารุตะนั่นล่ะ ถึงแม้ว่าจะในฉบับแอนิเมชัน (ไม่ขอพูดถึงมังงะนะ) มันจะสามารถแสดงให้เห็นถึงการเล่นไพ่คารุตะได้ก็จริง แต่ผมก็อยากให้ผู้ชมได้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่เป็นของจริง ดูสมจริงมากขึ้น เหมือนกับเวลาปัดไพ่อะไรทำนองนั้น มันให้ความรู้สึกคล้ายภาพยนตร์ซามุไรแนว Action เลย นี่ล่ะ เหตุผลที่ทำไมถึงนำมาประยุกต์เป็นฉบับ Live Action

 

Koizumi Norihiro

 

Q: ใน Chihayafuru Musubi มีฉากที่เป็นภาพวาดที่น่าสนใจมากอยู่และดูเหมือนจะทำยากด้วย

จริงๆ แล้วนั่นค่อนข้างจะธรรมดามากนะ มันเรียกว่าเทคนิค Rotoscope คือเรานำภาพยนตร์ที่ถ่ายเป็น Live Action มาวาดตามโดยการวาดมือ (Hand-Drawn) ซึ่งใช้เวลาเยอะมากๆ ผมขอให้ศิลปินวาดฉากนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเธอสติแตกไปเลยล่ะ (หัวเราะ)

 

Q: แล้วสำหรับคุณฉากไหนที่คิดว่ากำกับได้ยากที่สุด

อืม มันยากที่จะกำกับตัวละครตัวใหม่ในภาพยนตร์นะ อย่างใน Chihayafuru Musubi มีตัวละครน้องใหม่เพิ่มมา 2 บทบาท พวกเข้าค่อนข้างเด็กและไม่ค่อยมีประสบการณ์เท่าไร จึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับตัวละครที่พวกเขาได้รับแสดง ผมจึงต้องคอยกำกับพวกเขาตลอดเวลาเลยว่าต้องทำอะไรและมันก็ใช้เวลาเยอะมาก ทำเอาผมช็อคไปเลย

 

คุณโนริฮิโระ โคอิซึมิ

 

Q: เท่าที่เคยได้ดูภาพยนตร์ของคุณมา จำได้ว่ามีเรื่องที่เกี่ยวกับดนตรีอยู่ 2 เรื่อง คือ Taiyo no Uta กับ Kanojo wa Uso wo Aishisugiteru ก็คิดว่าอาจเป็นคนที่ชอบดนตรี คุณเล่นดนตรีอยู่ด้วยหรือเปล่า

จริงๆ แล้วผมไม่เล่นดนตรีนะ คือเราไม่สร้างภาพยนตร์เพลงเพราะว่าเราเล่นดนตรี อย่างผมไม่ได้เล่นคารุตะ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะสร้างภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับคารุตะ การสร้างภาพยนตร์เราไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งเหล่านั้นได้จริงๆ เพราะนั่นสามารถทำให้เราได้ใช้ความรู้สึกหรือจินตนาการถึงสิ่งเหล่านั้นได้มากขึ้นด้วย

 

Q: จริงๆ แล้วคุณชอบหนังแนวไหน แล้วผู้กำกับในดวงใจของคุณคือใคร

โอ้! ผมมีเยอะมากๆ เลย ถ้าในตอนนี้ก็คงจะเป็น Christopher Nolan, Alfonso Cuaron (จากภาพยนตร์เรื่อง ROMA และ The Gravity), Alejandro G. Inarritu (จากภาพยนตร์เรื่อง The Revenant และ 21 Grams) อ้า แล้วก็ Steven Spielberg ด้วย ผมคิดว่าผู้กำกับเหล่านี้สร้างภาพยนตร์ที่อยู่ระหว่าง Art film กับ Entertaining film ผมชอบพวกเขาทุกคนเลย

 

 

 

Q: เคยชมภาพยนตร์ไทยไหม แล้วคิดอย่างไรกับภาพยนตร์ไทย

ไม่ค่อยได้ชมเลยแต่ก็มีบ้างนะ เคยดูเรื่อง Chocolate ที่เป็นแนว Action พวกมวยไทย คือภาพยนตร์ไทยที่เข้าญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะมีแต่แนวๆ นี้ ดังนั้นผมเลยไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูแนวอื่นๆ เช่น Drama หรือ Romantic น่ะ แต่อยากดูอยู่นะ

 

Q: คิดว่าภาพยนตร์ไทยกับญี่ปุ่นมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

อย่างที่บอก ผมไม่ค่อยได้ดูภาพยนตร์ไทยเท่าไร แต่ก็คิดว่าน่าจะไม่ต่างกันมาก เพราะว่าเรามีอะไรที่เหมือนๆ กันเยอะอยู่ อย่างเรื่องของวัฒนธรรม การใช้ชีวิต หรือแม้แต่ด้านอารมณ์ ผมคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีมาก ถ้าเรามีโอกาสที่จะเรียนรู้ซึ่งกันและกันผ่านทางภาพยนตร์ ผมถึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้

 

 

Q: เวลาว่างคุณชอบทำอะไร งานอดิเรกของคุณคืออะไร

พูดถึงงานอดิเรก ต้องบอกว่าจักรยาน ผมปั่นจักรยานเยอะมากทีเดียว (หัวเราะ)

 

Q: เคยมาที่เมืองไทยหรือเปล่า มีสิ่งที่แปลกใจไหมเมื่อมาถึงที่นี่

โอ้ นี่เป็นการมาประเทศไทยครั้งแรกของผมเลย ผมมาถึงที่นี่เมื่อเช้านี้เอง และสิ่งที่คิดว่าตกใจก็คือไฟจราจรมันยากที่จะเปลี่ยนเป็นไฟเขียวน่ะ (หัวเราะ)

 

เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น (Japanese Film Festival 2019)

 

Q: สุดท้ายนี้ มีภาพยนตร์ที่คุณคิดว่าจะทำต่อจากเรื่อง Chihayafuru หรือยัง เป็นภาพยนตร์แนวไหน

ตอนนี้เรากำลังทำโปรเจกต์ภาพยนตร์แอนิเมชันแนว Sci-Fi Romantic อยู่น่ะ ขอโทษด้วย เราบอกเยอะไม่ค่อยได้ แต่ก็มีอีกโปรเจกต์ที่กำลังจะทำเป็นแนวประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นด้วยนะ

 

Q: ฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทยหน่อย

ผมอยากจะขอบคุณทุกคนที่สนใจใน Chihayafuru และภาพยนตร์ญี่ปุ่น หวังว่าทุกคนจะติดตามชมภาพยนตร์ญี่ปุ่นต่อไป เพื่อที่พวกเราจะได้มาเจอกันอีกครั้งครับ (หัวเราะ) ใครที่ยังไม่ได้ดูภาพยนต์เรื่อง Chihayafuru อยากให้ลองไปดูกันครับ น่าสนใจมากที่เราจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณีการเล่นไพ่คารุตะของญี่ปุ่นได้ผ่านทางภาพยนตร์ คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยรู้จักมาก่อน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ชมด้วยครับ

 

ผู้กำกับและเขียนบทชื่อดังจากเรื่อง “Chihayafuru” ที่ฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น (Japanese Film Festival 2019)

 

ถึงแม้ว่าเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2562 ในกรุงเทพฯ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ชาวเชียงใหม่และภูเก็ตที่สนใจ ยังคงตามไปดูกันได้ สำหรับที่เชียงใหม่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ. 2562 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ เชียงใหม่ และปิดท้ายเทศกาลที่จังหวัดภูเก็ตระหว่างวันที่ 22-24 ก.พ. 2562 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต ในราคา 80 บาท ทุกเรื่องทุกรอบ

สามารถซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ ณ จุดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์, เว็บไซต์ sfcinemacity.com และที่แอปพลิเคชั่น SF Cinema
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SF Call Center 02-268-8888 เว็บไซต์ sfcinemacity.com และเฟซบุ๊ก Welovesf

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ