Tokyo Genderless Fashion

ทำไมผู้ชายต้องใส่กางเกง และผู้หญิงต้องใส่กระโปรง? ใครเป็นคนกำหนด? แล้วทำไมเราจึงต้องทำตาม?

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคโบราณ ผู้คนทั้งชายและหญิงจะสวมใส่ชุดกิโมโน ซึ่งลักษณะเหมือนเดรสกระโปรงยาวคลุมขา แต่เมื่อมีการสู้รบเกิดขึ้น ชนชั้นซามูไรหรือนักรบ จะเปลี่ยนการแต่งกายเป็นการสวมกางเกง หรือในภาษาญี่ปุ่น เรียกว่า ฮากามะ (袴) ซึ่งลักษณะเหมือนกางเกงขาบาน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวเวลาขี่ม้าสู้รบ

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป วัฒนธรรมตะวันตกในยุคอุตสาหกรรมเริ่มมีบทบาทมากขึ้น การสู้รบลดลง การแต่งกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง จากที่ผู้หญิงต้องใส่แต่กระโปรงอยู่บ้าน ทำงานบ้าน ผู้หญิงเริ่มสวมกางเกง และออกมาทำงานนอกบ้านมากขึ้น จนเป็นผลมาถึงปัจจุบัน

 

 

ซึ่งยุคนี้ปี 2018 วัยรุ่นญี่ปุ่นในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว เริ่มเกิดคำถามว่า ทำไมเราจึงต้องถูกบังคับให้ใส่กางเกงหรือกระโปรง ชุดแบบนี้ผู้ชายใส่ได้ ผู้หญิงใส่ไม่ได้ หรือผู้ชายห้ามใส่กระโปรงนะ กระโปรงเป็นของผู้หญิง ทำไมถึงเกิดกรอบที่จำกัดการแสดงออกแบบนี้

จึงเป็นการถือกำเนิดคำว่า “Genderless Fashion” หรือ “แฟชั่นที่ไม่มีเพศ” เป็นนิยามใหม่ของแฟชั่นในยุคนี้เลยก็ว่าได้ แล้ว Genderless Fashion คืออะไร?

ไม่รู้ว่าทุกคนพอจะนึกภาพออกกันไหมว่า การที่ผู้ชายใส่กระโปรง เสื้อลูกไม้ หรือรองเท้าส้นสูง รวมถึงการแต่งหน้า มันจะพ้นการเป็นเพศที่สามไปได้อย่างไร แต่ในโตเกียวได้ถือกำเนิด Culture ใหม่ที่เรียกว่า Genderless Fashion ขึ้น เป็นวัฒนธรรมของสังคมที่ไม่มีเพศในเรื่องการแต่งกาย ผู้ชายจับเอาเสื้อผ้าของผู้หญิงมา Mix กับเสื้อผ้าเดิมของตัวเอง หรือผู้หญิงเดินเข้าร้านขายเสื้อผ้า และเลือกเอาชิ้นที่อยู่ใน Section ผู้ชาย มาผสมกับความเป็นตัวเอง และเกิดเป็นลุคใหม่ที่ดูไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง?

 

 

แต่คนเหล่านี้ไม่ใช่เพศที่สามค่ะ แต่เป็นการแสดงออกถึงความเป็นตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่งผ่านการแต่งกายที่ไม่ใช่เพศเดิมของตัวเอง เรียกว่าสนุกสนานและท้าทายตัวเองให้ลองอะไรใหม่ๆ เมื่อเราได้ทดลองสิ่งใหม่ แต่งตัวแบบใหม่ๆ การมองโลกก็จะเปลี่ยนไป หมิวเองมีเพื่อนคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง ถ้ารู้จักกันเผินๆ อาจจะนึกว่าเขาต้องเป็น Ladyboy แน่ๆ เพราะผมก็ยาว ย้อมสีม่วง บางวันก็ใส่กระโปรงเอวสูง รองเท้าส้นสูง แถมแต่งหน้าอีก แต่เพื่อนของหมิวคนนี้ เป็นผู้ชายแท้ๆ และมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วย ส่วนชุดที่เขาเอามาใส่ ก็คือชุดของแฟน! ทุกคนได้ยินแล้วคงตกใจว่า ไอ้นี่บ้ารึเปล่า แต่งตัวเป็นผู้ชายปกติไม่ชอบ ทำไมถึงเอาชุดของผู้หญิงมาใส่  

 

 

จากการสอบถามวัยรุ่นเหล่านี้ ได้คำตอบว่า มันทำให้ชีวิตเขามีความสุข เขาเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองอะไรใหม่ๆ แทนที่จะต้องทำตามกำหนดของสังคมว่า ผู้ชายต้องทำตัวเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิงก็ต้องทำตัวให้เป็นผู้หญิง อยากให้คนในสังคมได้เปลี่ยนแปลงการแต่งตัวมากขึ้น ไม่ใช่ซื้อเสื้อผ้าตามหุ่นที่โชว์มาเป๊ะๆ แต่อยากให้ทดลองใส่ความเป็นตัวเองลงไป ชอบแบบไหนก็ใส่ความเป็น Originality ของตัวเองลงไป แม้ว่าสังคมที่คุณอยู่จะยังไม่เข้าใจคำว่า Genderless Fashion และอาจจะเข้าใจผิด ก็ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะมองหรือซุบซิบนินทาอย่างไร แล้วการมองโลกของคุณจะเปลี่ยนไป

แล้วชาว KIJI ล่ะคะ อยากเปลี่ยนมุมมองในการมองโลกไหม Genderless Fashion อาจเป็นคำตอบหนึ่งของคุณก็ได้ แล้วพบกันในคอลัมน์หน้าค่ะ 😉 

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ