TAXI ญี่ปุ่น โบกเรียกได้**แก๊สไม่หมด
รู้มั้ยว่า..
- แท็กซี่ญี่ปุ่นไม่ค่อยปฏิเสธผู้โดยสารเพราะหลายเหตุผล แต่เหตุผลหนึ่งคือการที่แท็กซี่จะถูกอบรมเพื่อให้มีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับงานบริการ
- แท็กซี่ญี่ปุ่นตามสถานที่บางแห่ง เช่น ห้างใหญ่ๆ หรือสถานีรถไฟ ต้องไปยืนโบกเฉพาะจุดที่มีป้าย タクシー乗り場 (ทาคุชี โนริบะ)
- แท็กซี่ญี่ปุ่นไม่รับทิป!
.
“Taxi ญี่ปุ่น” ขึ้นชื่อในเรื่องบริการที่คุณภาพ Premium (และราคาแพงมหาโหดเช่นกัน ^^’) และที่สำคัญ สิ่งหนึ่งที่ผู้คนสบายใจคือ “มักไม่ปฎิเสธผู้โดยสาร” ซึ่งมีสาเหตุมากมายที่เป็นแรงจูงใจให้คนขับเลือกที่จะไม่ปฎิเสธผู้โดยสาร ทั้งโครงสร้างราคาค่าโดยสาร / สภาพจราจร / กฎหมายบทลงโทษ / การ Training คนขับให้มีทัศนคติด้านงานบริการ ฯลฯ มีโอกาสน้อยมากๆ ที่คุณจะถูกปฎิเสธต่อหน้าเอาดื้อๆ
สำหรับการโบกเรียก Taxi นั้น บางบริเวณเช่น หน้าสถานีรถไฟ / ห้างใหญ่ๆ / ตึกสำนักงาน / สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ จะมีจุดจอดรวม Taxi “ต่อคิว” กันอยู่ และเราในฐานะลูกค้าสามารถไป (ต่อคิว) เรียกได้ที่ “จุดเรียกแท็กซี่” โดยให้สังเกตป้ายว่า タクシー乗り場 (ทาคุชี โนริบะ) ถ้าเห็นป้ายนี้ ก็ให้มาต่อแถวเรียกนะครับ เพราะหากเรียกที่จุดอื่นๆ (ในบริเวณนี้) อาจเป็นการแซงคิวคนอื่นได้ และคนขับ Taxi เองก็อาจไม่รับด้วย(เพราะเขาก็ต้องมาต่อคิวที่จุดนี้เช่นกัน ^^)
อนึ่ง ตามท้องถนนบางแห่ง ไม่ใช่ว่าจะอยากโบกเรียก Taxi ตรงไหนก็ได้ ให้ลองสังเกตก่อนว่าแถวนั้นมีจุดเรียกเป็นเรื่องเป็นราวด้วยรึเปล่า และทางเท้าบางแห่งมีการทำราวกั้นตลอดแนวถนน ทำให้ต่อให้โบกแล้วแต่ก็ไม่สามารถออกไปขึ้นรถได้ (นอกจากจะปีนรั้วลอดรั้วข้ามไป-ซึ่งไม่ควรทำ)
กรณีที่จะโบกเรียก Taxi ตามสถานที่โล่งทั่วไป ให้สังเกต “ป้ายไฟหน้ารถ” เสียหน่อยว่า
สีแดง 空車 (Kuusha) = ว่าง พร้อมรับผู้โดยสาร
สีเขียว 賃走 (Chinsou) = ไม่ว่าง หรือ มีคนจองแล้ว
และยังมีป้ายไฟ “สถานะ” อื่นๆ ด้วยอย่าง
回送 (Kaisou) = กำลังกลับอู่อยู่
予約 (Yoyaku) = ถูกจอง/ ถูกเรียกไปรับผู้โดยสารอื่นอยู่
待 (machi) = จอดรอผู้โดยสารอยู่ (บางคนโทรเรียก)
支払い (shiharai) = ผู้โดยสารกำลังจ่ายเงินอยู่
“ขนาด” ของรถ Taxi ญี่ปุ่น มีทั้ง เล็ก-กลาง-ใหญ่ ที่เราเห็นๆ ตามท้องถนนส่วนใหญ่คือ รุ่น “Toyota Crown” ทั้ง Generation เก่าและใหม่ผสมกันไป (แต่ราคาเท่ากันหมด…ใครได้นั่งรุ่นใหม่นี่โชคดีมาก Premium สุดๆ)
Toyota Crown โมเดลรุ่นปัจจุบัน งานพรีเมียมคือมา
ราคาค่าโดยสารจะแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ แต่ภาพรวมอยู่ที่ประมาณ 550-800 เยน / 2กิโลเมตรแรก จากนั้น โดยเฉลี่ยจะเด้งทีละ 80 เยน / 350 เมตร (ตีไปเลขกลมๆ โลละเกือบร้อย!!…อ้วก) และมีการชาร์จราคาเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ 22:00-5:00 ราคาบางพื้นที่อาจชาร์จขึ้นไปถึง 30% (ตายๆๆ)
(ล่าสุดต้นปีนี้ Taxi ในกรุงโตเกียว ได้ปรับอัตราค่าโดยสารเป็นเริ่มต้นที่ 410 เยน / 1 กิโลเมตร เพราะมี Demand หลายคนที่แค่ต้องการนั่งในระยะไม่เกิน 1 กม. จะได้ไม่ต้องเสียแพงเหมือนเดิม)
มาดูในเรื่องภาพลักษณ์ที่สร้างความสบายใจให้แก่เรากันมั่ง
- Japan Only! ประตูออโต้เปิดเอง (ที่เคยเกือบเด้งกระแทกหน้าผมมาแล้ว ขณะกำลังชะโงกหน้าเข้าไปถามคนขับ…เมื่อตอนนั่งครั้งแรก)
- ภายในรถสะอาดสะอ้าน ที่นั่งมักคลุมด้วยผ้าหุ้มเบาะสีขาว และบางครั้งคนขับแจกผ้าเย็นให้เราด้วยนะ
- บางคันมีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จมือถือ
- ทุกคันมีระบบ GPS ที่ใช้ได้จริง แม่นยำ แผนที่อัพเดท ค้นหาโดยใส่ชื่อสถานที่ หรือ เบอร์โทรศัพท์ ก็ได้ทั้งนั้น
- Uniform คนขับ…ใส่สูทเรียบร้อย หมวกและถุงมือ (ไม่เสมอไป แต่ก็เห็นบ่อยๆครับ) ภาพลักษณ์ดี ก็สร้างความน่าเชื่อถือได้
- หากคนขับเห็นคุณถือกระเป๋าสัมภาระ จะลงมาช่วยคุณหิ้วขึ้นรถด้วยความเต็มใจ
- อ้อ และ Taxi ญี่ปุ่น ไม่รับ ‘ทิป’ นะครับ (หรือถ้าคุณประทับใจในบริการจริงๆจนอยากแถมนิดๆหน่อยๆให้ จ่ายเงินยื่นแบงค์เสร็จอาจพูดว่า「おつりは要りません」…เงินทอนไม่เป็นไร แล้วลงไปเลย ฮ่าๆๆ ^^)
คนขับ Taxi ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ มีทัศนคติต่ออาชีพของตนว่า นี่คือหนึ่งในงานบริการที่มีเกียรติ การที่ลูกค้าโบกเรียกแสดงถึงความไว้วางใจของเค้าที่มีต่อเรา เราจึงต้องบริการเค้าให้ดีที่สุด อีกมุมหนึ่งที่ลึกขึ้นคือยังมีหน้าที่กุมชะตาชีวิตของผู้โดยสารไม่ต่างจากคนขับรถไฟ คนขับรถบัส กัปตันขับเครื่องบิน (แม้จะเป็นในระดับที่เล็กกว่ามากก็ตาม) ความปลอดภัยผ่านพฤติกรรมการขับขี่และสภาพตัวรถจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับต้นๆ
เห็นแบบนี้แล้ว คราวหน้าถ้าเห็น Taxi ญี่ปุ่นขับโฉบมา อย่ากังวลเลยว่าจะถูกปฎิเสธตบหน้า โบกเรียกโลด! (แต่เช็คเงินในกระเป๋าตังค์ก่อนล่ะ อิอิ)