Hakone and Kamakura : นั่งรถไฟโอดะคิวเที่ยวฮาโกเน่และคามาคุระในวันไฮเดรนเยียบาน
สารบัญ
YES! I never get bored of traveling to
HAKONE AND KAMAKURA indeed
ฤดูกาลแห่งดอกไฮเดรนเยียมาถึงแล้ว!
ช่วงเดือนมิถุนายนถึงปลายเดือนกรกฎาคมแบบนี้เป็นช่วงเวลาทองที่เหมาะกับการเดินทางไปเที่ยวเมืองฮาโกเน่และคามาคุระในจังหวัดคานางาวะเป็นที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ “ดอกไฮเดรนเยีย” หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “อาจิไซ (Ajisai)” กำลังฟูลบลูมเบ่งบานทักทายผู้คนไปทั่วทั้งเมือง
ใช่แล้ว ฮาโกเน่ (Hakone) และคามาคุระ (Kamakura) เมืองท่องเที่ยวของจังหวัดคานางาวะเป็นจุดหมายในทริปเที่ยวญี่ปุ่นของเราในครั้งนี้
เราเลือกซื้อบัตรโดยสาร Hakone Kamakura Pass เพื่อใช้เป็นตั๋วเดินทางของทั้ง 2 เมือง เพราะบัตรนี้ใช้ขึ้นลงระบบขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง อีกทั้งยังใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในเมืองฮาโกเน่และคามาคุระได้ด้วยแหละ แพลนคราวนี้นอกจากจะเป็นการตะลอนชมความสดใสของดอกไฮเดรนเยีย ยังเป็นการเดินทางสายอาร์ต ชวนเข้าพิพิธภัณฑ์เจ๋งๆ ในเมืองฮาโกเน่ ตลอด 3 วันที่ได้ถือเจ้าบัตรโดยสารนี้ติดตัว ก็ได้แต่คิดขอบคุณตัวเองว่าตัดสินใจไม่ผิดเลยสักนิดที่จ่ายเงินซื้อบัตรโดยสารนี้ไป
ดูจากสถานที่ที่เราลิสต์เอาไว้ว่าอยากไปและเพื่อที่จะได้เที่ยวแบบจัดเต็ม เราเลยเลือกจองที่นั่งรถไฟขบวน Romancecar จากสถานี Shinjuku แล่นตรงไปยังสถานี Hakone-Yumoto ยาวๆ แบบไม่จอดแวะทุกสถานีใดๆ ใช้เวลาแค่ 75 นาที ซึ่งเร็วกว่ารถไฟธรรมดาตั้งเกือบชั่วโมงเชียวนะ แบบนี้ก็จะมีเวลาไปเที่ยวในฮาโกเน่และคามาคุระได้อีกเยอะ
Info
Hakone Kamakura Pass
Ticket Price: ผู้ใหญ่ 7,000 เยน/ เด็ก 2,250 เยน
Period: 3 วัน (ตามที่ระบุบนบัตรโดยสาร)
Website: www.odakyu.jp/english/passes/hakone_kamakura
*หมายเหตุ: รถไฟ Romance Car ต้องซื้อตั๋ว Limited Express Romance Car แยกต่างหาก ตั๋วเที่ยวเดียวจากสถานี Shinjuku ถึงสถานี Hakone-Yumoto ราคา 2,280 เยน ซื้อได้ที่ The Odakyu Sightseeing Service Centers ในสถานี Shinjuku หรือจองล่วงหน้าที่เว็บไซต์ www.odakyu.jp/english/romancecar
Hydrangeas are Coming to Town
Hakone Area | ฮาโกเน่
“Next Station Hakone-Yumoto”
เสียงประกาศเจื้อยแจ้วในรถไฟขบวน Romancecar ดังขึ้นเตือนให้เรารู้ว่าทริปตะลอนทั่วเมืองฮาโกเน่ของเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
เอาเข้าจริง นี่เป็นการเดินทางมายังเมืองบ้านใกล้เรือนเคียงโตเกียวอย่าง “ฮาโกเน่” และ “คามาคุระ” โดยรถไฟขบวน Romancecar เป็นครั้งที่สองของเรา ไม่รู้จะอธิบายว่าเราถูกอกถูกใจส่วนไหนของรถไฟขบวนนี้ก่อนดี ข้าวกล่องรถไฟ (Ekiben) ที่ตัวกล่องเป็นรูปหัวรถไฟจริงๆ น่ารักน่ากินมาก, ความเท่ของเบาะที่หมุนได้ 180 องศา, เล่น Wi-Fi ได้ฟรี, มีรถเข็นอาหารและสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะขบวนคอยบริการ หรือวิวหลากหลาย ตึกสูงใหญ่ ชุมชนแถวชานเมือง ไม่ก็แม่น้ำสายใหญ่ระหว่างทาง จำได้ไม่หมดหรอก แต่รู้ว่าประทับใจ
เรากลับมาอีกครั้งเพราะพบว่าช่วงนี้ที่เมืองฮาโกเน่ มีเส้นทางรถไฟสายดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea Train หรือ Ajisai Train) ซึ่งก็คือขบวนรถไฟหน้าตาเก๋ Hakone Tozan Train สีแดงสด โดยตลอดทางตั้งแต่สถานี Hakone-Yumoto ยาวไปจนถึงสถานี Chokoku-no-Mori จะได้เห็นไฮเดรนเยียเบ่งบานทักทายนักท่องเที่ยว นอกจากจะได้นั่งรถรางชมไฮเดรนเยียเพลินๆ ตอนฟ้าใสแล้ว ตอนกลางคืนที่นี่ก็มีอีเว้นท์ Hydrangea Train Light Up ให้เราได้เพลิดเพลินกับความสวยงามจนถึงดึกดื่นราวๆ 4 ทุ่ม กดถ่ายรูปกันให้แบตเตอรี่กล้องหมดกันไปเลย
ช่วงเวลาที่ได้เห็นสีฟ้าอมม่วงของเหล่าดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่งตลอดสองข้างทางรถไฟ ก็ทำให้รู้เลยว่าคำที่ได้ยินคนพูดบ่อยๆ อย่าง มันสวยจนหุบยิ้มไม่ได้นั้นมีอยู่จริงๆ ขอยืนยันจากกล่องความทรงจำของเราเอง ที่พบเจอรอยยิ้มน้อยใหญ่จากทุกช่วงวัยเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนของเพื่อนร่วมขบวนเส้นทางรถไฟสายนี้
✦ ใช้บัตร Hakone Kamakura Pass ขึ้น Hydrangea Train ได้ฟรีนะ
Hakone Museum of the Day
ฮาโกเน่เป็นเหมือนสถานที่รวมเอาทั้งความเจริญ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ความเชื่อ ศิลปะ และวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน คราวนี้ เราขอแนะนำพิพิธภัณฑ์เจ๋งๆ ในฮาโกเน่ ที่บางแห่งก็แอบมีพื้นที่ให้ดอกไฮเดรนเยียเบ่งบานแข่งกับงานศิลปะ ยิ่งถ้าใครถือบัตร Hakone Kamakura Pass ก็จะได้ส่วนลดค่าเข้าชมด้วย บอกไว้ก่อนตรงนี้ว่าเราไม่ใช่สายอาร์ตจ๋าที่ร่ำเรียนศิลปะมาโดยตรง เป็นเพีงหญิงสาวที่รู้สึกเพลิดเพลินกับการเดินเข้าพิพิธภัณฑ์ เรารู้สึกว่าการได้เดินชมงานศิลปะก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลืมเรื่องเครียดต่างๆในชีวิตได้ดี เลยอยากชวนทุกคนมาเดินเล่นพิพิธภัณฑ์ด้วยกันเถอะนะ มันสบายใจดีจริง
The Hakone Open-Air Museum
พูดถึงพิพิธภัณฑ์ภาพแรกที่โผล่เข้ามาในหัวคือการเดินชมงานศิลปะเงียบๆ ในห้องขนาดใหญ่ แต่สถานที่ที่เรากำลังจะเล่าถึงต่อไปนี้ทำให้เราต้องคิดใหม่ เพราะ The Hakone Open Air Museum มีคอนเซ็ปต์หลักเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง (Sculpture Garden) เปิดโล่งบนเนินเขากว้างของเมืองฮาโกเน่ บรรยากาศของผู้คนพูดคุยระหว่างชมงานศิลปะชวนให้พื้นที่แห่งนี้น่าเดินขึ้นมากกว่าปกติ
งานส่วนใหญ่ที่จัดแสดงที่นี่เป็นงานประติมากรรมรูปทรงแปลกตาชวนมอง บางชิ้นงานอาจดูเข้าใจยาก แต่การที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ปล่อยให้สมองและหัวใจเราทำงานได้อย่างอิสระ จินตนาการได้ตามใจชอบ ก็ทำให้ใครต่อใครที่ได้มารู้สึกสนุกกับงานศิลปะได้อย่างง่ายดาย และไม่ได้มีแค่โซนกลางแจ้งเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายโซนในร่ม อาทิ Picasso Pavillon นิทรรศการถาวรเป็นเหมือนไฮไลท์ของที่นี่ ซึ่งจัดแสดงผลงานของ Picasso จิตรกรดังระดับโลก, Art Hall ที่จะมีนิทรรศการของศิลปินหลากสไตล์แปะมือผลัดเปลี่ยนเข้ามาจัดแสดงงานอยู่เสมอ, Symphonic Sculpture หอคอยสูงด้านในเป็นเหมือนกระเบื้องหลากสีที่เปิดให้คนเข้าชม อีกทั้งชั้นบนสุดก็ยังเป็นเหมือนจุดชมวิวดีๆ นี่เอง
เรารู้สึกว่าที่นี่ต้อนรับคนทุกวัย เด็กเล็กก็ยังสนุกกับพิพิธภัณฑ์และงานศิลปะได้ หรือแม้แต่ผู้สูงวัยที่เดินไม่ไหว ก็ยังแอบเห็นลูกหลานพานั่งรถเข็นมาชมพื้นที่แห่งความสุขแห่งนี้กันอย่างสนุกสนานและเพลิดเพลิน ที่พิเศษกว่านั้นในเดือนมิถุนายนถึงเดินกรกฎาคมก็จะเป็นช่วงเวลาที่บริเวณพิพิธภัณฑ์นี้จะมีดอกไฮเดรนเยียบานให้เราได้ชมด้วยล่ะ
✦ แสดงบัตรโดยสารรับส่วนลดค่าเข้าชม
Info
The Hakone Open Air Museum
Admission: ผู้ใหญ่ 1,600 เยน/ ระดับมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัย 1,200 เยน/ ต่ำกว่าระดับมัธยมต้น 800 เยน
Hours: 09:00-17:00 น.
Website: www.hakone-oam.or.jp
Bus Stop: Chokoku-no-Mori
Train Station: Chokoku-no-Mori
Pola Museum of Art
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของอาคารแบบกระจกใสรอบทิศทางและมีเส้นทางธรรมชาติ (Nature Trail) เสียงนกป่าหลากสายพันธุ์ ความสวยงามของพรรณไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่เปลี่ยนไปในทุกฤดูกาลให้ผู้ที่สนใจเดินอยู่รอบพิพิธภัณฑ์ จึงทำให้แม้จะอยู่ในตัวพิพิธภัณฑ์ก็ยังรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่กลางป่าและเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอยู่ดี
พื้นที่ทั้ง 4 ชั้นของที่นี่ถูกจัดโซนเป็นห้องจัดแสดงงานศิลปะ, คาเฟ่ Tune, ร้านอาหาร Array และร้านขายสินค้าที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นระเบียบ ด้วยความที่มีห้องจัดแสดงงานอยู่หลายห้อง จึงทำให้การเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ชมงานศิลปะหลากหลายรูปแบบในคราวเดียว อย่างตอนที่เราไปมี Impressionism Light and Memory เป็นนิทรรศการหลักซึ่งรวบรวมผลงานของศิลปินระดับโลก Monet, Van Gogh, Matisse และ Picasso ที่เราชอบมากคือสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านขายของที่ระลึกก็จะเปลี่ยนไปตามงานศิลปะที่จัดแสดงด้วย ความน่ารักอีกอย่างคือในทุกๆ พื้นที่หากสังเกตุดีๆ จะเห็นเส้นทาง Barrier Free ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อผู้ที่นั่งรถเข็น เป็นความเอาใจใส่ของ Pola Museum of Art แห่งนี้ที่เราอยากชื่นชมเป็นที่สุด
แม้พิพิธภัณฑ์ถูกสร้างขึ้นมานานตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 แต่ช่วงระยะเวลากว่า 17 ปีนี้ไม่ได้ทำให้ตัวพิพิธภัณฑ์ทรุดโทรมหรือเก่าลงไปตามเวลาเลย ยังคงใส่ใจในรายละเอียดในการบริการและคอยจัดหางานศิลปะจากศิลปินชื่อดังมาจัดแสดงให้ผู้คนได้แวะเวียนมาซึมซับงานศิลปะอยู่ไม่ขาด ถ้ายังไม่รู้จะไปไหน เราก็อยากแนะนำให้ลองมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กัน
✦ แสดงบัตรโดยสารรับส่วนลดค่าเข้าชม
Info
Pola Museum of Art
Admission: ผู้ใหญ่ 1,800 เยน/ อายุ 65 ปีขึ้นไป 1,600 เยน/ ระดับมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัย 1,300 เยน/ ต่ำกว่าระดับมัธยมต้น 700 เยน
Close: ปิดช่วงเปลี่ยนแปลงนิทรรศการ (เช็คได้ทางเว็บไซต์)
Hours: 09:00-17:00 น.
Website: www.polamuseum.or.jp
Bus Stop: Pola Bijutsukan
The Little Prince Museum
“เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา”
ประโยคกินใจของสุนัขจิ้งจอกจากเจ้าชายน้อย วรรณกรรมในดวงใจของเรา หนึ่งในตัวต้นเหตุที่พาให้เราเดินทางมาไกลถึงพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ พื้นที่ด้านในถูกจำลองให้เป็นเหมือนเมืองในประเทศฝรั่งเศสบ้านเกิดและเล่าเรื่องชีวิตของอองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี (Antoine de Saint-Exupéry) นักบินรบชาวฝรั่งเศสผู้เขียนวรรณกรรมล้ำค่าทิ้งไว้ก่อนที่เขาจะไปออกรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมต้องเป็นประเทศฝรั่งเศส ก็เพราะว่าที่นี่คือสถานที่ที่วรรณกรรมเจ้าชายน้อยสุดคลาสสิกได้เริ่มต้นขึ้น
เราชอบตรงที่แม้ภายในพื้นที่หลักมีโซนเล่าประวัติของผู้เขียนอย่างจริงๆ จังๆ แต่กลับไม่น่าเบื่อเลยสักนิด เขามีวิธีการชวนให้ผู้คนที่มาเยือนได้มีส่วนร่วมในทุกๆ โซน ได้สัมผัสของจริง อย่างการจำลองห้องในฝรั่งเศสที่อองตวนกำลังแต่งวรรณกรรมเจ้าชายน้อยเมื่อปี ค.ศ. 1900 ก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและสนุกไปกับการเดินชมพิพิธภัณฑ์
นอกจากนี้ยังมีโซนคาเฟ่ จำหน่ายอาหารคาวหวานที่แต่ละเมนูได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมเรื่องเจ้าชายน้อย อย่างเช่น ข้าวห่อไข่ จากฉากเปิดของเรื่องตอนที่นักบินวาดรูปงูเหลือมกินช้าง แล้วไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเข้าใจเลยนอกจากเจ้าชายน้อย เป็นต้น และโซนขายของที่ระลึก ที่บอกเลยว่าใครอดใจให้ไม่ซื้อไหวก็บ้าแล้ว
ระหว่างทางที่เรากำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ บ่อยครั้งก็เผลอทำเรื่องราวสำคัญหล่นหายและมักหลงลืมความฝันที่ทำให้เราตาเป็นประกายในวัยเยาว์เสมอ การได้มา The Little Prince Museum พิพิธภัณฑ์เจ้าชายน้อยในเมืองฮาโกเน่ได้ชวนเราหวนไปนึกตอนยังเป็นเด็กที่กำลังตื่นเต้น มีความสุข ชีวิตเอ่อล้นไปด้วยความหวัง ที่สำคัญที่นี่ยังทำให้เราตื่นตัวที่จะใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างเต็มที่และมีความสุขอีกครั้ง แฟนงานเขียนเรื่องนี้ไม่ควรพลาดตีตั๋วมาแวะทักทายเจ้าชายน้อยบนดาวดวงที่บี 612 กันนะ
✦ แสดงบัตรโดยสารรับส่วนลดค่าเข้าชม
Info
Little Prince Museum
Admission: ผู้ใหญ่ 1,600 เยน/ ระดับมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัยและบุคคลอายุ 65 ปีขึ้นไป 1,100 เยน/ ต่ำกว่าระดับมัธยมต้น 700 เยน
Hours: 09:00-18:00 น.
Close: วันพุธที่สองของเดือน (ยกเว้นเดือนมีนาคมและสิงหาคม)
Website: www.tbs.co.jp/l-prince
Bus Stop: Kawamukai, Hoshino-Ojisama Museum
Hakone Museum of Photography
พิพิธภัณฑ์และคาเฟ่ขนาดกะทัดรัดที่ซ่อนตัวอยู่ซอยเล็กจิ๋วริมทางรถราง Hakone Tozan Cable Car สำหรับโซนพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นอาคารสองชั้น ด้านในจัดแสดงเฉพาะงานภาพถ่ายซึ่งมีทั้ง Mt.Fuji เป็นนิทรรศการถาวรและยังมีพื้นที่ให้ศิลปินทั้งในและต่างประเทศหมุนเวียนมาจัดแสดงงานอยู่เรื่อยๆ
ในบริเวณพื้นที่เดียวกันนี้ก็มี Cafe Plaisir de l’oeuf คาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่ม อาหาร และขนมหวานโฮมเมดวัตถุดิบตามฤดูกาล จากฝีมือพาร์ทิซิเยร์เจ้าของร้านที่ไปร่ำเรียนมาจากฝรั่งเศส ชิมขนมรสชาติดีเคล้าบรรยากาศศิลปะภาพถ่าย ก็เพลิดเพลินดีเหมือนกัน
Info
Hakone Museum of Photography
Admission: ผู้ใหญ่ 500 เยน/ ต่ำว่า 15 ปี 300 เยน/ ต่ำกว่า 6 ปีเข้าชมฟรี
Hours: พ.-จ. 10:00-17:00 น.
Close: วันอังคารและช่วงเปลี่ยนแปลงนิทรรศการ (เช็คได้ทางเว็บไซต์)
Website: www.hmop.com
Cable Car Station: Koen-Shimo Station
Hakone Venetian Glass Museum
สวรรค์ของคนรักเครื่องแก้ว จะพูดแบบนี้ก็คงไม่ผิดอะไร เพราะแทบทุกพื้นที่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เต็มไปด้วยแก้วหลากรูปแบบ ภายในพื้นที่มีหลากหลายโซนให้เลือกชมทั้งพื้นที่จัดแสดงงานแก้วเวนิสจากอิตาลี จุดสำหรับทำเวิร์คช็อป ร้านขายของฝากที่ทำจากแก้วทั้งหมด คาเฟ่ในสวนที่ประดับตกแต่งด้วยประติมากรรมจากแก้ว แต่ถ้าไปถูกฤดูในสวนก็จะเต็มไปด้วยไฮเดรนเยียบานเคล้างานแก้วสวยงามจนแอบเห็นหลายคนหยิบกล้องมาถ่ายรูปกันสนุกสนานเชียวแหละ แต่เดินระวังกันหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวมือไปโดนแก้วแตกแล้วจะหมดสนุกเอา
✦ แสดงบัตรโดยสารรับส่วนลดค่าเข้าชม
Info
Hakone Venetian Glass Museum
Admission: ผู้ใหญ่ 1,500 เยน/ อายุ 65 ปีขึ้นไป 1,400 เยน/ ระดับมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัย 1,100 เยน/ ต่ำกว่าระดับมัธยมต้น 600 เยน
Hours: 10:00-17:00 น.
Website: www.hakone-garasunomori.jp/
Bus Stop: Garasu no Mori Mae (Hakone Glass Nomori)
Onsen Time at Hakone Yuryo
อีกหนึ่งของดีประจำจังหวัดฮาโกเน่ ถ้าไม่เอ่ยถึงก็คงจะรู้สึกผิดไปก็คือ ‘ออนเซ็น’ ออนเซ็นในฮาโกเน่เริ่มต้นจากการมีทำเลที่ดีและเกิดจากการประทุของภูเขาไฟฮาโกเน่หลายพันปีมาแล้ว ว่ากันว่าแร่ธาตุจากภูเขาไฟมีสรรพคุณมากมาย จนกลายเป็นออนเซ็นที่มีชื่อเสียง 7 แห่ง
Hakone Yuryo ออนเซ็นขึ้นขื่อของเมืองฮาโกเน่ มีจุดเด่นตรงที่ใช้น้ำแร่ Alkaline จากบ่อน้ำแร่ธรรมชาติ Tonosawa ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดบ่อน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงของฮาโกเน่ ด้านในแบ่งโซนอย่างเป็นระเบียบมีทั้ง Honden Yurakuan บ่อออนเซ็นรวมแบบแยกชายหญิงและ Hanare Yuya Kaden ออนเซ็นแบบส่วนตัว ใครที่ยังไม่เคยแช่เลย แนะนำว่าต้องลองสักครั้งแล้วจะติดใจ การเดินทางแสนสะดวกมีรถ Shuttle Bus รับส่งฟรีจากสถานี Hakone Yumoto ใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น
ถ้ากำลังเที่ยวฮาโกเน่อยู่แล้วยังไงก็ต้องเจียดเวลามา แต่ถ้าไม่สะดวก การนั่งรถไฟจากโตเกียวราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่งก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ
Info
Hakone Yuryo
Hours: 10:00-21:00 น.
Honden Yurakuan
Price: ผู้ใหญ่ 1,400 เยน, เด็กอายุ 6-12 ปี 700 เยน
Hanare Yuya Kaden
Price: Type1 4,000 เยน, Type2 6,000 เยน, Type3 6,000 เยน (ราคา/ชั่วโมง/ห้อง)
Website: www.hakoneyuryo.jp
Hakone Area Map
ดาวน์โหลดแผนที่เที่ยวเมืองฮาโกเน่ (Hakone) คลิกเลย
Kamakura Area | คามาคุระ
“Next Station Kamakura”
นั่งรถไฟสาย Odakyu Line ต่อมาที่เมืองคามาคุระ อีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์สำคัญในจังหวัดคานางาวะ แม้จะเป็นเมืองเก่าเคล้าวัฒนธรรม แถมยังติดภูเขาและทะเล แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าที่นี่ดอกไฮเดรนเยียก็บานสะพรั่งไม่แพ้กันเลย
ที่นี่มีเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวสีเขียวนมสายหลักของเมืองคามาคุระอย่างเอโนะเด็น (Enoden) ซึ่งก็ถือเป็นจุดชมเหล่าไฮเดรนเยียที่กำลังเบ่งบานสู้แดด เราขอแนะนำให้แวะถ่ายรูปเล่นบริเวณสถานี Gokurakuji และ Yuigahama อย่างที่รู้กันว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองโบราณคามาคุระเต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้า นอกจากบริเวณเส้นทางรถไฟแล้ว ยังมีจุดชมไฮเดรนเยียสำหรับคนที่ชอบความสงบ คนไม่พลุกพล่านมากนัก เพราะมีไฮเดรนเยียบานสะพรั่งในบริเวณวัด Meigetsuin และวัด Hasedera ที่อยากให้ลองไปเดินเล่นชื่นชมความงามกัน
เดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมอากาศก็เริ่มร้อนแล้วในญี่ปุ่น แต่ก็ยังเป็นเดือนที่ทำให้อารมณ์ดีจัง อาจเพราะได้เหล่าดอกไฮเดรนเยียมาช่วยให้ใจเย็นจนไม่รู้สึกร้อนก็เป็นไปได้ จะว่าไปแล้วก็ชักจะติดใจความน่ารักของดอกไม้ทรงพุ่มสีฟ้าอมม่วงแสนนวลตาเหล่านี้ซะแล้วสิ แล้วพบกันใหม่ปีหน้านะเจ้าไฮเดรนเยีย เราจะมาหาอีก
✦ ใช้บัตร Hakone Kamakura Pass ขึ้น Enoden ได้ฟรีนะ
เช็คพื้นที่ที่ดอกไฮเดรนเยียกำลังเบ่งบานได้ที่ www.odakyu-season.jp/ajisaimap
Kamakura Attractions of the Day
เมืองประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมาหลายร้อยปี แอบสังเกตว่าไม่ว่าเราจะเดินไปตรงไหนในเมืองนี้ ก็ได้บรรยากาศแบบเมืองเก่าเคล้าวัฒนธรรม แทรกซึมอยู่ทั่วทุกอณู เราคัดสถานที่น่าไปในเมืองคามาคุระมาให้พอกรุบกริบ หากว่าถูกจริตใครก็หาเวลาไปเช็คอินกันได้ตามสบาย
Komachi-dori Street
เดินไม่กี่ก้าวจากสถานี Kamakura จะพบกับถนนสายช็อปปิ้งโคมาจิโดริ ตลอดระยะทางราวๆ 350 เมตรของถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านค้าละลานตากว่า 250 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารท้องถิ่น ร้านขายของที่ระลึก ร้านเช่ากิโมโน คาเฟ่แสนน่ารัก ร้านหนังสือ สินค้าทำมือ ขนมญี่ปุ่นโบราณที่หากินได้ยากจากที่อื่น ฯลฯ ให้เลือกช็อปมากมาย
อีกทั้งร้านค้าส่วนมากยังอนุรักษ์รูปแบบอาคารดั้งเดิม ร้านค้าบางส่วนก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกขัดตาหรือขัดใจ กลับดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ เราว่าความหลากหลายของถนนสายนี้นี่แหละ สร้างสีสันดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาเยือนถนนสายช็อปปิ้งโคมาจิโดริแห่งนี้
Map
Kannon Coffee Kamakura
ร้านกาแฟสาขาย่อยของร้านกาแฟชื่อดังจากนาโกย่า แม้จะเป็นร้านกาแฟแต่เมนูยอดฮิตที่ไม่ว่าใครๆ ต่อใครที่มาเดินเล่นที่เมืองนี้ต้องเจียดเวลาแวะมาชิมคือ Daibutsu Crepe เครปผลไม้ตามฤดูกาลและโยเกิร์ตเนื้อเนียน พนักงานที่ร้านแนะนำให้สั่งคุกกี้รูปพระพุทธรูปได้บุทสึอีกหนึ่งชิ้นกินคู่กันกับเครปเข้ากันเป็นที่สุด อร่อยด้วยหรือจะใช้เป็นพร็อบถ่ายรูปก็รู้ได้เลยว่ามาถึงเมืองคามาคุระแล้ว แอบบอกอีกนิดว่าเจ้าไดบุทสึเครปนี่มีจำหน่ายเฉพาะสาขาคามุคุระเท่านั้นนะ ใครมีเวลาก็อยากให้ลองแวะชิมกันดู
Info
Kannon Coffee Kamakura
Hours: ทุกวัน 10:00-18:00 น.
Station: Hase Station (Enoden)
Website: kannon-coffee-kamakura.business.site
Kotoku-in Temple
หากลองสังเกตให้ดีจะพบว่าทุกหนทุกแห่งในเมืองโบราณคามาคุระนั้นเต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้า หากอิ่มอร่อยจากขนมหวานของร้าน Kannon Coffee Kamakura แล้ว ขอชวนไปเดินเล่นกันต่อที่วัดโคโตคุอิน (Kotoku-in Temple) ที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของเมืองด้วยพระพุทธรูปสีเขียวสำริดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อว่า “พระใหญ่ไดบุทสึ (Daibutsu)” สูงราวๆ 11 เมตรตั้งอยู่กลางแจ้ง ซึ่งปัจจุบันเปิดให้เข้าชมโครงสร้างภายในองค์พระได้ด้วย
Info
Kotoku-in Temple
Hours: เดือนเม.ย.-ก.ย. 8:00-17:30 น., ต.ค.-มี.ค. 8:00-17:00 น.
Entrance Fee: 200 เยน, อายุต่ำกว่า 12 ปี 150 เยน
Station: Hase Station (Enoden)
Website: www.kotoku-in.jp/en
Meigetsuin Temple
อีกหนึ่งวัดที่พลาดไม่ได้ของเมืองคามาคุระคือวัดเมเกซึอิน (Meigetsuin Temple) วัดเก่าแก่ของเมืองคามาคุระ สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1160 ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นจุดชมไฮเดรนเยียที่จะเบ่งบานสวยงามในช่วงราวๆ เดือนมิถุนายน จนมีคนให้ฉายาว่าเป็น “พระวิหารดอกไฮเดรนเยีย”
นอกจากความงามทางธรรมชาติ ภายในวัดยังมีจุดที่น่าสนใจคือห้องโถง Hojo ห้องที่มีหน้าต่างทรงกลม มองออกไปเห็นทิวทัศน์ป่าไม้ที่สวยมาก ถือเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปยอดนิยมของวัดนี้เลย อ้อ ห้องนี้จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะเดือนมิถุนายนและปลายเดือนพฤศจิกายน หรือช่วงที่ใบไม้กำลังผลัดใบเปลี่ยนสีมองผ่านหน้าต่างทรงกลมนี้สวยงามเชียวล่ะ
Info
Meigetsuin Temple
Hours: 9:00-16:00 น. (เดือนมิ.ย. 9:00-17:00 น.)
Entrance Fee: 300 เยน (เดือนมิ.ย. 500 เยน)
Station: Kita-Kamakura Station
Website: www.kamakura-burabura.com/meisyokitakamakrameigetuin.htm
Kamakura Area Map
ดาวน์โหลดแผนที่เที่ยวเมืองคามาคุระ (Kamakura) คลิกเลย
Place to stay | ที่่พัก
Hakone Kowakien Tenyu
ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ส่วนไหนก่อนดี เพราะระดับความพอใจของการได้พักที่โรงแรม Tenyu มันมากมายจนสิบนิ้วที่มีก็คงไม่พอ งั้นขอเริ่มต้นที่ไฮไลท์ของที่นี่ก่อน คือทุกๆ ห้องพักจะมีอ่างออนเซ็นแบบเปิดโล่งส่วนตัวอยู่ริมระเบียง ใครรู้สึกเขินอายก็ยังสามารถดื่มด่ำกับความสบายของการแช่ออนเซ็นได้ แต่ถ้าอยากสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ๆ เราแนะนำให้ลองไปแช่ออนเซ็นสาธารณะแบบเปิดโล่ง (แยกชาย-หญิง) ที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นขณะที่อาบน้ำและมองเห็นเส้นขอบฟ้าสุดสายตาแบบไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับเราความผ่อนคลายของการได้พักที่ Tenyu ก็ทำให้เรารู้สึกดีมากแบบไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน
นอกจากนี้ที่นี่ยังครบครันไปด้วยห้องอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์และอาหารค่ำจัดเต็มแบบคอร์ส, บาร์กระจกใสมองเห็นวิวสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่เป็นฉากหลัง, An Spa ห้องสปาสุดผ่อนคลาย, Lounge พื้นที่พักผ่อนที่มีทั้งหนังสือและเครื่องดื่มให้บริการฟรี, Shuttle Bus รับส่งฟรีจากสถานีรถไฟ และก่อนกลับหากใครมีสัมภาระมากมายนักก็ไม่ต้องแบกให้เมื่อย เพราะทางโรงแรมมีบริการขนของไปส่งให้ถึงสถานีรถไฟ แอบบอกอีกนิดว่าหากแจ้งกับทางโรงแรมไปก่อนว่าจองที่พักมาเพื่อฉลองฮันนีมูน วันเกิด ฯลฯ ก็จะมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เตรียมไว้ให้ด้วยล่ะ
จองโรงแรม Hakone Kowakien Tenyu คลิกที่นี่
Info
Hakone Kowakien Tenyu
Website: www.hakone-tenyu.com
Bus Stop: Tenyu (มีรถ Shuttle Bus รับส่งฟรีถึงโรงแรม ขึ้นได้ที่สถานี Gora Station)
Hakone Kowakien Miyamafurin
ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปยัง Miyamafurin ก็สัมผัสได้เลยว่าความเป็นกันเอง คือสิ่งที่โดดเด่นและถูกใจเราที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ ความเป็นกันเองจากทั้งพนักงาน การบริการที่ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นอบอุ่นจนทำให้รู้สึกเหมือนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน อาหารเช้าง่ายๆ อย่างขนมปังและเครื่องดื่มหลากชนิดให้แขกผู้มาพักอาศัยบริการตัวเองโดยสามารถเลือกในสิ่งที่เราชอบเองได้
เหมือนว่าที่นี่ทำให้ชาวต่างชาติอย่างเราได้ทดลองใช้ชีวิตแบบชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องบอกก่อนว่าที่นี่ไม่มีห้องอาบน้ำส่วนตัวในห้องพัก มีเฉพาะบ่อออนเซ็นสาธารณะทั้งแบบกลางแจ้งและในอาคาร (แยกชาย-หญิง) แต่หากต้องการความเป็นส่วนตัวจริงๆ ทางโรงแรมก็มีบ่อออนเซ็นส่วนตัวให้บริการด้วยเช่นกัน จากหลายสิ่งที่เราพูดมา ขอยืนยันเลยว่าการได้พักที่ Miyamafurin ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจได้อย่างที่หากใครได้ลองมาพักก็คงเถียงไม่ได้ และต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าความสบาย ความเป็นกันเองที่เราพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริง
จองโรงแรม Hakone Kowakien Miyamafurin คลิกที่นี่
Info
Hakone Kowakien Miyamafurin
Website: www.miyama-furin.com
Bus Stop: Kowakien
Bangkok – Japan Route, Let’s choose “NokScoot”
เที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัด ปลอดภัย สบายใจ ต้องไปกับนกสกู๊ต
“ที่นั่งกว้างดีเนอะ ยืดขาได้สบายเลย”
บทสนทนาระหว่างเรากับเพื่อนร่วมทางขณะที่โดยสารสายการบินราคาประหยัดสายหนึ่ง ที่มีเที่ยวบินบินตรงจากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินนาริตะ ใกล้เมืองโตเกียวทุกวัน
ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงสายการบิน “นกสกู๊ต (NokScoot)”
เส้นทางชมความสดใสของดอกไฮเดรนเยียครั้งนี้เริ่มต้นที่สนามบินดอนเมือง เราเลือกนั่งสายการบินนกสกู๊ตไปลงที่สนามบินนาริตะ เนื่องด้วยต่อรถไฟจากสนามบินไปยังเมืองฮาโกเน่และคามาคุระได้แสนสะดวก มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในเดรสสีเหลือง ตัดดำแสนสดใสคอยเอาใจใส่ตลอดเส้นทางราวๆ 5 ชั่วโมง หลายชั่วโมงบนเครื่องบินอาจดูเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับวัยรุ่นสุดแอคทีฟ และอาจดูเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับผู้สูงวัย ที่มักมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ง่าย แต่การโดยสารเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ลำใหญ่ของนกสกู๊ต ซึ่งได้รับการรับรองความปลอดภัยในมาตรฐานระดับสากล ก็ทำให้เราลืมเรื่องน่ากังวลใจเหล่านั้นไปได้อย่างง่ายดาย
ที่นั่งชั้นธุรกิจ ScootBiz สำหรับผู้ที่ต้องการอัพเกรดระดับความสบายขึ้นอีก
ใครที่เคยคิดว่าไม่ชอบนั่งโซน Economy Class เอาซะเลย นั่งทีไรก็อึดอัด ปวดขา ปวดหลังไม่สบายตัว ขอตะโกนบอกดังๆ ตรงนี้ว่าลองมานั่งนกสกู๊ตดูก่อน เพราะที่นั่งชั้นประหยัดของนกสกู๊ตกว้างกว่าสาย-การบิน Low Cost ทั่วไป ที่วางเท้าทำให้เราเหยียดขาได้แบบเข่าไม่ชนเบาะด้านหน้า ที่สำคัญเอนได้เยอะเวอร์ ยืนยันจากการนั่งเองจริงๆ ว่าถึงญี่ปุ่นแล้วเที่ยวต่อได้สบายตัวสบายใจ แต่ถ้าระดับความสบายเท่านี้ยังไม่เพียงพอ ก็แนะนำให้เลือกที่นั่งชั้นธุรกิจ ScootBiz ก็จะได้อัพเกรดระดับความสบายขึ้นอีกคูณสิบไปเลย
เราเลือกที่นั่งในโซนเงียบ (Scoot in Silence) จ่ายเพิ่มจากที่นั่งราคาปกติแค่นิดเดียว แต่เงียบสงบและได้เป็นส่วนตัวมากขึ้นเยอะ อีกทั้งมี NokScoot Cafe เมนูอร่อยให้สั่งได้ตลอดเที่ยวบิน
ที่วางเท้าแสนกว้างของโซน Economy Class ก็ยืดขาได้สุดจนลืมเมื่อยไปเลย
คนเราจะมีความสุขกับอะไรได้อีกถ้าไม่ใช่การกิน! เราพบความดีงามอีกอย่างของสายการบินนกสกู๊ตคือ NokScoot Cafe ที่คอยเสิร์ฟเมนูอร่อยให้ผู้โดยสารสายกินอย่างเราสม่ำเสมอตลอดเที่ยวบิน ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ทเช้าหรือดึกแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวหิว หากใครอยากพักผ่อนในตอนกลางคืนก็สามารถแจ้งพนักงานบนเครื่องว่าจะกินอาหารในตอนเช้าได้ด้วยเช่นกัน สำหรับอาหารอุ่นร้อน เราขอแนะนำให้พรีออเดอร์ชุดอาหารล่วงหน้าภายใน 48 ชั่วโมงก่อนบินทางเว็บไซต์ เพื่ออรรถรสในการกินอาหารบนเครื่องแบบไม่ต้องเสียเวลารอคอย
จองชุดอาหารอุ่นร้อนและตั๋วเครื่องบินราคาสุดคุ้มได้อย่างสะดวกและรวดเร็วผ่านทาง www.nokscoot.com
สนใจซื้อบัตรโดยสาร Hakone Kamakura Pass
เราขอแนะนำให้ซื้อผ่านเอเจนซี่ที่มีคุณภาพและเชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งรับรองแล้วว่าปลอดภัยและเชื่อถือได้ โดยสามารถติดต่อและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากด้านล่าง
- Quality Express
Tel: 02-277-9999, 02-511-3000
Line: @qualityexpress
Website: www.qualityexpress.co.th
- JTB
Tel: 02-344-4688, 02-344-4600
Line: @jtbth
Website: www.jtbthailand.com
- Wendy Tour
Tel: 02-214-1763
Line: @wendytour
Website: www.wendytour-th.com
- H.I.S.
Tel: 02-264-6899
Line: @histours
Website: www.histours.co.th
- Mind trips.com
Tel: 02-612-8555
Line: @mindtrips
Website: www.histours.co.th