ตระเวนนั่งรถรางสุดคลาสสิกที่ 5 เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น

ในอดีต “รถราง” เป็นขนส่งสาธารณะที่มีบทบาทต่อการเดินทางของคนเมืองใน ญี่ปุ่น มาก หลากจังหวัดและอีกหลายต่อหลายเมืองมีรถรางหลายสายวิ่งให้บริการอยู่ แต่เพราะการมาถึงของขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพกว่าอย่างรถไฟ รวมถึงการเติบโตของรถยนต์ ทำให้รถรางมีความสำคัญน้อยลงมากและทยอยปิดให้บริการลงไปในที่สุด

แต่ปัจจุบันยังคง ‘หลงเหลือ’ รถราง วิ่งใน ญี่ปุ่น อยู่บ้าง!

รถราง ที่จะกล่าวถึงเหล่านี้ไม่ใช่แค่รถรางเพื่อการท่องเที่ยวในระยะสั้นๆ แต่เป็นรถรางที่คนเมืองใช้เดินทางจริงในชีวิตประจำวันด้วย และข่าวดีคือครอบคลุม 5 เมืองท่องเที่ยวสำคัญของ ญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มีโอกาสได้ไปเที่ยวและได้นั่งแน่นอน 

01 ซัปโปโร | Sapporo

รถรางซัปโปโรมีประวัติยาวนานนับร้อยปีมาแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1909 รถรางสมัยนั้นยังไม่มีระบบไฟฟ้าเลย ก่อนจะถูกพัฒนาให้ทันสมัยขึ้นและมีเส้นทางกระจายตัวไปทั่วเมือง ภายหลังมีการพัฒนารถยนต์และรถไฟมากขึ้น รถรางก็เริ่มเข้าสู่ยุคถดถอย ปัจจุบันเครือข่ายระยะทางอยู่ที่ 8.9 กิโลเมตร รวมทั้งหมด 24 สถานี

แม้ระยะทางจะถือว่าสั้นมาก แต่ข้อดีคือวิ่งเป็นวงกลมและผ่านย่านสำคัญใจกลางเมืองหลายแห่ง เช่น ทานุกิโคจิ (Tanukikoji Shopping Street) ซูซูกิโนะ (Susukino) ฯลฯ อีกทั้งหลายสถานีในตัวเมืองสามารถเปลี่ยนสายไปขึ้นรถไฟใต้ดินได้สะดวกสบาย

นอกจากนี้ บางสถานีเป็นเส้นทางหลักที่ให้บริการสำหรับไปแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองได้ อาทิ ภูเขาโมอิวะ (Mt. Moiwa) ซึ่งต้องนั่งรถรางไปลงสถานี Ropeway Iriguchi ก่อนจะนั่งรถ Shuttle Bus ไปกระเช้าขึ้นเขาต่อเพื่อไปยังด้านบนภูเขา

ลงสถานี Ropeway Iriguchi station เพื่อไป Mt. Moiwa

รถรางซัปโปโรออกทุกๆ 3 นาที ในชั่วโมงเร่งด่วนและออกทุกๆ 7-8 นาที นอกชั่วโมงเร่งด่วน ถือว่าถี่ใช้ได้เลย นักท่องเที่ยวสามารถพึ่งพาเป็นพาหนะเดินทางได้ ค่าโดยสาร 200 เยนตลอดสายครับ

รถรางรุ่น Retro เก่าแต่น่ารัก ฮ่าๆๆ

บางสถานีถูกปรับโฉมให้มีความ Accessible รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ แม้กระทั่งผู้ใช้วีลแชร์ก็ยังสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวก เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งคือ ตัวรถรางมีทั้งรุ่นใหม่หน้าตาโมเดิร์นและรุ่นเก่าสุดคลาสสิก เวลาวิ่งสวนกันแล้วดูสวยงามลงตัวมากๆ

จุดที่ต้องระวังคือ ขึ้นให้ถูกฝั่ง และสถานีชานชาลาบางสถานีมักตั้งอยู่เกาะกลางถนน ควรจับจังหวะรถให้ดีก่อนข้าม

ซัปโปโรเป็นเมืองสวยมีระเบียบสะอาดสะอ้าน ผังเมืองหมากรุกจ๋าแบบอเมริกา การได้นั่งรถรางแล่นช้าๆ ชมเมืองถือเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด

02 ฮาโกดาเตะ | Hakodate

อีกหนึ่งเมืองของฮอกไกโดที่มีรถรางวิ่งให้บริการ เครือข่ายรถรางฮาโกดาเตะมีอยู่ทั้งหมด 2 สาย คือ สาย No.2 และ No.5 รวมระยะทางทั้งสิ้น 10.9 กิโลเมตร ค่าโดยสารอยู่ที่ 210-250 เยน

ฮาโกดาเตะไม่มีรถไฟใต้ดิน รถรางจึงเป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดแล้วในเมือง อีกทั้งรถรางยังวิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองแทบจะครบทั้งหมด อาทิ ลงสถานี Suehirocho เพื่อไปยังย่านเมืองเก่าโมโตมาจิ (Motomachi) และย่านโกดังอิฐแดง (Kanemori Red Brick Warehouse)

ย่านเมืองเก่า Motomachiมาย่านโกดังอิฐแดงได้ง่ายๆ ด้วยรถราง!

ลงสถานี Goryokakukoen-mae เพื่อไปป้อมปราการห้าแฉก (Fort Goryokaku) ก็ได้ หรือลงสถานี Hakodate Ekimae เพื่อไปตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate Morning Market) เป็นต้น

ป้อมห้าแฉก มาโดยรถราง

รถรางในเมืองออกเฉลี่ยทุกๆ 6-12 นาที มีบัตรรถราง One day Pass จำหน่ายในราคาเพียง 600 เยน เรียกว่าไปแค่ 2-3 จุดหมายก็คุ้มแล้วสำหรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งรถรางเองก็มีความน่ารักที่มักจะแปะสติ๊กเกอร์นอกรถเป็นรูปการ์ตูนต่างๆ ชวนนักท่องเที่ยวแบบเราให้อยากนั่งได้เป็นอย่างดี นั่งรถรางไปเรื่อยๆ สังเกตสภาพบ้านเมืองชนบท ก็ถือเป็นความอภิรมย์อย่างหนึ่งของฮาโกดาเตะเลยครับ

03 โตเกียว | Tokyo

ที่มาภาพ – bit.ly/2JKBYaf

หลายคนอาจตกใจว่าโตเกียวยังหลงเหลือรถรางอยู่ด้วยเหรอ? ไปมาหลายครั้งไม่เห็นมี หาไม่เจอ อยู่ที่ไหน? ใช่ครับ ท่ามกลางรถไฟที่วิ่งยั้วเยี้ยจนนับสายไม่ถ้วน ในโตเกียวก็ยังมีรถรางหลงเหลือกับเขาเหมือนกัน 

โดยรถรางโตเกียวมีชื่อว่า “Tokyo Sakura Tram” วิ่งระหว่างสถานี Minowabashi Station ถึง Waseda Station ระยะทาง 12.2 กิโลเมตร รวม 30 สถานี ในสายที่เรียกว่า “Toden-Arakawa Line”

ชื่อ Sakura ที่ได้รับ เพราะรถรางแล่นผ่านสวน 2 แห่งที่เป็น “จุดชมซากุระ” ได้แก่ สวน Arakawa Natural Park ลงสถานี Arakawa-Nichome และสวน Asukayama Park ลงสถานี Ojiekimae

Tokyo Sakura Tram ที่มาภาพ – bit.ly/2Su14Nm

เราสามารถนั่งรถรางไปลงสถานี Waseda ย่านปัญญาชนแห่งโตเกียว และเดินต่อเพื่อไปชื่นชมและตีเนียนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยวาเซดะอันเลื่องชื่อได้ ฮ่าๆ

มหาวิทยาลัยวาเซดะ ที่มาภาพ – bit.ly/2LBTn7w

หรือนั่งไปลงสถานี Koshinzuka และเดินต่ออีกนิดหน่อยก็เข้าสู่ย่านถนนช็อปปิ้ง Sugamo Jizodori ซึ่งถูกขนานนามว่า ‘ฮาราจูกุคุณยาย’ ในบรรยากาศเก่าแก่และเต็มไปด้วยขาช็อปรุ่นเก๋า

นั่งรถรางคลาสสิกไปฮาราจูกุคุณยาย ที่มาภาพ – bit.ly/2JKBYaf

ใครพักอาศัยแถวย่านอุเอโนะ (Ueno) ก็ง่ายเลย เพราะสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน สาย Hibiya Line จากสถานี Ueno มาลงที่สถานี Minowa ใช้เวลาเพียง 8 นาที และเดินต่ออีก 4 นาทีเพื่อไปขึ้นรถรางที่สถานี Minowabashi ได้เลย

04 โทยามะ | Toyama

โทยามะเป็นอีกเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปแวะพักนอนสักคืน เพื่อไปเที่ยวชิราคาวาโกะ (Shirakawago) หรือกำแพงหิมะ (Japan Alpine) ต่อ 

จริงๆ แล้วในเมืองโทยามะก็มีรถรางสวยๆ ทั้งรุ่นเก่าที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1912 และรุ่นปรับปรุงใหม่วิ่งรอบเมืองผ่านย่านท่องเที่ยวสำคัญ (อนึ่ง รถรางรุ่นใหม่เป็นชานต่ำรองรับผู้ใช้วีลแชร์ แต่ รุ่นเก่าไม่มีรองรับนะครับ)

Amazing Toyama จริงๆความแตกต่างที่มีเสน่ห์

โทยามะมีรถรางอยู่ 3 สายเส้นทางรวมระยะทาง 7.3 กิโลเมตร รวมทั้งหมด 23 สถานี ราคาประมาณ 200 เยน โดยศูนย์กลางของเมืองอย่าง Toyama Station เราสามารถนั่งรถรางไปลงที่สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ได้ อาทิ ลงสถานี Grand Plaza-Mae เพื่อไปยัง Toyama Glass Art Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ได้รับความนิยมที่สุดของเมือง หรือลงสถานี Marunouchi เพื่อไปเยือน Toyama Castle Park เป็นต้น

รถรางเก่ารุ่น Retro ยังคงมีให้เห็นอยู่

หลายพื้นที่ที่รถรางวิ่งผ่านมีสภาพแวดล้อมที่สวยงามในตัวมันเอง อย่างบริเวณทิศเหนือของสถานี Toyama ที่เป็นถนน Boulevard กว้างขวางใหญ่โตสวยอลังการมาก

ถนน Boulevard ที่รถรางแล่นผ่าน (วิ่งบนถนน)

โทยามะนั้นประชากรและรถราไม่หนาแน่น สภาพบ้านเมืองเรียบร้อยไม่พลุกพล่าน การนั่งรถรางเที่ยวชมเมืองเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเปิดมุมมองและสัมผัสวิถีชีวิตผู้คนเมืองนี้

05 ฮิโรชิม่า | Hiroshima

ในบรรดาเมืองทั้งหมดของญี่ปุ่นที่ยังเหลือรถราง อาจไม่มีเมืองไหนที่รถรางจะแล่นผ่านพื้นที่สำคัญใจกลางเมืองมากไปกว่าฮิโรชิม่าอีกแล้ว!

รถรางฮิโรชิม่าเป็นโครงข่ายรถรางที่ ‘ยาวที่สุด’ ในญี่ปุ่น เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 ที่ระยะทาง 35.1 กิโลเมตร ใน 6 สายเส้นทาง รวมกว่า 80 สถานี ราคาค่าโดยสาร 180-280 เยน เราขอแนะนำให้คุณซื้อบัตร One Day Streetcar Pass ในราคาสุดคุ้มเพียง 600 เยน นั่งวนไปยาวๆ

รถรางฮิโรชิม่าเป็นขนส่งมวลชนที่ชาวเมืองฮิโรชิม่าใช้โดยสารในชีวิตประจำวันและเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุด จึงไม่แปลกที่ตามแหล่งท่องเที่ยวรถรางจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนท้องถิ่นเอง

บางเส้นทาง นทท.เพียบ

ที่สำคัญ ฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่ขนาดกะทัดรัดมาก สถานที่เที่ยวสำคัญกระจุกตัวอยู่ในตัวเมืองและรถรางแล่นผ่านครอบคลุมทั้งหมด ทำให้แม้จะนั่งรถรางออกไปไกลก็ใช้เวลาไม่เกิน 15-20 นาทีเท่านั้น สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ด้วยซ้ำในระยะเวลาประมาณ 30-45 นาที

รถรางแล่นขนานคู่กับรถบนท้องถนน

วิวตามรายทาง

อาทิ ลงสถานี Atomic Bomb Dome เพื่อไปเยือน Peace Memorial Park

ลงสถานี Hondori เพื่อไปถนนช็อปปิ้ง Hondori Shopping Street

ลงสถานี Shukkeien-Mae เพื่อไปสวนญี่ปุ่น Shukkeien Garden

หรือไปลงหน้าสถานี JR Hiroshima Station เพื่อขึ้นรถไฟต่อไป

(ขวามือ) สถานีรถรางหน้า Peace Memorial Park

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ๆ คงไม่มีเมืองไหนใน ญี่ปุ่น อีกแล้วที่รถรางจะแล่นผ่านพื้นที่ใจกลางสำคัญของเมืองเท่ากับฮิโรชิม่า รถราง และเมืองฮิโรชิม่าเหมือนเป็นของที่ขาดกันไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

รถรางนอกจากจะถูกใช้ประโยชน์ในแง่ของการใช้เดินทางแล้ว รถรางยังเป็นส่วนหนึ่งหน้าตาของเมืองด้วยหน้าตาตัวรถทั้งรุ่นใหม่โมเดิร์นและเก่าคลาสสิก สายไฟฟ้าและรางที่พาดผ่านตลอดเส้นทาง อีกทั้งยังบอกเล่าได้ถึงประวัติศาสตร์ที่มีมายาวนานนับร้อยปี 

ไป ญี่ปุ่น คราวหน้า อย่าลืมไปตระเวนนั่ง รถราง 5 เมืองนี้กันให้ได้นะครับ!