เที่ยวโทโฮคุ 6 จังหวัด 18 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ตามเก็บกิจกรรมฟินๆ ที่คนอินธรรมชาติต้องรัก ฉบับปี 2022
สารบัญ
ฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 นี้จะไปดูใบไม้แดง ใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ที่ไหนในญี่ปุ่นดี? เราจะมาตอบคำถามนี้กันอย่างจริงใจว่าหากคุณเป็นคนชอบธรรมชาติขั้นสุด มีความสุขกับการได้อยู่ท่ามกลางป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพผืนป่าสีสวยปังแบบอลังการ “โทโฮคุ (Tohoku)” คือภูมิภาคที่ ใบไม้เปลี่ยนสี สวยมาก คนอินธรรมชาติไม่ควรพลาดเลยจริงๆ
โทโฮคุประกอบไปด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ อาโอโมริ อาคิตะ อิวาเตะ ยามากาตะ มิยากิ และฟุกุชิมะ โดดเด่นมากเรื่องธรรมชาติสวย แต่สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอยู่ค่อนข้างห่างกัน จึงควรใช้บัตรโดยสารเพื่อช่วยประหยัดค่าเดินทาง คนที่หลงรักการเดินทางไปญี่ปุ่นหรือมีโอกาสได้ไปเที่ยวแถบโทโฮคุมาบ้าง น่ารู้จักบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ที่ใช้โดยสารรถสาธารณะในเครือ JR EAST ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟชินคันเซ็น, รถไฟธรรมดา, รถไฟท่องเที่ยวขบวนพิเศษ Joyful Train, JR Bus ฯลฯ เรียกได้ว่าครบครันคุ้มค่า
ถ้ายังไม่รู้จะไปไหน เราอยากแนะนำโลเคชั่นสวยของทุกจังหวัดใน โทโฮคุ ที่มีกิจกรรมเด่น มีอะไรให้ทำมากกว่าแค่นั่งดู ใบไม้เปลี่ยนสี ไม่ว่าจะเป็นสายแอดเวนเจอร์หรือสายชิลล์ก็มีครบ ที่สำคัญคือไปได้ด้วยบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าไปได้เยอะเลย
จังหวัดอาโอโมริ | AOMORI
01 นั่งกระเช้าลอยฟ้า : ภูเขาฮักโกดะ (Mount Hakkoda)
ภาพ: thegate12.com
ฮักโกดะ เป็นภูเขาในจังหวัดอาโอโมริที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามติดอันดับ 1 ใน 100 ภูเขาสวยที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานโทวาดะฮาจิมันไต (Towada-Hachimantai National Park) การเดินทางก็ไม่ลำบาก บอกตามตรงว่าที่นี่สวยและสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ทุกฤดู จะชอบแบบเขียวสดชื่น หิมะขาวโพลน หรือภูเขาสีส้มแดงตระการตาก็เลือกมาได้ตามใจชอบ ส่วนตัวเราชอบช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่สุด บรรยากาศอบอุ่นดีต่อใจ สามารถขึ้นไปบนเขาได้ด้วยกระเช้าลอยฟ้าซึ่งจะสิ้นสุดปลายทางที่ด้านบนเขาพอดี จะชมวิวจากบริเวณนั้นเลยก็ได้ แต่ถ้ามีเวลาต้องเดินป่าให้ครบตามคอร์สนิยม จะได้ดื่มด่ำใบไม้แดงแบบเต็มอิ่ม
ภาพ: veryjapanese.jp
กิจกรรมไฮไลท์ของที่นี่คือ “การนั่งกระเช้าลอยฟ้า (Hakkoda Ropeway)” เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะพาเราไต่ภูเขาขึ้นไปได้โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ช่วงเวลานี้ขอให้มองไปรอบๆ เพราะจะเห็นสีแดงตระการตาทั่วทั้ง 360 องศาเลย กดถ่ายรูปทางไหนก็รับรองว่าสวยปังสุดๆ ด้านบนเขามีเส้นทางเดินป่าที่ชื่อว่า Hakkoda Gourd Line ให้เราเลือกได้ทั้งแบบ 30 นาที หรือ 60 นาที วิวสวยจริง มาเที่ยวอาโอโมริต้องมาให้ได้
Hakkoda Ropeway
Best Autumn Time: ปลายกันยายน-ปลายตุลาคม
Location: เมืองอาโอโมริ (Aomori) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: มี.ค.-ต้นพ.ย. 9:00-16:20 น., (กลาง พ.ย.-ก.พ. ปิด 15:40 น.)
Closed: ไม่มี
Fee: ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 2,000 เยน, เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี 700 เยน
Nearest Station: สถานีอาโอโมริ (Aomori Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีอาโอโมริ จากนั้นนั่ง JR Bus ไปลงที่ด้านหน้าสถานีฮักโกดะ โรปเวย์ ซันโรกุ (Hakkoda Ropeway Sanroku Station) ประมาณ 1 ชั่วโมง
Website: www.hakkoda-ropeway.jp
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายโออุ (Ou Line) มาลงที่สถานีอาโอโมริได้ รวมทั้งใช้นั่งรถ JR Bus ไปยังจุดขึ้นโรปเวย์ได้เช่นกัน แนะนำให้ตรวจสอบรอบรถบัสทางเว็บไซต์ www.jrbustohoku.co.jp
02 เดินป่าชมธรรมชาติ : ลำธารโออิราเสะ (Oirase Mountain Stream)
ภาพ: aomori-tourism.com
สายแอดเวนเจอร์ที่รักการเดินป่านี่คือสถานที่ที่คุณมองหาอยู่ชัวร์ เส้นทางเดินชมธรรมชาติยาวประมาณ 14 กิโลเมตรเลียบ ลำธารโออิราเสะ ที่ใครหลายคนบอกว่าเป็นหนึ่งในลำธารสวยที่สุดในอาโอโมริ ที่สำคัญโออิราเสะยังเป็นลำธารสายเดียวที่ไหลออกจากทะเลสาบโทวาดะอีกด้วย อดีตแถวนี้เคยเป็นแหล่งภูเขาไฟที่มีการปะทุบ่อยครั้งจนเกิดอุทกภัยและกัดเซาะจนกลายเป็นลำธารโออิราเสะน้ำใสแจ๋วในภายหลัง โออิราเสะสวยเสมอตลอดทั้งปีแต่จะโดดเด่นและได้รับความนิยมจากนักเดินป่ามากเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
Choshi Falls
กิจกรรมของคนที่ปักหมุดเดินทางมายังโออิราเสะหลักๆ แล้วก็เพื่อมา “เดินป่า” เสพธรรมชาติสวยๆ อย่างขันแข็ง ระหว่างทางไม่ได้น่าเบื่อเลยนะเพราะมีที่ให้พักผ่อนคลายอยู่หลายจุด เช่น น้ำตกโจชิ (Choshi Falls) น้ำตกยอดฮิตในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์, น้ำตกคุโมอิโนะทาคิ (Kumoi no Taki Waterfall) น้ำตกที่เวลาน้ำกระทบหินแล้วดูนุ่มนวลเหมือนก้อนเมฆ ยิ่งมีฉากหลังเป็นต้นไม้น้อยใหญ่ที่เปลี่ยนเป็นสีส้มแดงสวยเพลินตา จากที่เดินมาเหนื่อยๆ ก็เชื่อว่าจะหายเป็นปลิดทิ้ง
Oirase Mountain Stream
Best Autumn Time: กลาง-ปลายตุลาคม
Location: ระหว่างป้ายรสบัส Kumoinotaki กับ Nenokuchi จำนวน 4 ป้าย เมืองโทวาดะ (Towada) จังหวัดอาโอโมริ
Nearest Station: สถานีฮาจิโนเฮะ (Hachinohe Station) หรือ สถานีอาโอโมริ (Aomori Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีฮาจิโนเฮะ จากนั้นนั่ง JR Bus ไปลงที่ป้าย Kumoinotaki ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที หรือลงที่สถานีอาโอโมริ แล้วต่อ JR Bus ไปลงที่ป้าย Kumoinotaki ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายโออุ (Ou Line) มาลงที่สถานีอาโอโมริ หรือนั่งสายฮาจิโนเฮะ (Hachinohe Line) และสายโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) มาลงที่สถานีฮาจิโนะเฮะได้ รวมทั้งใช้นั่งรถ JR Bus ไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินเดินป่าได้เช่นกัน แนะนำให้ตรวจสอบรอบรถบัสทางเว็บไซต์ www.jrbustohoku.co.jp
03 ล่องเรือสำราญ : ทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada)
ทะเลสาบโทวาดะ เป็นทะเลสาบที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟอยู่เชื่อมต่อกับลำธารโออิราเสะ คนที่เดินป่าสามารถเดินยาวมาได้จนถึงทะเลสาบ หรือจะนั่ง JR Bus มาลงริมทะเลสาบเลยก็ได้เหมือนกัน ผิวน้ำเงียบสงบโอบล้อมด้วยธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มีฉากหลังเป็นวิวภูเขาฮักโกดะ เมื่อรวมกันแล้วกลายเป็นภาพที่สวยควรค่าแก่การกดชัตเตอร์สุดๆ บริเวณโดยรอบทะเลสาบมีทั้งเส้นทางเดินเล่น จุดชมวิว ร้านค้า ร้านอาหาร ศาลเจ้าโทวาดะ (Towada Shrine) โรงแรม และพื้นที่ตั้งแคมป์ ไปที่เดียวก็สามารถเพลิดเพลินได้หลากหลายรูปแบบเลย
ภาพ: www.tohokuandtokyo.orgภาพ: wanderplans.com
กิจกรรมที่น่าสนใจเพื่อการชมความงามของทะเลสาบที่ดีที่สุดสำหรับเราคือ “การล่องเรือสำราญชมวิว” นอกจากนี้ยังสามารถพายเรือแคนู เรือแอดเวนเจอร์โบ๊ท เรือเป็ด หรือจะเดินเล่นดื่มด่ำวิวตามเส้นทางริมทะเลสาบก็ได้เช่นกัน
Lake Towada
Best Autumn Time: ปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: เมืองโทวาดะ (Towada) จังหวัดอาโอโมริ
Period: เรือสำราญ, เรือแคนู และเรือเป็ด ให้บริการเฉพาะปลายเดือนเมษายนถึงกลางพฤศจิกายน
Nearest Station: สถานีฮาจิโนเฮะ (Hachinohe Station) หรือสถานีอาโอโมริ (Aomori Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีฮาจิโนเฮะ จากนั้นนั่ง JR Bus ไปลงที่ป้าย Towadako Yasumiya (十和田湖[休屋]) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที หรือนั่ง JR Bus จากสถานีอาโอโมริประมาณ 3 ชั่วโมง
Website: www.towadako.or.jp
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายโออุ (Ou Line) มาลงที่สถานีอาโอโมริ หรือนั่งสายฮาจิโนเฮะ (Hachinohe Line) และสายโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) มาลงที่สถานีฮาจิโนะเฮะได้ รวมทั้งใช้นั่งรถ JR Bus ไปยังทะเลสาบได้เช่นกัน แนะนำให้ตรวจสอบรอบรถบัสทางเว็บไซต์ www.jrbustohoku.co.jp/en
จังหวัดอาคิตะ | AKITA
01 แช่ออนเซ็นชื่อดัง : นิวโตออนเซ็น (Nyuto Onsen)
นิวโตออนเซ็น คือชื่อหมู่บ้านออนเซ็นในหุบเขาลึกของจังหวัดอาคิตะที่ติดอันดับท็อปในใจคนญี่ปุ่นเรื่องความสวยและออนเซ็นคุณภาพเริ่ด ว่ากันว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณ ความพิเศษคือออนเซ็นของที่นี่เรื่องธรรมชาติโดยรอบคืออุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงที่จะสวยอลังการเว่อร์จนต้องอ้าปากค้าง มีทั้งหมด 7 แห่งให้เลือกไปผ่อนคลาย แช่ได้ทั้งแบบเดย์ทริปไป-กลับและค้างคืน แต่ถ้าจะให้เราแนะนำคงเป็นที่ Tsurunoyu Onsen และ Kuroyu Onsen บ่อน้ำพุร้อนเก่าแก่ที่สวยจนใครอยากค้างคืนก็ต้องจองล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่นๆ เลยล่ะ
กิจกรรมที่มาแล้วไม่ควรพลาดแน่นอนว่าคือ “การแช่ออนเซ็น” แต่ไปแล้วแช่แค่ที่เดียวคงไม่หนำใจ ที่นี่ก็มีออนเซ็นบัสแวะรับส่งพาทัวร์ออนเซ็นครบทั้ง 7 แห่ง เพียงมีบัตรโดยสาร “Yumeguri” โดยสามารถซื้อได้ที่ฟรอนท์ของที่พักในนิวโตออนเซ็นเท่านั้น
รายละเอียดบัตรโดยสาร Yumeguri
เป็นบัตรโดยสารรถบัสสำหรับใช้บริการนิวโตออนเซ็นทั้ง 7 แห่งแบ่งตามการใช้งานออกเป็น 2 ประเภทคือ
- Yumeguri-cho (1,800 เยน) สำหรับคนที่จองที่พักในนิวโตออนเซ็นเท่านั้น สามารถเข้าใช้บริการออนเซ็นทั้ง 7 แห่งได้ฟรีตลอด 1 ปี แห่งละ 1 ครั้ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- Yumeguri-map (600 เยน) สำหรับคนทั่วไปที่มาเที่ยวแบบไป-กลับ แต่มีข้อจำกัดคือต้องเสียค่าเข้าใช้บริการออนเซ็นเพิ่ม ส่วนคนที่จองที่พักในนิวโตออนเซ็นก็สามารถซื้อบัตรโดยสารนี้ได้และไม่ต้องเสียค่าเข้าใช้บริการ บัตรนี้มีอายุการใช้งาน 1 วัน
Nyuto Onsen
Best Autumn Time: กลางตุลาคม-ปลายตุลาคม
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: แตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่
Closed: แตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่
Nearest Station: สถานีทาซาวาโกะ (Tazawako Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีทาซาวาโกะ จากนั้นนั่งบัสไปลงที่ Kyukamura Nyuto Onsenkyo (乳頭温泉郷) จะมีบัสรับส่งฟรีจำกัดเฉพาะผู้ที่เข้าพักที่ Kuroyu Onsen เท่านั้น ส่วนผู้ที่ต้องการไป Tsurunoyu Onsen ให้นั่งบัสไปลงที่ป้าย Arupa Komakusa จะมีรถรับส่งฟรีจากที่พัก หรือจะนั่งแท็กซี่โดยตรงจากสถานีทาซาวาโกะเลยก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งอาคิตะชินคันเซ็น (Akita Shinkansen) มาลงที่สถานีทาซาวาโกะได้
02 นั่งรถลากโบราณและเดินป่า : คาคุโนะดาเตะ (Kakunodate)
เมืองเซมโบกุคือความหลากหลายที่ลงตัว จะเดินเล่นในเมือง สำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หรืออยากค้างคืนที่หมู่บ้านออนเซ็นก็มีครบหมด อีกหนึ่งโซนที่เราชอบคือย่าน คาคุโนะดาเตะ เพราะมีที่เที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เช่น หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Bukeyashiki Street) ซึ่งอยู่บริเวณถนนบุเคยาชิกิ ตลอดสองข้างฝั่งถนนสายนี้มีการอนุรักษ์บ้านซามูไรในอดีตเอาไว้ ส่วนด้านในผันเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนรุ่นหลังได้มาเยี่ยมชม กิจกรรมน่าลองทำเพื่อเพิ่มอรรถรสหากได้มาที่นี่ก็คือ “การนั่งรถลากโบราณ (Jinrikisha)” โดยจะมีคนลากพาเราไปดูบ้านซามูไรแต่ละหลัง ไปพร้อมๆ ชมใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทาง จะเช่ายูกาตะมาใส่ให้เข้ากับบรรยากาศด้วยก็ได้
ส่วนสายลุยที่อินกับธรรมชาติมากกว่าต้องไปที่ หุบเขาดาคิกาเอริ (Dakigaeri Gorge) ซึ่งมีสะพานสีแดงสดใสและน้ำตกมิคาเอริเป็นโฟโต้สปอตยอดฮิตของที่นี่เลย และถ้าพอมีเวลาที่หุบเขาดาคิกาเอริมีกิจกรรม “เดินป่าชมธรรมชาติ” เป็นเส้นทางสั้นๆ ไม่มีเนินประมาณ 1.5 กิโลเมตร เดินง่ายไม่เหนื่อย แถมวิวใบไม้แดงสวยเกินเรื่องเอามากๆ
Kakunodate Bukeyashiki Street
Best Autumn Time: ปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Nearest Station: สถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Station)
Access: จากสถานีคาคุโนะดาเตะ เดินประมาณ 15-20 นาที
Website: www.tohokukanko.jp
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายทาซาวาโกะ (Tazawako Line) หรือสายอาคิตะชินคันเซ็น (Akita Shinkansen) มาลงที่สถานีคาคุโนะดาเตะได้
Dakigaeri Gorge
Best Autumn Time: ต้นตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Closed: ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Station)
Access: ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีรถบัสให้บริการฟรีจากสถานีคาคุโนะดาเตะ (ควรตรวจสอบตารางรถโดยสารอีกครั้งที่ศูนย์ให้บริการนักท่องเที่ยว)
Website: www.tohokukanko.jp
03 เดินเล่นชมธรรมชาติ : โอยาสุเคียว (Oyasukyo)
ย่านท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในเมืองยูซาวะ (Yuzawa) หุบเขาที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า โอยาสุเคียว ที่นี่นอกจากจะมีเรียวกังพร้อมบ่อออนเซ็นอยู่หลายแห่ง และบ่อแช่เท้าสาธารณะให้บริการอยู่ตลอดทาง จุดที่มาแถวนี้แล้วห้ามพลาดคือ Oyasukyo Daifunto แหล่งน้ำพุร้อนทางธรรมชาติในหุบเขาที่ผุดขึ้นจนเกิดเป็นไอร้อนปกคลุมไปทั่วผาสวยงามแปลกตา โดยบริเวณนี้จะมีทางเดินให้เราได้เดินผ่านไอร้อนที่กำลังพวยพุ่งของจริงด้วย นอกเหนือจากนี้ยังมี Kawarayu Bridge สะพานแดงพาดข้ามโอยาสุเคียวไดฟุนโตะ เหมาะมากสำหรับการถ่ายรูปใบไม้แดงจากมุมสูง เดินไปอีกนิดก็จะเจอน้ำตกฟุโด (Fudou Waterfall) เป็นอีกจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยไม่แพ้กัน
กิจกรรมน่าสนใจของย่านนี้คือการเดินเล่นเลาะแม่น้ำชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ เพราะมีจุดชมธรรมชาติหลากหลาย ระหว่างทางก็สามารถแวะแช่เท้าแก้เมื่อยบ้าง นั่งชิลล์ที่คาเฟ่ หาของอร่อยกินตามรายทาง เช่น Babahera Ice ไอศกรีมกุหลาบหายาก, Kurikoma ร้านโยเกิร์ตและนมชื่อดังประจำย่าน ฯลฯ เท่านี้ก็เพลินตาเพลินพุงไม่ไหวแล้ว!
Oyasukyo
Best Autumn Time: กลางตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: เมืองยูซาวะ (Yuzawa Station) จังหวัดอาคิตะ
Nearest Station: สถานียูซาวะ (Yuzawa Station)
Access: นั่งรถไฟสายโออุ (JR Ou Line) มาลงที่สถานียูซาวะ จากนั้นให้ต่อรถบัสอุโกะ คตซือ (Ugo Kotsu) จากป้ายด้านหน้าสถานีรถไฟไปลงที่ป้าย Oyasu Onsen Ski-jo Mae (小安温泉スキー場前) ราคา 1,140 เยนต่อเที่ยว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายโออุมาลงที่สถานียูซาวะได้
จังหวัดอิวาเตะ | IWATE
01 Koyo Ginga Light Up : วัดชูซอนจิ (Chusonji Temple)
วัดชูซอนจิ เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมสักครั้งหากได้มาเที่ยวอิวาเตะ ทั้งยังเป็นศูนย์กลางของวัดพุทธนิกายเทนไดในภูมิภาคโทโฮคุ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 850 ตั้งอยู่บนเนินเขาคังซัง (Kanzan) จึงโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติแสนสวยทุกฤดู ภายในมีวิหารเก่าแก่ที่ถูกอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ครั้งอดีตให้เยี่ยมชมคือ วิหารทองคำคนจิกิโด (Konjikido Golden Hall) เป็นแห่งเดียวของวัดจูซอนจิที่สร้างในศตวรรษที่ 12 และยังคงสภาพเดิมอยู่ได้ นอกเหนือจากนี้ยังมีวิหารหลักฮอนโด (Hondo) กับ พิพิธภัณฑ์ซังโคโซ (Sankozo Museum) ให้เดินชมได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ
ภาพ: www.tohokukanko.jp
ช่วงฤดูใบไม้ร่วงราวปลายตุลาคมถึงกลางพฤศจิกายนที่วัดจะมีงาน Koyo Ginga Light Up เรียกว่าจัดแสงไฟอย่างสวยงามทั่วพื้นที่เสริมให้บรรดาต้นเมเปิ้ลและพรรณไม้อื่นๆ ที่เดิมก็สวยอยู่แล้วยิ่งสวยขึ้นไปอีกระดับ ถ้ามีโอกาสได้ไปอิวาเตะช่วงเวลานั้นก็อย่าพลาดสถานที่สวยๆ แบบนี้ล่ะ
ไม่ไกลจากวัดชูซอนจิมีอีกหนึ่งแหล่งมรดกโลกสำคัญที่น่าแวะไปเยี่ยมชม วัดโมสึจิ (Motsuji Temple) เป็นวัดพุทธใหญ่ของนิกายเทนได ไฮไลท์ของที่นี่คือสวนโจโด (Pure Land Garden) ซึ่งมีการออกแบบและใช้เทคนิคการจัดสวนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น คือการผสมผสานระหว่างน้ำ ต้นไม้ และภูเขา ในฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้รอบสระน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีสัน ยิ่งทำให้บรรยากาศดูสงบเงียบและสวยงามขึ้นอีก นอกจากนี้ภายในวัดยังมีวิหารและโบราณวัตถุต่างๆ ให้เยี่ยมชมอีกหลายจุดเลยล่ะ
Chusonji Temple
Best Autumn Time: ปลายตุลาคม-กลางพฤศจิกายน
Location: เมืองฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) จังหวัดอิวาเตะ
Hours: 8:30-17:00 น. (Koyo Ginga Light Up 16:30-18:30 น.)
Closed: ไม่มี
Entrance Fee: ฟรี, ค่าเข้าชมหอ Konjikido และพิพิธภัณฑ์ Sankozo ผู้ใหญ่ 800 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมปลาย 500 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมต้น 300 เยน, นักเรียนชั้นประถม 200 เยน
Nearest Station: สถานีฮิราอิซุมิ (Hiraizumi Station)
Access: นั่งรถบัสอิวาเตะเค็นคตซือ (Iwate Kenkotsu Bus) ลงป้ายหน้าวัดชูซอนจิใช้เวลาประมาณ 5 นาที
Website: www.chusonji.or.jp
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายโทโฮคุ (Tohoku Line) มาลงที่สถานีฮิราอิซุมิได้
02 ล่องเรือและชิมดังโงะลอยฟ้า : หุบเขาเกบิเค / หุบเขาเก็นบิเค (Geibikei Gorge / Genbikei Gorge)
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแสนสวยของอิวาเตะที่ไม่ว่าใครถาม เราก็จะแนะนำให้ลองไปที่นี่คือ หุบเขาเกบิเค และ หุบเขาเก็นบิเค ทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ในเมืองอิจิโนะเซกิ เกบิเคเป็นหุบเขาหินเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ขนาบข้างแม่น้ำกว้างที่เหมาะกับการล่องเรือเพื่อดื่มด่ำวิวสวย การล่องเรือโบราณ จึงเป็นกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ ตัวเรือทำจากไม้จุได้ราวสามสิบคน แต่ใช้ฝีพายเพียง 1 คนต่อลำเท่านั้น อีกทั้งฝีพายก็ยังจะร้องเพลงท้องถิ่นคลอไปเพลินๆ ระหว่างล่องเรือด้วย
ส่วนเก็นบิเคเป็นหุบเขาที่คดเคี้ยว มีแม่น้ำคั่นกลางเหมือนกัน แต่เต็มไปด้วยโขดหินจึงล่องเรือไม่ได้ ทว่ามีทางเดินระยะทางประมาณ 2 กม. ให้เดินชมธรรมชาติแทน มีไฮไลท์คือ ดังโงะลอยฟ้า (Kakko Dango) ของร้าน Kakko-ya บริเวณเชิงสะพานแขวน ความเก๋อยู่ที่วิธีการส่งข้ามฟากแม่น้ำผ่านตะกร้าไม้ที่แขวนมากับเชือกสลิง เพียงเราใส่เงินลงไป ตีค้อนไม้ให้สัญญาณ ทางร้านก็จะส่งขนมดังโงะกลับมาให้เรานั่นเอง น่าสนุกดี จุดที่เหมือนกันของหุบเขาทั้งสองที่เราบอกได้ก็คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงใบไม้เปลี่ยนสีสวยมาก อันนี้ขอคอนเฟิร์ม!
ภาพ: www.tohokukanko.jpภาพ: www.ichitabi.jpภาพ: koyo.walkerplus.com
Geibikei Gorge
Best Autumn Time: กลางตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: เมืองอิจิโนะเซกิ (Ichinoseki) จังหวัดอิวาเตะ
Hours: ล่องเรือ 8:30-16:30 น.
Closed: ไม่มี
Entrance Fee: ค่าบริการล่องเรือ (90 นาที) ผู้ใหญ่ 1,800 เยน, เด็กประถม 900 เยน, เด็กต่ำกว่าชั้นประถม 200 เยน
Nearest Station: สถานีเกบิเค (Geibikei Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีเกบิเค แล้วเดินต่อประมาณ 6 นาที
Website: www.geibikei.co.jp
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายโอฟุนาโตะ (Ofunato Line) มาลงที่สถานีเกบิเคได้
Genbikei Gorge
Best Autumn Time: กลางตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: เมืองอิจิโนะเซกิ (Ichinoseki) จังหวัดอิวาเตะ
Hours: Kakko Dango มี.ค.-พ.ย. 9:00-16:00 น.
Closed: Kakko Dango ธ.ค.-ก.พ.
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีอิจิโนะเซกิ (Ichinoseki Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีอิจิโนะเซกิ จากนั้นนั่งรถบัสอิวาเตะเค็นคตซือ (Iwate Kenkotsu Bus) ที่ป้ายหมายเลข 9 บริเวณหน้าสถานีประมาณ 20 นาที ลงที่ป้าย Genbikei (厳美渓) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที หรือนั่งแท็กซี่ประมาณ 12 นาที
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายโทโฮคุ (Tohoku Line) หรือโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) มาลงที่สถานีอิจิโนะเซกิได้
Joyful Train | POKÉMON with YOU Train
ภาพ: East Japan Railway Company
ถ้ามีแพลนจะไปอิวาเตะในวันเสาร์-อาทิตย์ แนะนำลองนั่งรถไฟท่องเที่ยวธีมปิกาจูด้วย รถไฟสุดน่ารักที่เกิดขึ้นหลังจากอิวาเตะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 2011 เพื่อเรียกรอยยิ้มกลับมาให้ให้กับเด็กๆ ในแถบโทโฮคุ โดยเราสามารถนั่งไปลงเพื่อเที่ยวหุบเขาเกบิเคได้นะ
เส้นทาง: ระหว่างสถานีอิจิโนะเซกิ (Ichinoseki Station) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) กับสถานีเคเซ็นนุมะ (Kesennuma Station) จังหวัดมิยากิ (Miyagi)
วันให้บริการ: รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดของนักเรียนทุกระดับชั้น (ช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูหนาว)
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.jreast.co.jp
03 สวมชุดซามูไรและลองยิงธนูโบราณ : อุทยานประวัติศาสตร์เอซาชิ ฟุจิวาระ (Esashi-Fujiwara Heritage Park)
ภาพ : Facebook 歴史公園えさし藤原の郷
หากใครกำลังมองหาสถานที่ซึ่งสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ทั้งยังมีกิจกรรมหลากหลายให้ทำได้ไม่เบื่อ เราขอแนะนำ อุทยานประวัติศาสตร์เอซาชิ ฟุจิวาระ เอาไว้ในอ้อมใจ ที่นี่เป็นเหมือนสวนสนุกทางประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1993 เพื่อถ่ายทำทีวีซีรีส์เรื่อง Homura Tatsu บอกเล่าเรื่องราวในสมัยเฮอัน ปัจจุบันถูกปรับให้คนทั่วไปสามารถแวะมาเที่ยวชมได้ ภายในพื้นที่กว้างใหญ่ราว 125 ไร่เต็มไปด้วยอาคารโบราณ 120 หลัง ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยเฮอันยังไงยังงั้น ทั้งยังล้อมรอบไปด้วยบ่อน้ำและสวนสวยที่มีดอกไม้เบ่งบาน พรรณไม้ต่างๆ ก็เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาลด้วย
ภาพ : Facebook 歴史公園えさし藤原の郷ภาพ: www.tohokukanko.jp
กิจกรรมของที่นี่บอกได้เลยว่าเพียบ เช่น ลองแต่งกายด้วยชุดขุนนางและเกราะซามูไรสำหรับถ่ายรูปที่ระลึกแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ซ้อมยิงธนูโบราณ ถ่ายภาพ Trick Art สไตล์เฮอัน กิจกรรมเวิร์คช็อประบายสีบนเปลือกหอย แต่ถ้าช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ต้อง Light Up ที่จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีสะท้อนผิวน้ำตอนฟ้ามืดก็สวยงามน่าประทับใจสุดๆ
ภาพ: Facebook 歴史公園えさし藤原の郷
Esashi-Fujiwara Heritage Park
Best Autumn Time: กลางตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: เมืองโอชู (Oshu) จังหวัดอิวาเตะ
Hours: 9:00-17:00 น. (พ.ย.-ก.พ. ปิด 16:00 น.)
Closed: 1 มกราคม
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 800 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมปลาย 500 เยน, อายุต่ำกว่า 16 ปี 300 เยน
Nearest Station: สถานีมิซุซาวะเอซาชิ (Mizusawaesashi Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีมิซุซาวะเอซาชิ จากนั้นโดยสาร Shuttle Bus ฟรีจากทางออกทิศตะวันออก (East Exit) ประมาณ 15 นาที ข้อควรระวังคือรอบรถมีค่อนข้างน้อย หรือต่อแท็กซี่ไปประมาณ 10 นาที
Website: www.fujiwaranosato.com
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) มาลงที่สถานีมิซุซาวะเอซาชิได้
จังหวัดยามากาตะ | YAMAGATA
01 เดินป่าไปไหว้พระบนเขา : ยามาเดระ (Yamadera)
ยามาเดระ เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 860 ที่ตั้งอยู่บนเขาในจังหวัดยามากาตะ โอบล้อมด้วยธรรมชาติแสนอุดมสมบูรณ์ ที่จริงวัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดริชชาคุจิ (Risshakuji Temple) แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟยามาเดระ คนจึงเรียกติดปากว่าวัดยามาเดระมากกว่า ภายในวัดมีหลายจุดให้นักท่องเที่ยวได้แวะสักการะบูชา เราว่าสายบุญประทับใจที่นี่แน่นอน
จุดยอดนิยมของวัดนี้คือ วิหารโกไดโด (Godaido) ซึ่งอยู่บนยอดเขาหรือด้านบนสุดของวัด ขึ้นไปได้ด้วยการเดินเพียงอย่างเดียว มาที่นี่ก็เหมือนกับได้ปีนเขาเบาๆ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะทางวัดทำเป็นขั้นบันไดให้เดินง่ายๆ ราว 1,000 ขั้น สองข้างทางเป็นป่าสนให้เราได้พักสายตา สำหรับคนชอบชิลล์แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงสำหรับเดินขึ้น-ลง
Yamadera (Risshakuji Temple)
Best Autumn Time: ปลายตุลาคม-กลางพฤศจิกายน
Location: เมืองยามากาตะ (Yamagata) จังหวัดยามากาตะ
Hours: 8:00-17:00 น.
Closed: –
Entrance Fee: 300 เยน
Nearest Station: สถานียามาเดระ (Yamadera Station)
Access: นั่งรถไฟ JR สายเซ็นซัง (Senzan Line) มาลงที่สถานียามาเดระ จากนั้นเดินประมาณ 4 นาที
Website: www.rissyakuji.jp
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายเซ็นซังมาลงที่สถานียามาเดระได้
02 นั่งกระเช้าและแช่ออนเซ็น : ภูเขาซาโอ / ซาโอออนเซ็น (Mount Zao / Zao Onsen)
ภาพ: zaoropeway.co.jp
ซาโอออนเซ็น คือพื้นที่พักผ่อนของสายชิลล์ที่อินกับธรรมชาติคู่ควร นั่งบัสมาลงย่านเดียวก็เที่ยวได้ทั้งบนภูเขาซาโอและในหมู่บ้านออนเซ็น เริ่มจาก ภูเขาซาโอ ภูเขาที่ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนเมื่อไร ต้นไม้บนเขาจะเหมือนถูกโฟโต้ชอปปรับให้กลายเป็นสีส้มแดงสวยจนหุบยิ้มไม่ได้ การจะขึ้นไปบนเขาต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้า (Zao Ropeway) ทิวทัศน์ 360 องศานั้นสวยงามจับใจ แนะนำให้นั่งไปจนถึงปลายทางกระเช้าที่สถานีจิโซ ซันโจ (Jizo Sancho Station) เพราะด้านบนนี้มี Zao Natural Botanical Garden สวนพฤกษศาสตร์ธรรมชาติเต็มไปด้วยพืชอัลไพน์ให้ชม มีรูปปั้นหิน Zao Jizoson ผู้ปกครองของสิ่งมีชีวิตบนเขา และมีเส้นทางเดินเขาให้เลือกเดินดื่มด่ำกับวิวสวยอีกด้วย
Zao Onsen Dairotenburo ภาพ: Facebook 蔵王温泉大露天風呂Genshichi Roten no Yu ภาพ: www.visityamagata.jp
อีกกิจกรรมที่มาแล้วน่าลองทำให้ได้คือ “แช่ออนเซ็นกลางแจ้ง” บริเวณตีนเขาด้านล่างเป็นหมู่บ้านออนเซ็นซึ่งเต็มไปด้วยที่พักพร้อมออนเซ็นในตัว รวมทั้งแหล่งออนเซ็นธรรมชาติให้เลือกแช่ได้ตามชอบ แต่เราขอแนะนำที่ Zao Onsen Dairotenburo ออนเซ็นกลางแจ้งซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุดๆ อีกแห่งคือ Genshichi Roten no Yu ออนเซ็นเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,900 ปี น้ำพุร้อนของซาโอนี้มีความเป็นกรดและกำมะถันสูงซึ่งขึ้นชื่อว่าดีต่อโรคผิวหนัง
Zao Ropeway
Best Autumn Time: ปลายกันยายน-กลางตุลาคม
Location: เมืองยามากาตะ (Yamagata) จังหวัดยามากาตะ
Hours: 10 เม.ย.-10 ธ.ค. 8:30-17:00 น.
Closed: 11 ธ.ค.-9 เม.ย.
Fee: ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 3,000 เยน, เด็กต่ำกว่าชั้นมัธยมปลาย 1,500 เยน (Zao Ropeway Zao Sanroku Station – Jizo Sancho Station)
Nearest Station: สถานียามากาตะ (Yamagata Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานียามากาตะ จากนั้นนั่งบัสจากทางออกทิศตะวันออก (East Exit) ป้ายหมายเลข 1 ไปลงที่สถานีขนส่งซาโอออนเซ็น (Zao Onsen Bus Terminal) ประมาณ 40 นาที
Website: zaoropeway.co.jp
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายเซ็นซัง (Senzan Line), สายอาเทระซาวะ (Aterazawa Line) หรือสายยามากาตะชินคันเซ็น (Yamagata Shinkansen) มาลงที่สถานียามากาตะได้
03 สัมผัสประสบการณ์พิธีชงชา : สวนโมมิจิ (Momiji Park)
สวนโมมิจิ เป็นอีกหนึ่งสวนสวยตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองยามากาตะ สร้างขึ้นโดยเจ้าของปราสาทยามากาตะในสมัยเอโดะตอนต้น สวนนี้ออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม มีสระน้ำที่ล้อมรอบด้วยเส้นทางเดินคดเคี้ยว เหมาะสำหรับการมาเดินเล่น นั่งพักกายหย่อนใจท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องสีสันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วง โดยในสวนเต็มไปด้วยเมเปิ้ลหลากสายพันธุ์ที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสวยเข้ากับชื่อสวน โมมิจิ ที่แปลว่า ต้นเมเปิ้ล
อาคาร Seifuso ภาพ: www.visityamagata.jp
กิจกรรมที่น่าลองมากๆ สำหรับคนรักการดื่มชาเขียวคือ การสัมผัสประสบการณ์พิธีชงชาตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ ภายในอาคารเซฟุโซ (Seifuso) จะมีโรงน้ำชาโฮโคอัน (Hoko-an) อยู่ 4 ห้องซึ่งจะตกแต่งต่างกัน โดยมีทั้งแบบดั้งเดิมและแบบที่โมเดิร์นขึ้นให้เราได้เลือกบรรยากาศที่ชอบ แต่ก่อนเข้าต้องซื้อ Tea Voucher ที่แผนกต้อนรับในราคา 500 เยนต่อคน จะได้รับขนมพร้อมรับชมพิธีชงชาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการชงชาแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
ภาพ: www.visityamagata.jp
Momiji Park
Best Autumn Time: ต้นพฤศจิกายน-กลางพฤศจิกายน
Location: เมืองยามากาตะ (Yamagata) จังหวัดยามากาตะ
Hours: สวน 8:00-17:00 น. Seifuso & Hoko-an 8:00-22:00 น.
Closed: สวนไม่มีวันหยุด, Seifuso & Hoko-an หยุดวันจันทร์และวันปีใหม่
Entrance Fee: สวนเข้าฟรี, Hoko-an 500 เยน
Nearest Station: สถานียามากาตะ (Yamagata Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานียามากาตะ จากนั้นต่อรถบัส Benichan Bus จากป้ายหน้าสถานีมาลงที่ Higashihara Sanchome ประมาณ 5 นาทีจากนั้นเดินต่ออีกเล็กน้อย หรือนั่งแท็กซี่มาลงที่สวนประมาณ 6 นาที
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายเซ็นซัง (Senzan Line), สายอาเทระซาวะ (Aterazawa Line) หรือสายยามากาตะชินคันเซ็น (Yamagata Shinkansen) มาลงที่สถานียามากาตะได้
จังหวัดมิยากิ | MIYAGI
01 ชมธรรมชาติและย่านออนเซ็น : หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge)
หุบเขานารุโกะ เป็นหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ตั้งอยู่ในย่านนารุโกะออนเซ็น (Naruko Onsen) ที่เด่นเรื่องออนเซ็นและธรรมชาติในจังหวัดมิยากิ หุบเขานี้เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำโอยะ (Oya River) ในฤดูใบไม้ร่วงมีหลายจุดให้ชมวิวของหุบเขา เช่น จุดที่รถไฟท้องถิ่นกำลังเคลื่อนตัวผ่านอุโมงค์ หรือสะพานโอฟุคาซาวะ (Ofukazawa Bridge) เราแนะนำให้ถ่ายรูปจากจุดชมวิวบริเวณ Narukokyo Resthouse ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดวิวที่เหล่านักถ่ายภาพอยากมาชมและถ่ายภาพเก็บไว้สักครั้ง
ภาพ: www.tohokukanko.jpNaruko Dam
เมื่อมาเยือนหุบเขานารุโกะ ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่สัมผัสได้ตั้งแต่แรกเห็นจะทำให้เราอยากเดินชมธรรมชาติตามเส้นทางต่างๆ รวมทั้งการเดินเที่ยวชมย่านออนเซ็นก็น่าสนใจ เพราะที่นี่มีจุดแช่ออนเซ็นทั้งมือและเท้ากระจายอยู่ทั่วเมือง และมีที่พักพร้อมออนเซ็นในตัวให้เลือกแวะค้างคืนด้วยถ้ามีเวลา อีกความน่าสนใจคือโซนในเมืองตามข้างทาง ร้านอาหาร และป้ายต่างๆ จะถูกประดับประดาไปด้วยตุ๊กตาไม้ที่เรียกว่า “โคเคชิ” เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องการทำตุ๊กตาโคเคชิด้วย
ภาพ: Facebook Travel to Sendai, Japan
Naruko Gorge
Best Autumn Time: ปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: เมืองโอซากิ (Osaki) จังหวัดมิยากิ
Nearest Station: สถานีนารุโกะออนเซ็น (Naruko Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีนารุโกะออนเซ็น จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Naruko Rest House หรือแท็กซี่ประมาณ 6 นาที ไปลงที่ Naruko Rest House ได้เช่นกัน
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายริกูโต (Rikuuto Line) มาลงที่สถานีนารุโกะออนเซ็นได้
02 Night Museum Light Up : สวนธรรมชาติเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Nature Park)
ภาพ: Facebook 木の家・天守閣自然公園
สวนธรรมชาติเท็นชุคาคุ เป็นอีกหนึ่งอุทยานธรรมชาติสวยๆ ในแถบชานเมืองเซนได ใกล้กับอาคิอุออนเซ็น (Akiu Onsen) มีต้นไม้ดอกไม้หลากหลายตามฤดูกาล สวนแบบญี่ปุ่น สระน้ำใสจนมองเห็นปลาคาร์ปแหวกว่าย น้ำพุร้อนธรรมชาติ คาเฟ่และร้านอาหารก็มี ทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งแคมป์ ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติในสวนได้หลายรูปแบบ น่าแวะเวียนมาผ่อนคลายทุกฤดู นักท่องเที่ยวอาจยังไม่ค่อยรู้จักแต่จะบอกว่าสวนนี้เป็นที่รักของคนท้องถิ่นเอามากๆ เลยล่ะ
ความพิเศษของฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่ช่วงปลายตุลาคมจนถึงกลางพฤศจิกายนในสวนจะจัดงานไฟประดับประจำปี Night Museum Light Up เปิดให้เข้าชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีในยามค่ำคืน พร้อมการตกแต่งอันน่าตื่นตาตื่นใจจากศิลปินที่จะเปลี่ยนไปในทุกปี ทำให้เราเดินเล่นดูไฟหลากสีได้สนุกขึ้น
งานศิลปะในปี ค.ศ. 2021 ภาพ: Facebook 天守閣自然公園 もみじライトアップ 秋保ナイトミュージアム
Tenshukaku Nature Park
Best Autumn Time: กลางตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: สวน 10:00-16:30 น. (Night Museum Light Up 17:00-21:00 น.)
Closed: ไม่มี
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็กต่ำกว่าชั้นมัธยมปลาย 200 เยน
Nearest Station: สถานีอายาชิ (Ayashi Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีอายาชิ จากนั้นต่อแท็กซี่ประมาณ 20 นาที
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายเซ็นซัง (Senzan Line) มาลงที่สถานีอายาชิได้
03 ปีนเขา : ภูเขาคุริโคมะ (Mount Kurikoma)
ภาพ: www.tohokukanko.jp
คุริโคมะ เป็นภูเขาสวยรวยเสน่ห์เป็นที่รักของนักปีนเขากินพื้นที่ครอบคลุมสามจังหวัด ได้แก่ มิยากิ อิวาเตะ และอาคิตะ นิยมมากในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เพราะทัศนียภาพที่จะเปลี่ยนภูเขาให้เป็นสีแดงนั้นสวยจนอาจลืมหายใจ (ไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด) ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปแล้วอาจไม่ได้เส้นทางที่เดินง่าย เพราะมีทั้งทางราบและสูงชัน เพื่อความปลอดภัยเราว่าเหมาะสำหรับคนที่ฟิตร่างกายและศึกษาเส้นทางอย่างดีแล้วเท่านั้น
มีเส้นทางปีนเขาทั้งหมด 9 เส้นทาง ให้เลือกเดินได้ตามระดับประสบการณ์ วิวตอนที่ทั้งภูเขาถูกปกคลุมด้วยใบไม้สีส้มแดงนั้นสวยตราตรึงจนได้ชื่อว่าเป็น “Carpet of God” หลังจากปีนขึ้นไปตามทางจะเห็นวิวพาโนรามาอันกว้างใหญ่ผ่านทะเลเมฆไปจะสามารถมองเห็นภูเขากัสซัน (Mt. Gassan) ภูเขาโจไก (Mt. Chokai) ภูเขาซาโอ (Mt. Zao) ภูเขาโคมากาทาเกะ (Mt. Komagatake) ภูเขาฮายาจิเนะ (Mt. Hayachine) รวมไปถึงมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างเต็มตา สำหรับนักปีนเขา เราว่าวิวอันกว้างใหญ่ที่ได้เห็นตรงหน้านี้คุ้มค่าเหนื่อย
Mount Kurikoma
Best Autumn Time: กลางกันยายน-กลางตุลาคม
Location: เมืองคุริฮาระ (Kurihara) จังหวัดมิยากิ
Closed: ฤดูหนาว
Nearest Station: สถานีคุริโคมะ โคเก็น (Kurikoma-Kogen Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีคุริโคมะ โคเก็น จากนั้นต่อแท็กซี่ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือใช้บริการ Shuttle Bus ที่จะมีเฉพาะฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาลงที่ป้าย Iwakagamidaira (いわかがみ平) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางปีนเขา
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) มาลงที่สถานีคุริโคมะ โคเก็นได้
จังหวัดฟุกุชิมะ | FUKUSHIMA
01 พายเรือชมวิว : โกชิกินุมะ (Goshikinuma Ponds)
โกชิคินุมะ เป็นชื่อเรียกของบึงจำนวนมากที่กระจายอยู่ในแถบอุทยานแห่งชาติบันไดอาซาฮี (Bandai-Asahi National Park) ในปี ค.ศ. 2016 ที่นี่ได้รับการจัดอันดับ 1 ดาวใน Michelin Green Guide เลยด้วย บึงเหล่านี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟบันได (Mt. Bandai) ในอดีต กลายเป็นบึงน้อยใหญ่หลายแห่ง เช่น Aonuma Pond, Bentennuma Pond, Akanuma Pond, Tatsunuma Pond, Bishamonnuma Pond เป็นต้น ความพิเศษคือแร่ธาตุจากดินระเบิดส่งผลให้เมื่อน้ำสะท้อนกับแสงอาทิตย์จะเห็นเป็น 5 สี ได้แก่ สีเขียวมรกต สีฟ้าโคบอลต์ สีฟ้าเทอร์ควอยซ์ สีฟ้ามรกต และสีน้ำเงินพาสเทลแตกต่างกันไปตามสระน้ำ สมชื่อโกชิคินุมะ ที่แปลว่า “บึงห้าสี” นั่นเอง
กิจกรรมยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวแถวบึงนี้คือ การเช่าเรือพายชมวิวใบไม้หลากสีสวยจากกลางบึงอันสงบเงียบ ยิ่งถ้ามาเป็นคู่บอกเลยว่าโรแมนติกดีเชียวล่ะ แต่ถ้าไม่ได้มีแพลนไปไหนต่อที่นี่ยังมี Goshikinuma Ponds Nature Trail เป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ
Goshikinuma Ponds
Best Autumn Time: กลางตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: แขวงยามะ (Yama) จังหวัดฟุกุชิมะ
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีอินาวาชิโระ (Inawashiro Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีอินาวาชิโระ จากนั้นเปลี่ยนไปโดยสาร Bandai Toto Bus ที่ป้าย Goshikinuma-Iriguchi (五色沼入口) หรือ Urabandai-kogen-eki (磐梯高原駅) ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายบันเอ็ตสึไซ (Ban-Etsusai Line) มาลงที่สถานีอินาวาชิโระได้
Joyful Train | FruiTea Fukushima
ภาพ: East Japan Railway Company
FruiTea Fukushima รถไฟที่เป็นดั่งคาเฟ่ขนมหวานเคลื่อนที่ได้ ภายในขบวนเราจะได้ลิ้มรสขนมที่ใช้ผลไม้ท้องถิ่นมาเป็นวัตถุดิบหลัก ไปพร้อมๆ กับการชมธรรมชาติของจังหวัดฟุกุชิมะผ่านวิวหน้าต่าง ถ้าเดินทางไปในวันเสาร์-อาทิตย์ก็สามารถใช้บริการนั่งมาลงที่สถานีอินาวาชิโระเพื่อไปเที่ยวโกชิกินุมะได้
เส้นทาง: ระหว่างสถานีโคริยามะ (Koriyama Station) กับสถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station) จังหวัดฟุกุชิมะ
วันให้บริการ: รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.jreast.co.jp
02 เดินชมธรรมชาติ : โทโนะเฮทสึริ (To no Hetsuri)
โทโนะเฮทสึริ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในฟุกุชิมะที่เหมาะกับการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นอย่างยิ่ง ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะโอคาวะฮาโตริ (Okawa-Hatori Prefectural Nature Park) ลักษณะสำคัญคือเป็นหน้าผาหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการที่ถูกน้ำกัดเซาะมาเป็นเวลานานกว่าล้านปีจนสึกกร่อน เกิดเป็นภูมิทัศน์ที่งดงามอย่างที่เห็น เบื้องล่างเป็นแม่น้ำโอคาวะ (Okawa River) สีมรกตตัดกับใบไม้แดงยิ่งสวยเลยล่ะ
กิจกรรมบังคับที่มาเยือนแล้วต้องทำคือการเดินชมธรรมชาติลัดเลาะตามเส้นทางที่จัดไว้ แนะนำให้เดินข้ามสะพานไม้ที่พาดข้ามแม่น้ำโอคาวะเพื่อไปชมหน้าผาและหินรูปทรงประหลาดมากมายแบบใกล้ๆ ด้านในยังมีจุดให้สักการะพระโพธิสัตว์ด้วย อีกทั้งในสวนนี้ก็มีจุดน่าสนใจและน่าแวะถ่ายรูปอีกหลายจุด เดินเล่นชมบรรยากาศได้เพลินจนลืมเวลา
To no Hetsuri
Best Autumn Time: ปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน
Location: แขวงมินามิไอซุ (Minamiaizu) จังหวัดฟุกุชิมะ
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีโทโนะเฮทสึริ (To No Hetsuri Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีไอสึวากามัตสึ จากนั้นเปลี่ยนไปโดยสารรถไฟ Aizu-Railway สายไอสึเท็ตสึโด (Aizu Tetsudo) ไปลงที่สถานีโทโนะเฮทสึริ จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายบันเอ็ตสึไซ (Ban-Etsusai Line) หรือสายทาดามิ (Tadami Line) มาลงที่สถานีไอสึวากามัตสึได้
03 นั่งกระเช้าและเดินชมวิว : ภูเขาอาดาตาระ (Mount Adatara)
ภาพ: Facebook Welove Fukushima
1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ภูเขาอาดาตาระ ประกอบไปด้วยภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่หลายลูกรวมตัวเป็นภูเขากว้าง เกิดเป็นภูมิทัศน์สวยงาม ฤดูกาลที่เราอยากให้ทุกมาเห็นด้วยตัวเองกับตาคือเฉดสีเหลืองไปจนถึงแดงของใบไม้นานาพันธุ์อันน่าทึ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยเราสามารถเพลิดเพลินกับวิวเหล่านั้นได้โดยใช้บริการกระเช้าขึ้นภูเขาอาดาทาระ ซึ่งตั้งอยู่ด้านในสกีรีสอร์ท Adatara Kogen Ski Resort
ภาพ: Facebook Welove Fukushimaวิวจาก Yakushidake Panorama Park ภาพ: japanrailtimes.japanrailcafe.com.sg
กิจกรรมนั่งกระเช้าใช้เวลาราว 10 นาที ระหว่างทางเมื่อมองลงมาจะเห็นวิวสุดลูกหูลูกตาตั้งแต่ใบไม้แดงบนเขา ทอดยาวไปจนถึงทิวทัศน์ของเมืองนิฮมมัตสึ ถ้าอากาศแจ่มใสจะมองเห็นได้ไกลถึงเมืองฟุกุชิมะและโคริยามะเลย เมื่อถึงสถานีปลายทางแล้วเดินต่อไปอีกนิดจะถึง Yakushidake Panorama Park จุดชมวิวที่เราสามารถกวาดสายตาออกแล้วเห็นทิวทัศน์ที่มีชีวิตชีวาของเทือกเขาที่กำลังถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้แดง รวมทั้งมีเส้นทางเดินเขาสำหรับผู้ที่สนใจด้วย
Mount Adatara Ropeway
Best Autumn Time: ต้น-กลางตุลาคม
Location: เมืองนิฮมมัตสึ (Nihommatsu) จังหวัดฟุกุชิมะ
Hours: 8:30-16:30 น.
Closed: ไม่มี
Fee: ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 1,050 เยน, เด็ก 800 เยน
Nearest Station: สถานีนิฮมมัตสึ (Nihommatsu Station)
Access: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีนิฮมมัตสึ จากนั้นโดยสารรถบัสสายที่ไปดาเคะออนเซ็น-โอคุดาเกะโทซังกุจิ (岳温泉~奥岳登山口) ลงป้ายรถบัสโอคุทาเคะโทะซังกุจิ (奥岳登山口) ประมาณ 50 นาที หรือนั่งแท็กซี่ประมาณ 30 นาที
Note: ใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟ JR สายโทโฮคุ (Tohoku Line) มาลงที่สถานีนิฮมมัตสึได้
โทโฮคุ ช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี นั้นสวยงามประทับจิตและดีต่อใจสุดๆ เหมาะมากสำหรับคนที่อยากพักสายตาจากคอมพิวเตอร์ข้างกาย แล้วเปลี่ยนไปดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติกว้าง 360 องศา ปล่อยให้ใบไม้แดงสวยตรงหน้าค่อยๆ เติมพลังให้เราจนเต็ม เอาจริง นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น โอกาสหน้าจะพาไปสำรวจซอกมุมอื่น ฤดูกาลอื่นๆ ของโทโฮคุกันต่อ ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าสวยและสนุกแน่นอน!
ข้อมูลบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
เที่ยวโทโฮคุช่วงใบไม้แดงให้คุ้มเว่อร์ ต้องใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ซึ่งใช้แทนตั๋วสำหรับโดยสารรถไฟ ที่ใช้นั่งทั้งชินคันเซ็น รถไฟท้องถิ่น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train (บางขบวน) ในเส้นทาง JR EAST Lines ได้ฟรีทั้งหมด รวมถึงสามารถใช้โดยสารรถ JR BUS TOHOKU นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน
ราคา: ผู้ใหญ่ 20,000 เยน, เด็ก 10,000 เยน
เงื่อนไข: ต้องใช้ 5 วัน ติดต่อกัน
จุดจำหน่าย: ซื้อผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วบางสถานี, เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว หรือซื้อผ่านเอเจนซี่ในประเทศไทย
วิธีสำรองที่นั่ง: สามารถซื้อและสำรองที่นั่งออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ JR-EAST Train Reservation และไปออกตั๋วฉบับจริงได้ที่ตู้อัตโนมัติภายในสถานีรถไฟที่มี Passport Reader
วิธีใช้งาน: สอดบัตรโดยสารกับเครื่องตรวจตั๋วอัตโนมัติของสถานีรถไฟได้เลย
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.jreast.travel