หลังจากที่แอบหนีไปเดินเล่นที่ญี่ปุ่นมาพักนึง กลับมาก็แอบคิดเงียบๆ ว่าถ้าได้เป็นหมาอยู่ที่ญี่ปุ่นก็คงจะดี ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดหรอก เพราะเราไปเดินเล่นที่ไหนก็เจอแต่เจ้าหมาน้อย หมายักษ์ที่เจ้าของรักและเอ็นดูไปซะทุกที่เลย อดสงสัยไม่ได้ว่านี่เราเที่ยวเหมือนหมาหรือหมากันแน่ที่แอบหนีเที่ยวเหมือนเรา (ฮา) กลับมาเลยอยากรู้จัก “พันธุ์หมาญี่ปุ่น” ให้มากขึ้น เผื่อจะหามาเลี้ยงไว้สักตัวที่บ้าน

คู่พี่น้องชิบะที่โดนจับแต่งตัวชุดใหญ่ ทั้งหมวก ผ้าพันคอ เสื้อ กางเกง

มันป็นคู่พี่น้องชิบะที่โดนจับแต่งตัวชุดใหญ่ ทั้งหมวก ผ้าพันคอ เสื้อ กางเกง เราว่ามันก็คงชอบด้วยแหละ ยิ้มหวานเลย ไอ้หมาบ้าน่ารักเกินไปแล้ว อดใจไม่ไหว เราเลยขอถ่ายรูปคู่มาด้วยใบนึงซะเลย เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอเจ้าคิชูตัวขาวที่เจ้าของพามาเดินเล่น สงสัยจะร้อนเดินเล่นน้ำไม่ยอมหยุด

เจ้าคิชูตัวขาวที่เจ้าของพามาเดินเล่น สงสัยจะร้อนเดินเล่นน้ำไม่ยอมหยุดเลย

เออ เราก็ร้อนเหมือนกัน ระหว่างที่เดินไปหาไอศครีมกินดับร้อนก็เจออีก แม้คราวนี้จะไม่ใช่พันธุ์ญี่ปุ่นแต่ก็ต้องยอมในความน่ารักของเจ้าเฟรนช์บลูด็อกตัวนี้  ที่ญี่ปุ่นจะต้องดูแลความสะอาดของสัตว์เลี้ยงตนเอง เมื่อพาไปเดินเล่นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เจ้าของจำเป็นที่จะต้องนำถุงพลาสติกไปด้วยเพื่อคอยเก็บอุจจาระ

ไม่ใช่พันธุ์ญี่ปุ่นแต่ก็ต้องยอมในความน่ารักของเจ้าเฟรนช์บลูด็อกตัวนี้

ถ้าเคยดูหนังเรื่อง Hachi A dog’s tale จากเรื่องจริงของหมาชื่อ ฮาชิโกะ หมาที่เฝ้ารอรับเจ้าของที่สถานีรถไฟทุกวัน จนกระทั่งเจ้าของเสียชีวิตไปแล้วฮาชิโกะก็ยังคงรอ รอเป็นเวลาหลายปี จนในที่สุดมันก็ตาย ความซื่อสัตย์ที่มันมีทำให้เราไม่แปลกใจในความรักความเอ็นดูของมนุษย์มนาชาวญี่ปุ่นที่มีต่อหมา เราว่าส่วนหนึ่งพี่ยุ่นน่าจะดูหนังแล้วอินเหมือนเราแหละ

รวมถึงที่ญี่ปุ่นมีธุรกิจทางด้านบริการเกี่ยวกับหมามากมาย อาทิ ร้านตัดแต่งขน, บริการรับทำศพ, โรงแรมสำหรับผู้รักสุนัขแต่ไม่มีเวลาดูแล ก็มีศูนย์บริการ Dogs Day Care สำหรับผู้ที่ไปทำงานในช่วงกลางวัน ซึ่งจะมีค่าบริการแตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมี Pet Resort College ซึ่งจะคอยดูแลสัตว์เลี้ยงให้กับเราตั้งแต่นำไปเข้าบริการจนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งจะมีค่าบริการสำหรับแรกเข้าและค่าบริการตลอดชีพ ตลอดจนธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย จากธุรกิจเหล่านี้จะเห็นได้ว่าชาวญี่ปุ่นมีความผูกพันต่อหมาเป็นอย่างมาก

ที่ญี่ปุ่นจะต้องดูแลความสะอาดของสัตว์เลี้ยงตนเอง เมื่อพาไปเดินเล่นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เจ้าของจำเป็นที่จะต้องนำถุงพลาสติกไปด้วยเพื่อคอยเก็บอุจจาระ

และด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของมัน ทำให้หมาพันธุ์ญี่ปุ่นมีแฟนคลับไปทั่วโลก ปัจจุบันหมาสายพันธุ์ญี่ปุ่นมีอยู่ด้วยกันหลายสายพันธุ์ แต่มีเพียง 6 สายพันธุ์เท่านั้นที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์คุ้มครองของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงสูญพันธุ์ สำหรับใครที่คิดอยากเลี้ยง พันธุ์หมาญี่ปุ่น แท้ ลองมาทำความรู้จักน้องกันหน่อยดีกว่า

 

01 Shiba Inu 

พันธุ์หมาญี่ปุ่น : ชิบะอินุ (SHIBA INU)ภาพ: https://goo.gl/TVURxj

ชิบะอินุ (柴犬 SHIBA INU) เป็นพันธุ์ที่น่าจะรู้จักกันดี หนึ่งในพันธุ์หมาที่เก่าแก่ที่สุดของโลก อยู่คู่ชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ เริ่มแรกน้องถูกนำมาเลี้ยงเพื่อใช้ล่าสัตว์ขนาดเล็กตามบริเวณภูเขา ที่มาของชื่อชิบะอินุมาจากสีขนของมันคล้ายกับท่อนไม้ทำฟืน (柴 – ชิบะในภาษาญี่ปุ่น) หมาพันธุ์นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสัตว์สงวนในปี ค.ศ.1936 เพื่อการอนุรักษ์ พันธุ์หมาญี่ปุ่น

ชิบะอินุ (柴犬 SHIBA INU)

ชิบะอินุเป็นหมาพันธุ์เล็กที่ได้รับความนิยมในหมู่คนญี่ปุ่นมากที่สุด มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 9-14 กิโลกรัมเท่านั่นเอง โดยตัวผู้จะสูงประมาณ 38-41 เซนติเมตร ส่วนตัวเมียจะสูงประมาณ 35-38 เซนติเมตร แม้ชิบะจะมีอุปนิสัยที่ร่าเริง เป็นมิตร เข้ากับคนรอบข้างได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกันน้องก็ค่อนข้างอินดี้ มีอิสระ และเป็นตัวของตัวเองสูง ดังนั้นถ้าอยากเล่นกับหมาพันธุ์นี้จึงจำเป็นต้องเข้าหาก่อน น้องก็จะเล่นด้วยเอง ด้วยความเข้ากับคนง่ายนี้ไม่แปลกใจที่ชิบะจะเป็นพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงและครองใจคนทั่วโลก

ชิบะมาตรฐาน: หัวและลำตัวมีขนาดสัมพันธ์กัน ใบหูตั้งตรง ตาเป็นทรงสามเหลี่ยมเฉียงขึ้น และขอบตาดำ ส่วนรูปริมฝีปากโค้งเหมือนกับกำลังยิ้ม ขนสั้นและมีสองชั้น

 

02 Kishu Inu

พันธุ์หมาญี่ปุ่น : คิชูอินุ (KISHU INU)ภาพ: https://goo.gl/3Tv7gY

คิชูอินุ (紀州犬 KISHU INU) หมาพันธุ์ดั้งเดิมของ 3 จังหวัดบนคาบสมุทรคิอิ ได้แก่ จังหวัดวาคายาม่า (Wakayama), มิเอะ (Mie) และนารา (Nara) มีตำนานเล่าว่า นายพรายได้ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยของหมาป่าตัวหนึ่งไว้ หมาป่าจึงทดแทนบุญคุณด้วยการมอบลูกให้ ซึ่งลูกหมาป่าตัวนั้นก็ผสมข้ามสายพันธุ์กับหมาพันธุ์อื่นจนเป็นของคิชูอินุในเวลาต่อมา เดิมทีคิชูอินุมีขนสีอื่นนอกจากสีขาวด้วย แต่ถูกล่าไปจนเกือบหมด ทำให้ต้องขึ้นทะเบียนให้เป็นสัตว์สงวนในปี ค.ศ.1934

คิชูอินุ (紀州犬 KISHU INU)ภาพ: https://goo.gl/FWs25f

คิชูอินุเป็นหมาขนาดกลางมีความสูงประะมาณ 43 – 55 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 13 – 27 กิโลกรัม เป็นที่นิยมในหมู่คนญี่ปุ่นมากรองจากพันธุ์ชิบะ โดยทั่วไปมักเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน เนื่องจากเป็นสุนัขล่าสัตว์จึงไม่ค่อยเห่า มักจะใจเย็นเพื่อโจมตีศัตรูมากกว่า มีนิสัยสงบ มีความซื่อสัตย์ และจริงใจต่อเจ้าของ ยิ่งถ้าถ้าได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีแล้วล่ะก็จะเป็นสุนัขทีดีมาก แต่ถ้าคิชูถูกเลี้ยงอย่างปล่อยปะละเลยละก็อาจกลายเป็นสุนัขที่มีนิสัยเกเร เป็นอันตรายได้เหมือนกัน

คิชูมาตรฐาน: ศีรษะใหญ่สมดุลกับลำตัวที่ค่อนข้างยาว ขณะที่ยืนขาทั้ง 4 ข้างดูหนักแน่นมีพลัง ใบหูตั้งงุ้มมาข้างหน้า และมีขนสองชั้น

 

03 Akita Inu

พันธุ์หมาญี่ปุ่น : อาคิตะอินุ (AKITA INU)ภาพ: https://goo.gl/nOPr8B

อาคิตะอินุ (秋田犬 AKITA INU) เป็นสายพันธุ์ญี่ปุ่นดั้งเดิมจากจ.อาคิตะ (Akita) ในอดีตอาคิตะมักถูกเลี้ยงเพื่อเป็นหมาต่อสู้และล่าเนื้อ (ในอดีตมีการจัดประลองหมา) แต่หลังจากมีกฎหมายห้ามจัดการประลอง จำนวนอาคิตะอินุก็มีจำนวนลดลงมาก จนในปีค.ศ.1919 เหล่าคนรักหมาพันธุ์อาคิตะก็รวมตัวกันผลักดันให้อาคิตะได้ขึ้นบัญชีสัตว์คุ้มครอง ประสบผลสำเร็จในปีค.ศ.1931

อาคิตะอินุ (秋田犬 AKITA INU)ภาพ: https://goo.gl/RCpac9

อาคิตะเป็นหมาขนาดใหญ่ เมื่อโตเต็มวัยมีความสูงประมาณ 61-71 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 35 – 50 กิโลกรัมเลยทีเดียว ปัจจุบันนิยมเลี้ยงอาคิตะไว้สำหรับเฝ้าบ้าน เพราะมีรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรง มีความเป็นผู้นำสูง รวมถึงรักเจ้าของมาก คนญี่ปุ่นยกย่องว่าอาคิตะเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ส่วนหนึ่งอาจมีที่มาจากภาพยนตร์ Hachi A dog’s tale ฮาชิโกะที่ซื่อสัตย์และรักเจ้าของมาก รอรับเจ้าของที่สถานีรถไฟทุกวันแม้เจ้าของจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม

อาคิตะมาตรฐาน: ลำตัวขนาดใหญ่ ช่วงขายาวแข็งแรง ขนสั้นสีน้ำตาลแดงตัดกับสีขาวตรงปลายจมูก คิ้ว และขาทั้งสี่ ศรีษะสมส่วนกับร่างกาย ใบหูตั้งตรงทรงสามเหลี่ยม และหางม้วนเป็นพวง

 

04 Shikoku Inu 

พันธุ์หมาญี่ปุ่น : ชิโกกุอินุ (SHIKOKU INU)ภาพ: https://goo.gl/z1vHWW

ชิโกกุอินุ (四国犬 SHIKOKU INU) เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีแหล่งกำเนิดที่แถบภาคชิโกกุ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดโคจิ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ชิโกกุเป็นพื้นที่ภูเขาซะเป็นส่วนมากและมักพบตามภูเขาจึงถูกเรียกว่า ยามะอินุ (山 ยามะแปลว่าภูเขา) รวมถึงในอดีตหมาพันธุ์นี้ต้องเข้าไปล่าสัตว์ ทำให้ร่างกายของเจ้าหมาชิโกกุมีขนาดค่อนข้างโต โดยชาวบ้านได้นำเอาลูกสุนัขภูเขามาเลี้ยงจนกลายเป็นชิโกคุอินุในเวลาต่อมา และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสัตว์สงวนในปี ค.ศ.1937

ชิโกกุอินุ (四国犬 SHIKOKU INU)ภาพ: https://goo.gl/TBQtCU

พันธุ์ชิโกกุเมื่อโตเต็มวัยมีความสูงประมาณ 49 – 55 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 13 – 17 กิโลกรัม สีขนคล้ายหมาป่าทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นหมาป่าญี่ปุ่นที่สูญพันธุ์ไปแล้วจนเป็นข่าวโด่งดังในช่วงศตวรรษที่ 20 ด้วยความที่เคยล่าสัตว์มาก่อนทำให้มีนิสัยห้าวหาญ เชื่อฟังเจ้าของ ไม่ดื้อเท่าชิบะและอาคิตะ ทำให้เลี้ยงง่าย คนญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงไว้เฝ้ายามมากกว่า แต่หากมีโอกาสพาน้องออกไปเดินเล่นต้องคอยระวังเป็นพิเศษ น้องไม่ชอบคนแปลกหน้า แต่ข้อดีคือถ้าเป็นเจ้าของหรือคนสนิท หมาพันธุ์นี้ถือว่าเป็นมิตรเป็นเป็นเพื่อนคู่ใจที่ดีมาก

ชิโกกุมาตรฐาน: ลำตัวยาวมากกว่าความสูง โดยเฉพาะตัวเมียจะเห็นได้ชัด ใบหูตั้งตรงหางมีทั้งม้วนเป็นพวงและเหยียดตรง ขาคู่หน้ามีขนาดสัมพันธ์กับขนาดตัว ส่วนขาคู่หลังมีระยะห่างที่เหมาะสม และมีขนสองชั้น

 

05 Hokkaidoken Inu

พันธุ์หมาญี่ปุ่น : ฮอกไกโดเคน (HOKKAIDO KEN)ภาพ: https://goo.gl/g46Sqr

ฮอกไกโดเคน (北海道犬 HOKKAIDO KEN) หรือเรียกได้อีกอย่างว่า หมาไอนุ หนึ่งสายพันธุ์ที่เป็นลูกหลานของพันธุ์มาตากิอินุ ที่ชาวไอนุเลี้ยงไว้เพื่อล่าหมีสีน้ำตาลนั่นเอง โดยชาวไอนุมักเรียกว่า เซตะ ฮอกไกโดเคนมีจิตใจที่เข้มแข็ง ใจกล้า ไม่กลัวใคร แม้ฝั่งตรงข้ามจะตัวใหญ่กว่าก็็ตาม พันธุ์ฮอกไกโดเคนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสัตว์สงวนเพื่อการอนุรักษ์สายพันธุ์เมื่อปี ค.ศ.1937

ฮอกไกโดเคน (北海道犬 HOKKAIDO KEN)ภาพ: https://goo.gl/J2Pibi

ฮอกไกโดเคนเป็นน้องหมาขนาดกลางมีความสูงประมาณ 46 – 52 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 18 – 25 กิโลกรัม มีหลายสีทั้งสีขาว น้ำตาลแดง ดำ ขาวงา สีเทา รวมถึงสีผสม หลายคนที่ตกหลุมรักหมาพันธุ์นี้อาจเพราะนิสัยของน้องที่เริงร่า ใจกล้า บ้าบิ่นไม่กลัวใคร อึด และที่สำคัญกินง่ายนั่นเอง

ฮอกไกโดเคนมาตรฐาน: ลำตัวครึ่งหน้าดูเฟิร์ม แข็งแรง ใบหูทรงสามเหลี่ยมตั้งตรง รวมถึงตาก็เป็นทรงสามเหลี่ยมเช่นกัน จมูกสามารถรับกลิ่นได้ดี หางม้วนเป็นพวง

 

06 Kaiken Inu

พันธุ์หมาญี่ปุ่น : คาอิเคน (KAI KEN)ภาพ: https://goo.gl/K9voJ5

คาอิเคน (甲斐犬 KAI KEN) เป็นพันธุ์พื้นเมืองบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดยามานาชิ เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ตามธรรมชาติของสุนัขนักล่าหลายสายพันธุ์ จึงมีนิสัยค่อนข้างดุ เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่มีขนลายคล้ายเสืออย่างเด่นชัด จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า หมาลายเสือนั่นเอง และสีขนจะเข้มชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่โตขึ้น โดยสีขนมีหน้าที่ใช้พรางตัวเวลาที่อยู่ในป่าออกล่าสัตว์ คาอิเคนได้รับการขึ้นบัญชีสัตว์คุ้มครองเมื่อปี ค.ศ.1934

คาอิเคน (甲斐犬 KAI KEN)ภาพ: https://goo.gl/TYLuZ4

คาอิเคนเป็นหมาขนาดกลางน้ำหนักเมื่อเต็มวัยประมาณ 12 – 18 กิโลกรัม และสูงประมาณ 43 – 56 เซนติเมตร แม้จะมีคาอิเคนโดยทั่วไปจะมีหน้าตาค่อนข้างน่ากลัว มีอุปนิสัยดุ ปราดเปรียว ว่องไวตามลักษณะนักล่า และค่อนข้างใจร้ายกับคนแปลกหน้า แต่ถ้าได้ทำความรู้จักมักจี่จนสนิทสนม หรือใครได้มีโอกาสเลี้ยงน้อง รับรองว่าคาอิเคนนี่รักเดียวใจเดียวสุดๆ เข้าตำราปากร้ายแต่ใจดีเลยล่ะ

คาอิเคนมาตรฐาน: ใบหูตั้งตรงเป็นรูปสามเหลี่ยม มีทั้งหางม้วนเป็นพวงและหางตรง มีขนสองชั้นและลายเสือเป็นลักษณะเด่น

หมา ถือเป็นเป็นสัตว์เลี้ยงที่สวยงาม หากถูกรักและเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอน้องจะเป็นเพื่อนและคู่หูที่ดีกับคุณมาก สำหรับใครที่ชื่นชอบ ‘พันธุ์หมาญี่ปุ่น’ และอยากเลี้ยง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณ แต่ถ้ายังไม่พร้อมลองไปเดินเล่นชื่นชมความน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวของเหล่าน้องหมาที่ญี่ปุ่น รวมถึงความสัมพันธ์อบอุ่นระหว่างหมาและเจ้าของแบบที่เราเจอก็เพลิดพลินไม่แพ้กัน : -)

ที่มา: livejapan, wasa-bi

TAGS

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ