สถานที่หนึ่งๆ สามารถสื่อความหมายได้มากมายให้รับรู้และสัมผัส ทั้งบรรยากาศ สังคม หรือแม้กระทั่งกลิ่นอายของวัฒนธรรม ฯลฯ เพื่อให้ผู้มาเยือนรับเอาความรู้สึกเหล่านั้นมาซึมซับ ยิ่งที่แห่งนั้นส่งผลต่อความรู้สึกมากเพียงใด ก็อาจจะกลายเป็นสถานที่ที่ตราตรึงใจไปตลอดกาล ซึ่งขอเดาว่าคุณสมบัติของสิ่งที่ได้กล่าวมานี้ หนึ่งในนั้นจะต้องมีดินแดนที่เรียกว่า ‘ญี่ปุ่น’ รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
 
ญี่ปุ่นนี่เหมาะนำมาเขียนเป็นแบ็กกราวนด์บรรยายฉากโรแมนติกเสียจริง โดยเฉพาะตอนนี้ หากคุณได้มายืนอยู่ ณ จุดเดียวกับฉัน คุณแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยละ มันเหมือน…ราวกับยืนอยู่ท่ามกลางแสงหิ่งห้อยนับร้อยนับพันกำลังบินอยู่รอบๆ ตัวอย่างไรอย่างนั้น
 
กำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมล่ะคะ ว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร ตอนนี้ฉันอยู่บนเขาลูกหนึ่งค่ะ ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แต่ทว่าแสงนับล้านดวงที่ส่องประกายอยู่ด้านล่างกลับทำให้ราตรีนี้สว่างไสว…นึกออกหรือยังคะ
 
ใช่แล้ว…ที่นี่คือ ‘จุดชมทิวทัศน์ยามค่ำคืน’ ของญี่ปุ่นค่ะ
 
สายลมยามค่ำคืนของฤดูใบไม้ร่วงหอบเอาความเย็นมาสัมผัสแก้มเบาๆ แม้อากาศจะเย็นเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจทำให้ฉันละสายตาไปจากภาพตรงหน้าได้จริงๆ จะว่าไป การชมแสงไฟยามค่ำคืนเรียกได้ว่ากลายเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นไปแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็มีมุมให้ชมความงาม โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบยืนชมที่ภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง ไม่เพียงแค่แสงไฟที่ได้พบ แต่ยังรู้สึกอบอุ่นหัวใจที่ได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี อร่ามทั่วทุกพื้นที่อีกด้วย
 
ทริปนี้ฉันมาเพื่อซึมซับความงดงามจากจุดชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนโดยเฉพาะ แน่นอนว่าที่ไหนๆ ก็สวยงาม แต่ถ้าฉันเลือกมาเพียงแค่ 3 แห่งที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น คุณสนใจบันทึกการเดินทางที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้ไหมคะ
 
 

THE BEST 3 NIGHT VIEWS That can be seen, touched and felt

 
ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจเรื่องการชมทิวทัศน์ยามค่ำมาเกือบ 30 ปีแล้ว สำหรับพวกเขาคงเป็นเรื่องสามัญธรรมดา เพราะความงดงามซ่อนอยู่แทบทุกตารางพื้นที่ ทุกกิจกรรม ทุกการใช้ชีวิต แต่สำหรับฉันแล้ว กลับเป็นความพิเศษ เพราะแสงไฟจากจุดชมทิวทัศน์เหล่านี้ ไม่ได้เชื้อเชิญเพียงฉันให้มาทักทาย แต่ยังดึงดูดผู้คนมากมายจากทั่วโลกให้มาสัมผัส นั่นหมายความว่าเรื่องธรรมดาสามัญนี้ ส่องสว่างไปไกลกว่าเพียงแค่พื้นที่ในญี่ปุ่นแล้วสินะ…
 
 
 
 

MT.MOIWA | Sapporo

ความงดงามที่สัมผัสได้ไม่สิ้นสุด
 
ตอนนี้ฉันอยู่ในซัปโปะโระหรือซัปโปโร เมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ทั้งอาหารและสถานที่ ซึ่งเป้าหมายของฉันคือ ‘ภูเขาโมะอิวะ (MT.Moiwa)’ 1 ใน 3 สถานที่ชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น
 
ฉันเลือกเดินทางออกจากที่พักไม่เย็นมากนัก เพื่อไปให้ถึงภูเขาโมะอิวะ (MT.Moiwa) ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลในตอนใกล้ค่ำพอดี ฮอกไกโดสมกับเป็นเมืองเหนืออย่างที่ฉันจินตนาการจริงๆ บรรยากาศ สภาพแวดล้อม ผู้คน ช่างให้ความรู้สึกแตกต่างจากโตเกียวไม่น้อย ขณะเอนกายพิงเบาะมองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้รถประจำทางวิ่งไปตามเส้นทางสู่ภูเขา จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่อง ‘ชนเผ่าไอนุ’ ขึ้นมา ซึ่งฉันจำมาจากมังงะเรื่องหนึ่ง
 
ว่ากันว่าชนเผ่านี้อาศัยอยู่ที่ฮอกไกโดมาแสนนาน ก่อนที่ชนชาติหรือตำนานเทพเจ้าของญี่ปุ่นจะกำเนิดเสียอีก พวกเขาเคารพธรรมชาติดั่งเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนมอบอาหารจากแม่น้ำ ป่าไม้ และสรรพสัตว์ เป็นดั่งพลังชีวิตแก่พวกเขา และยังช่วยปกป้องคุ้มครองคนในชนเผ่าให้อยู่รอดปลอดภัย จำได้รางๆ ว่าภูเขาโมะอิวะ (MT.Moiwa) ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาวไอนุใช้เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงของทุกสิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินนี้
 
ขณะกำลังตกอยู่ในภวังค์ ไม่นานรถประจำทางก็หยุดเคลื่อนที่ รู้ตัวอีกทีผู้คนก็ทยอยลงจากรถกันแล้ว ฉันรีบลุกขึ้นและตามไปติดๆ เมื่อเท้าสัมผัสพื้น ฉันบรรยายภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ออกจริงๆ แม้ดวงอาทิตย์จะเริ่มยอแสง แต่ก็ไม่อาจทำให้ความเหลืองอร่ามของใบไม้หมองลงไปตามช่วงเวลา…ฉันยิ้มเลยค่ะ

       

ภูเขาโมะอิวะ (MT.MOIWA) ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

ตีนภูเขาโมะอิวะ (MT.MOIWA) มีกระเช้า (Mount Moiwa Ropeway) ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว

         

ที่ตีนภูเขามีกระเช้า (Mount Moiwa Ropeway) ไว้คอยบริการพานักท่องป่าอย่างฉันและใครอีกหลายคนขึ้นไปสู่ความสูงอีกระดับหนึ่ง ยิ่งขึ้นสูง ยิ่งเห็นใบไม้เปลี่ยนสีได้กว้างไกลขึ้น ไม่นานกระเช้าก็หยุดให้ลงเพื่อเปลี่ยนเป็นขึ้นเคเบิลคาร์ที่ชื่อ ‘โมริซุคาร์’ (Morisu car) เพื่อไปยังจุดชมทิวทัศน์ ทันทีที่ลงจากเจ้าโมริซุคาร์ ฉันค่อยๆเดินตามผู้คนที่หลั่งไหลไปด้านหน้า แล้วภาพซัปโปโรทั้งเมืองก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็น…ว้าว
 
ฉันเดินมาหยุดอยู่ตรงบริเวณที่มองเห็นทั้งเมืองได้เต็มสองตา แม้ภาพตรงหน้ายังเป็นแค่ตึกรามบ้านช่องที่สร้างขึ้นเป็นระเบียบ ตรงนี้เองสินะที่ชาวไอนุได้มองเห็น หากย้อนเวลากลับไปได้ ฉันเองก็อยากจะเห็นภาพช่วงเวลานั้นบ้างจัง คงสวยไม่ต่างกันเลย
 
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีกรมท่าเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ภาพแสงไฟตรงหน้าจึงค่อยๆเด่นชัด แม้ฉันจะกวาดตาจากด้านซ้ายไปด้านขวาแบบพาโนรามา ภาพดวงไฟสว่างไสวก็ยังมิมีทีท่าว่าจะสิ้นสุด และยังไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงเส้นตัดแบ่งระหว่างแผ่นฟ้ากับผืนดินแสงไฟ ฉันคิดเล่นๆว่า ต่อให้หมุนตัวครบรอบ (โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง) ก็คงได้เห็นดวงไฟทุกขณะเวลาหมุนแน่นอน นี่คงเป็นเสน่ห์ของจุดชมทิวทัศน์แห่งนี้สินะ ไม่ว่าคุณยืนอยู่ตรงจุดไหน แสงไฟก็จะตามไปปรากฏให้เห็น 360 องศา ประทับในดวงใจจนยากจะลืมเลือน
 
จากจุดที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนัก ยังมีหอระฆังเงิน (Lover’s Sanctuary) ตั้งเด่นเป็นสง่า ข้างกันมีราวเหล็กคล้องแม่กุญแจอยู่เต็ม อืม…ชัดเลย คงเป็นระฆังรักสั่นเรียกคู่…ล่ะมั้งเนี่ย ขณะที่เอาแต่ยืนคิด สาวน้อยคนหนึ่งก็เดินไปสั่นระฆัง…เสียงช่างดังกังวาลจับใจเหลือเกิน แบบนี้ต่อให้ท่านเทพหลับ เสียงก็คงดังทิ่มทะลุโสตท่านแน่นอน

 

จุดชมวิวบนภูเขาโมะอิวะ (MT.MOIWA)

วิวยามค่ำคืนจากภูเขาโมะอิวะ

หอระฆังเงิน (Lover’s Sanctuary) ตั้งเด่นเป็นสง่า ข้างกันมีราวเหล็กคล้องแม่กุญแจอยู่เต็ม

 

Mt.Moiwa INFO
ที่ตั้ง: Fushimi 5-chome 3-7, Chuo-ku, Sapporo
 
Mt. Moiwa Ropeway
ช่วงฤดูร้อน: 10:30 – 22:00 (รอบสุดท้าย 21:30)
ช่วงฤดูหนาว: 11:00 – 22:00 (รอบสุดท้าย 21:30)
ปิดทำการ: วันที่ 21-30 พฤศจิกายน
 
Mt. Moiwa Sightseeing Road
ช่วงฤดูร้อน: 10:30 – 22:00 (รอบสุดท้าย 21:30)
ค่าบริการ: 
Ropeway + Morris Car (ไป-กลับ): ผู้ใหญ่ 1,700 เยน / เด็ก 850 เยน
Mt. Moiwa Sightseeing Road: 660 เยน
----------------------------
 
Find a Various: Night view in Sapporo
สัมผัสบรรยากาศยามค่ำอื่นๆ ในซัปโปโร
 
----------------------------
 
แม้ภูเขาโมะอิวะ (MT.Moiwa) จะถูกโหวตให้เป็น 1 ใน 3 จุดชมทิวทัศน์ที่สวยเป็นอันดับ 2 ของปี ค.ศ. 2015 แต่ในซัปโปโรก็ยังมีแลนด์มาร์กชมเมืองยามค่ำคืนอีกหลายแห่งที่รอให้ไปสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าฉายา “ผืนพรมแห่งแสงไฟ” หรือ “กล่องอัญมณีเปร่งประกาย” ที่ซัปโปโรได้รับเป็นอย่างไร ซึ่งในครั้งนี้จะขอยกตัวอย่างสถานที่ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันมาแนะนำนะคะ

 

〉จุดชมทิวทัศน์ เจอาร์ทาวเวอร์ | JR Tower Observation Deck T38

JR Tower Observation Deck T38

จุดชมทิวทัศน์ เจอาร์ทาวเวอร์ | JR Tower Observation Deck T38

         

อาคารเจอาร์ทาวเวอร์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองซัปโปโร แทบเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมแบบครบวงจร เพราะมีทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และอื่นๆอีกมากมายรวมอยู่ในบริเวณเดียวกัน พร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวหรือแขกผู้มาเยือนได้สนุกและผ่อนคลายตลอดกิจกรรมนันทนาการ
 
จุดชมทิวทัศน์ของตึกอยู่บนชั้นที่ 38 สูงจากพื้นราว 160 เมตร เป็นจุดที่สามารถชมเมืองและบรรยากาศของซัปโปโรได้ตลอดทั้งวัน จะชมยามเช้าก็สวย จะชมยามค่ำก็จับใจ และยังถูกออกแบบให้ชมเมืองได้ถึง 360 องศา ภาพแบบพาโนรามาเผยให้เห็นท่าเรือแห่งใหม่บนอ่าวอิชิคะริทางทิศเหนือ ความงดงามจากแสงไฟของเมืองยามค่ำคืนทางทิศตะวันออก ซัปโปโรโดมและย่านใจกลางเมืองทางทิศใต้ หรือมหาวิทยาลัยฮอกไกโดและภูเขาเทเนะทางทิศตะวันตก เป็นต้น นี่เป็นเพียงบรรยากาศเบื้องต้นที่คุณจะได้พบหากอยู่บนอาคารแห่งนี้ ถ้าอยากรู้ว่ายังมีอะไรรอให้ค้นหาอีกละก็ ไม่ควรพลาดปักหมุดที่นี่เป็นอันขาด
 
JR Tower Observation Deck T38 INFO
 
ที่ตั้ง: Kita 5-jo Nishi 2-chome 5, Chuo-ku, Sapporo
เวลาเปิดปิด: ส่วนของ T’ CAFÉ 10:00 – 23:00 / ส่วนของ T’ SHOP: 10:00 – 21:00
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 720 เยน / เด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป 500 เยน (เด็กที่มีอายุ 4-11 ปี 300 เยน)

ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ | Sapporo TV Tower

ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ | Sapporo TV Tower

Sapporo TV Tower ในตอนกลางคืน

         

ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1956 หรือราว 60 กว่าปีก่อน ณ สวนโอะโดะริ (Odori Park) ซึ่งสวนแห่งนี้ยังเป็นเส้นตัดแบ่งพื้นที่ของเมืองซัปโปโรออกเป็นฝั่งเหนือและฝั่งใต้ หากคุณได้มายืนอยู่จุดนี้ ก็เหมือนกับคุณยืนได้ยืนอยู่บนสองพื้นที่ในเวลาเดียวกัน
 
60 กว่าปีที่เมืองซัปโปโรแปรผันไปตามกาลเวลา ทาวเวอร์แห่งนี้ก็เหมือนกับแลนด์มาร์กสำคัญที่คอยเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงนั้น และตั้งอยู่เป็นอนุสรณ์สถานที่บ่งบอกการมีอยู่ของอดีตกาล ดังนั้น คงไม่ทีที่แห่งใดใช้เป็นสถานที่คอยเฝ้ามองการเจริญเติบโตของเมืองได้อย่างใกล้ชิดเท่ากับที่นี่อีกแล้ว
 
บริเวณชมทิวทัศน์ในซัปโปโรทาวเวอร์ สูงราว 90 เมตร นอกจากคุณจะได้ชมความงดงามยามค่ำคืนจากด้านบนแล้ว ก็ยังได้ร่วมสนุกในงานอีเวนต์ต่างๆที่จัดขึ้นภายในสวนโอะโดะริอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว รอบพื้นที่แห่งนี้ยังใช้เป็นพื้นที่จัดไวต์อิลูมิเนชัน (White Illumination) ด้วย  ไม่เพียงเท่านั้น ในวันที่ท่องฟ้าแจ่มใส คุณจะได้เห็นที่ราบอิชิคะริอยู่ไกลๆ (Ishikari Plain) และทะเลญี่ปุ่นไปพร้อมๆกัน
 
Sapporo TV Tower INFO
 
ที่ตั้ง: Odori Nishi 1-chome, Chuo-ku, Sapporo
เวลาเปิดปิด: 9:00 – 22:00 (วันหยุด โปรดติดตามข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์หลัก)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 720 เยน / เด็กอายุ 15 ปีขึ้นไป 600 เยน / เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป 400 เยน / เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป 300 เยน / เด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป 100 เยน

 

ชิงชาสวรรค์โนะเบะรุซะ | Norbesa Ferris wheel

ชิงชาสวรรค์โนะเบะรุซะ | Norbesa Ferris wheel

 

หากคุณอยากชมทิวทัศน์แบบพิเศษขึ้นมาอีกนิด ชิงช้าสวรรค์ของศูนย์การค้าโนะรุเบะซะ (NORBESA) ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว

ท่ามกลางอาคารมากมายในย่านซุซุกิโนะ (Susukino Entertainment District) ศูนย์การค้าโนะรุเบะซะนับเป็นสถานที่อีกแห่งที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน พรั่งพร้อมไปด้วยร้านอาหาร แหล่งนันทนาการ หรือร้านค้าชั้นนำมากมาย ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ที่พิเศษกว่าใครนั้น คือชิงช้าสวรรค์ยักษ์ที่มีเพียงแห่งเดียวในฮอกไกโด แถมยังตั้งอยู่บนดาดฟ้าอาคารที่สูงถึง 7 ชั้นอีกด้วย
 
เมื่อคุณปล่อยกายและใจ เอนหลังพิงเก้าอี้แล้วมองทิวทัศน์ภายนอกผ่านกระจกใส คุณจะได้ัสัมผัสบรรยากาศงดงามที่มองลงมาจากด้านบน 70 กว่าเมตรของเมืองซัปโปโรยามค่ำคืน ที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปตามการเคลื่อนที่ของชิงช้าจนกระทั่งหมุนวนครบรอบกลับมายังจุดเดิม และถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว คุณจะยังได้พบกับการประดับไฟนับแสนดวง เปลี่ยนย่านแห่งนี้ให้พิเศษยิ่งขึ้นไปอีก เหมาะเก็บภาพความประทับใจไว้เป็นอีกคอลเลคชั่นของความทรงจำ
 
Norbesa Ferris wheel INFO
 
ที่ตั้ง: Minami 3-jo Nishi 5-chome 1-1, Chuo-ku, Sapporo
เวลาเปิดปิด: จ.-พ. และอา. 11:00-23:00, ศ.-ส. และวันหยุด 11:00-3:00 (ขายบัตรรอบสุดท้ายก่อนปิดบริการ 10 นาที)
ค่าเข้าชม: 600 เยน/คน และ 2,000 เยน/4 คน
 
         
นี่เป็นเพียงตัวอย่างจุดชมทิวทัศน์ของซัปโปโรที่เราไม่อาจนำมาเสนอได้หมด เพราะยังมีอีกหลายที่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือนอกเมือง เราจึงอยากให้คุณได้มาสัมผัสความสวยงามในอีกหลายมุมด้วยตัวเองจริงๆค่ะ หวังว่าหนึ่งในแพลนการท่องเที่ยวของคุณ จะมีรายชื่อเมือง “ซัปโปโร” ของฮอกไกโด จดอยู่บนบรรทัดใดบรรทัดหนึ่งในหน้ากระดาษนะคะ
 

       

Note: ฤดูกาลกับแสงไฟ
 
ความจริงแล้วเราสามารถชมบรรกาศยามค่ำคืนได้แทบทุกฤดูกาล เพียงแต่คุณจะได้สัมผัสความพิเศษที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้นเอง นอกจากความสวยงามของแสงไฟแล้ว ในฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) คุณยังได้รับความอบอุ่นและความสดใสของดอกซากุระที่บานสะพรั่งไปทั่วทุกบริเวณ หากโชคดีขึ้นมาอีกนิด ได้มาสัมผัสยามซากุระใกล้ร่วงโรย คุณก็อาจจะได้พบกับ Sakura-Fubuki หรือพายุซากุระนั่นเอง (ลองจิ้มลิงค์ดู)
 
ช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) แม้เป็นฤดูกาลอันแสนอบอ้าว เหงื่อพร้อมไหลตลอดเวลา แต่ช่วงเวลานี้แหละที่ท้องฟ้าแจ่มใส ในฤดูกาลนี้คุณยังได้ชมฮะนะบิหรือเทศกาลดอกไม้ไฟนับแสนดวงไปพร้อมๆกัน เรียกได้ว่านอกจากแสงสว่างพื้นดินแล้ว ก็ยังได้ชมความงดงามของ(ลูก)ไฟที่ส่องสว่างระยิบระยับบนท้องฟ้าอีกด้วย
 
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) หรือฤดูกาลที่เหล่าใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี แม้แต่ตามถนนหนทางในเมืองก็เหลืองอร่ามไปหมด อากาศในฤดูนี้จะเริ่มเย็นลงเล็กน้อย หากคุณเลือกชมทิวทัศน์ยามค่ำที่ภูเขา เราอยากแนะนำให้ไปช่วงใกล้ตะวันตกดิน เพราะนอกจากแสงไฟ คุณยังได้สัมผัสบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยสีเหลืองอมแดงและน้ำตาลของภูเขาทั้งลูกด้วยเช่นกัน 
 
ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) คนเหงา โสด และรักสันโดษก็ค้นพบความสุขได้ไม่แพ้คนมีคู่เช่นกันนะคะ ในฤดูกาลนี้ นอกจากทั่วทุกพื้นที่จะมีเพียงสีขาวของหิมะ หรือต้นไม้ไร้ใบ (เพราะปลิวไปกับสายลมหลังหมดช่วงฤดูใบไม้ร่วงเสียแล้ว) แต่ญี่ปุ่นก็ไม่ทำให้จิตใจของผู้คนเหี่ยวตาม เพราะตามสถานที่สำคัญต่างๆจะประดับประดาไปด้วยแสงไฟ หรือที่หลายคนเรียกว่าอิลูมิเนชัน (Illumination) หลายหมื่นหลายแสนดวง บางแห่งยังเพิ่มลูกเล่นเข้าไปให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ ไปพร้อมๆกัน ยิ่งมองลงมาจากที่สูง แสงไฟประดับเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งให้ทิวทัศน์ยามค่ำน่าชมยิ่งขึ้นไปอีก
 
----------------------------
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลเพิ่มเติม: ようこそ SAPPORO
ขอขอบคุณวิดีโอ: Discover Nippon
 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ