11:29-14:30, 17:30-23:29
เล่าขานความอร่อยมานักต่อนักกับร้าน Omi Beef Okaki ที่นำเข้าเนื้อวัวโอมิจากฟาร์มในจังหวัดชิกะ ด้วยการเลี้ยงดูอย่างดีและพิถีพิถันเพื่อให้ได้รสชาติที่ละมุนลิ้น และละเอียดอ่อน ทำให้ได้เนื้อคุณภาพพรีเมียม และเป็นเนื้อวัวที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน นอกจากเนื้อโอมิที่เลื่องชื่อแล้ว การตกแต่งร้านยากินิกุแบบสไตล์คาเฟ่อเมริกัน พร้อมบรรเลงเพลงแจ๊สยุค 80’s ก็ดึงดูดผู้คนได้ไม่น้อยเชียวล่ะ
ก่อนจะเปิดเมนูสั่งอาหารเราขอเล่าเรื่องราวของเจ้าวัวสายพันธุ์นี้ให้ฟังก่อน แล้วจะรู้ว่าทำไมร้านนี้ถึงต้องใช้เนื้อวัวสายพันธุ์นี้เท่านั้น เพราะด้วย “วัวโอมิ” เป็นวัวที่ถูกเลี้ยงใน จังหวัดชิกะ โดยอยู่สภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ มีทะเลสาบที่กว้างใหญ่ชื่อว่า “บิวะ” ซึ่งทะเลสาบนี้มีแหล่งน้ำสะอาดจากภูเขาล้อมรอบอยู่ แถมยังมีแหล่งธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ที่มีคุณค่าทางอาหารของสัตว์อยู่เต็มเปี่ยมอีกด้วย
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เนื้อมีคุณภาพดี รสชาติละเอียดอ่อน นอกจากจะเข้ากันกับอาหารญี่ปุ่นแล้วยังเข้ากันดีกับอาหารอีกหลากหลาย เนื้อโอมิจึงถูกนำมาใช้ประกอบอาหารในร้านอาหารมากมายทั้งในและนอกประเทศ แต่ถูกส่งออกขายในจำนวนที่น้อยมากต่อปี เพราะว่าต้องการรักษาคุณภาพของเนื้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐานให้อยู่ในระดับสูงนั่นเอง
สิ่งที่เรารู้แล้วต้องร้อง ว้าว! นั่นคือ ร้านนี้คือเจ้าของฟาร์มโอคาคิ จากจังหวัดชิกะ เลี้ยงวัวเอง นำเข้ามาเอง และมาเปิดร้านเองอีกด้วย ฉะนั้นคุณภาพทุกอย่างจึงมาตรฐานที่ชัดเจนตั้งแต่การเลี้ยง การนำเข้ามาแบบไม่แช่แข็ง จนถึงวิธีการย่างที่ย่างอย่างไรถึงอร่อย!
เนื้อจะอร่อยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการย่างเป็นสำคัญ!
ร้านนี้จริงจังเรื่องการย่างเนื้อเป็นอย่างมากเชียวล่ะ หลังจากที่เมนูเนื้อมาเสิร์ฟถึงโต๊ะจะมีพนักงานที่ร้านมาย่างให้พร้อมอธิบายถึงความพิเศษของเนื้อชิ้นที่คุณกำลังจะได้ลิ้มรส ซึ่งสามารถแจ้งพนักงานได้ว่าระดับความสุกขนาดไหนที่จะทำให้เรามีความสุข พนักงานจะจัดให้ตามใจเลยล่ะ หรือหากใครอยากลองปิ้งย่างเอง ก็ให้พนักงานช่วยบอกเคล็ดลับการย่างให้ได้ อย่างที่บอกไปเลยว่าความอร่อยของเนื้อขึ้นอยู่กับการย่างด้วย ฉะนั้น “การย่าง” จึงสำคัญมากๆ เลย
ร้านนี้ใช้เตาย่างแบบอินฟราเรดอย่างดี ทำให้เวลาคีบเนื้อลงไปย่างจะได้กลิ่นความหอมของเนื้อที่เป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง เพราะไม่มีกลิ่นของเตาถ่านมาบดบังนั่นเอง อดใจกันไม่ไหวกันแล้วใช่ไหม งั้นตามเรามาเปิดเมนูของร้านนี้กันดูสิว่า แต่ละเมนูจะมีความพิเศษขนาดไหนบ้าง
เริ่มที่ Toshiaki-Tasteful Assortment เนื้อโอมิ 3 ชนิด เรียกว่าเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านเลยก็ว่าได้ เนื้อ 3 ชนิดนี้ถูกแล่ และจัดเสิร์ฟมาอย่างสวยงาม แน่นอนว่ามาพร้อมพนักงานมือฉกาจที่จะมาปิ้งย่างให้เรานั่นเอง อย่างวันนี้เราได้ Sirloin เป็นส่วนที่มีไขมันแทรกเยอะจึงมีความนุ่ม เคี้ยวง่าย และละลายในปาก, Uchimomo เนื้อสะโพกด้านใน มีไขมันน้อย แต่มีความนุ่มมาก และ Misuji มีไขมันแทรกลายสวยให้ความหนานุ่ม ส่วนใหญ่ในวัว 1 ตัวจะมีส่วนนี้ประมาณ 3 กิโลกรัมเท่านั้น
เมนูต่อไปก็พิเศษไม่แพ้กันกับเมนู Ribeye Seared Tartar เนื้อริบอายในซอสทาร์ทาร์ ตอนเสิร์ฟพนักงานจะมาลนไฟให้ต่อหน้าให้ได้ความสุกกำลังดี สัมผัสเนื้อที่นุ่มเข้ากับรสชาติของซอสมากๆ ต่อกันกับ Roasted Beef Sashimi จานนี้ก็เด็ด! เนื้อที่ผ่านการอบมากว่า 8 ชั่วโมง ด้านนอกมีความสุกเล็กน้อยแต่ด้านในยังมีสีชมพูระเรื่อ สามารถกินได้เลยโดยไม่ต้องย่าง
หากใครรักสุขภาพทางร้านก็มีเมนู Caesar Salad with Leaf Greens & Minced Wagyu ให้สั่งด้วย เนื้อโอมิสับผัดกับเต้าเจี้ยวคลุกเคล้ากับผักที่สดใหม่ เติมรสชาติความอร่อยเข้าไปอีกด้วยน้ำสลัดรสนุ่มเข้ากันดีมากอย่าบอกใคร ต่อด้วยเมนูต่อไปเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เราชอบเลย นั่นคือ Ochaduke เนื้อแดงส่วนสะโพกถูกจัดเรียงมาอย่างสวยงามบนข้าวญี่ปุ่น พร้อมกับกาน้ำชาที่บรรจุน้ำซุปที่มีส่วนผสมของดาชิและชาโฮจิฉะร้อนๆ สำหรับราดลงไปในถ้วย แค่นี้ก็พร้อมรับประทานแล้วล่ะ
และเมนูสุดท้ายนั่นคือLemon Somen Noodle เมนูนี้ใช้เส้นโซเมนนุ่มๆ มาพร้อมซุปดาชิ ถึงแม้เมนูจะไม่มีเนื้อแต่ถ้าได้ซดบะหมี่เย็น รสเปรี้ยวนิดที่ปลายลิ้น ก็เป็นการปิดท้ายที่ดีไม่ใช่น้อยเลย ห้ามลืมที่จะสั่งเชียว 🙂
Omi Beef Okaki ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านยากินิกุที่คอเนื้อห้ามพลาด นอกจากจะได้สัมผัสกับเนื้อโอมิคุณภาพดี ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นกันแล้ว ยังได้ลิ้มรสความอร่อยและความประทับใจในบรรยากาศสไตล์คาเฟ่อีกด้วย ใครยังไม่เคยลองต้องมาโดนแล้วล่ะ