11:00-22:00 น.
ถ้าชีวิตช่วงนี้รีบเร่งนัก มาใช้ชีวิตแบบช้าๆ กันที่ Sloth Sukiyaki กันหน่อยดีกว่า
ทุกคนรู้ดีว่า “เจ้าสล็อธ” ตัวกลม กรงเล็บยาว หน้าตาน่ารักนี้มีความเชื่องช้าขนาดไหน ไม่ว่าจะกิน นอน เดิน ห้อยโหน และจะทำกิจกรรมทุกอย่างบนต้นไม้ แต่รู้ไหมว่าเจ้าสล็อธเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดได้อย่างน่าทึ่ง วันนี้เราจะมาโคฟเวอร์เป็นเจ้าสล็อธตัวนี้กัน ชวนทุกคนมาเอาตัวรอดจากความหิว นั่งกินอย่างช้าๆ ละเมียดรสชาติอาหารที่หลากหลายทั้งสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่น ชาบูชาบู ซูชิ และซาชิมิอีกมากมายเชียวล่ะ และด้วยสีสันการตกแต่งของร้านเรียกว่าน่ารักมากๆ ได้ฟีลบ้านต้นไม้ของเหล่าเจ้าสล็อธสุดๆ ทั้งตุ๊กตาและภาพวาดที่แอบอยู่ทุกมุมร้านเหมือนเชิญชวนให้เราถ่ายรูปเก็บความน่ารักก่อนมื้ออาหารได้ดีทีเดียว
ส่วนของบุฟเฟ่ต์ ที่นี่มีทั้งหมด 2 ราคา คือ 495 บาท/คน และ 795 บาท/คน อิ่มอร่อยกันยาวๆ 2 ชั่วโมง ดูจากรายการอาหารแล้ว วันนี้เราขอจัดเต็มในราคา 795 บาท เพราะสามารถสั่งได้ทุกเมนูในร้านทั้งของคาวของหวาน ครบ!
จากนั้นพนักงานจะให้เราเลือกว่าจะให้ตั้งเป็น “กระทะสุกี้ยากี้” หรือ “หม้อชาบูชาบู” หากมา 4 คนขึ้นไป สามารถสั่งได้ทั้ง 2 หม้อเลยนะ แต่หากมาน้อยกว่า 4 คน แล้วอยากสั่งทั้งคู่ แค่เพิ่มค่าบริการ 60 บาท/บิล เท่านั้นเอง วันนี้เราเลยขอสั่งทั้งคู่มาลองดูแล้วกัน
เริ่มกันที่เมนู “สุกี้” น้ำซุปของร้านนี้เรียกว่า “เข้มข้น” สุดๆ วิธีการปรุงจะไม่ใช้การต้มเนื้อในน้ำซุปอย่างชาบูแต่จะต้องตั้งกระทะให้ร้อน ใส่เนยลงไปผัด จากนั้นนำหัวหอมใหญ่ลงไปผัดพอสุก คีบเนื้อลงไปผัดนิดให้หอม และค่อยเทน้ำซุปสุกี้สีเข้มรสชาติหวานเค็มกลมกล่อมลงไป รอเนื้อสุกสักพักค่อยคีบขึ้นมา การกินสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นจะต้องจุ่มไข่ดิบก่อนกิน นอกจากจะช่วยให้รสชาติกลมกล่อมขึ้นแล้ว ไข่ยังเป็นตัวเคลือบความร้อนไว้ทำให้ไม่ลวกปากอีกด้วย และเพราะว่าน้ำซุปเข้มข้นอยู่แล้วจึงทำให้ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเลย มันดีมาก!
ต่อกันกับเมนู “ชาบู” ที่นี่มีน้ำซุปให้เลือกถึง 5 รสชาติ ทั้ง ซุปคอมบุ, ซุปปลาโอ, ซุปราเมนทงคัตสึ, ซุปต้มยำน้ำข้น และซุปหูฉลาม หม้อชาบูวันนี้เราเลยสั่งเป็นน้ำซุปราเมนทงคัตสึกลิ่นหอมกรุ่น และน้ำซุปต้มยำน้ำข้นสุดซี้ดมาลอง
ร้านนี้มี Mozzarella Cheese Box ให้สั่งด้วย ชีสยืดๆ เข้มข้น กินคู่กับเนื้อที่สุกกำลังดีเข้ากันมากๆ นอกจากน้ำซุปสุดกลมกล่อมแล้ว มาดูฝั่งวัตถุดิบกันหน่อย ในส่วนของเนื้อวัวร้านนี้พิเศษตรงที่จะผ่านการ “ดรายเอจ” (Dry Aged) มาทั้งหมด โดยนำเนื้อวัวคุณภาพดีแบบสดๆ ไม่ผ่านการแช่แข็งมาแขวนห้อยไว้ในห้องบ่มที่มีการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด รักษาอุณหภูมิและความชื้นให้คงที่ นาน 30 วัน ซึ่งจะทำให้เนื้อนุ่มขึ้น รสชาติเข้มข้น และมีกลิ่นหอมมากๆ แต่ข้อเสียของการดรายเอจคือ เนื้อที่ผ่านกระบวนการนี้จะสูญเสียส่วนที่กินได้ไป 30-40 % เลย เพราะผิวเนื้อด้านนอกที่ถูกบ่มจนแห้งแข็งจะต้องถูกตัดทิ้ง ทำให้เนื้อดรายเอจมีราคาค่อนข้างสูงกว่าเนื้อธรรมดาอยู่มากๆ
แต่ร้านนี้เอามาอยู่ในเมนูบุฟเฟ่ต์แบบสั่งได้ไม่อั้นเนี่ยนะ! คุ้มกว่านี้ไม่มีแล้ว เปิดเมนูมาดูมีทั้งสุดยอดเนื้อวากิวจากออสเตรเลีย, เนื้อริบอายดรายเอจออสเตรเลีย (Ribeye 30 Days Dry Aged), เนื้อแบล็คแองกัสบริสเก็ต (U.S.A. Black Angus Brisket) แถมยังมีเนื้อสัตว์อีกหลากหลายให้เลือกสั่ง ที่สำคัญทางร้านเลือกใช้แต่วัตถุดิบที่คุณภาพดีที่สุด ทั้งกุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ บัตเตอร์ฟิชนอร์เวย์ แซลมอน และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย
ทีเด็ดของร้านอีกอย่างหนึ่งคือ “น้ำจิ้ม” โดยมีทั้ง น้ำจิ้มพอนสึ-ปรุงจากผลไม้ตระกูลส้มหลากชนิด หนึ่งในนั้นคือ “ยูซุ” ได้สัมผัสความเปรี้ยวหวานลงตัว น้ำจิ้มงา-รสชาติหวานมันตัดด้วยความเค็มเล็กน้อย เข้ากันดีกับชาบูชาบูมากๆ น้ำจิ้มสุกี้ไทย-สำหรับคนที่ชอบรสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ดครบรส และน้ำจิ้มซีฟู้ด-หอมจัดจ้านด้วยพริกเขียวและใบโหระพา กินคู่กับอาหารทะเลลงตัวมาก
อ่ะๆ อย่าลืมนะว่าวันนี้เราโคฟเวอร์เป็น “เจ้าสล็อธ” ฉะนั้น การกินบุฟเฟ่ต์ครั้งนี้เราจะค่อยๆ กิน ค่อยๆ ละเมียดละไมไปกับความอร่อยของอาหารแต่ละอย่าง ไม่อย่างนั้นจะอิ่มเร็วไม่รู้ด้วยนะ และอย่างลืมตบท้ายด้วย บิงซูเกล็ดหิมะหลากหลายรสชาติ และไอศกรีม “Häagen-Dazs (ฮาเก้น-ดาส)” สุดยอดไอศกรีมรสพรีเมียมมากินด้วยล่ะทุกคน ที่ Sloth Sukiyaki (สล็อธ สุกี้ยากี้) มีแต่คุ้มกับคุ้ม!