11:30-21:30 น.
⌈ Yashima ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น
มีเมนูอาหารที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่น
ในบรรยากาศอบอุ่นแบบบ้านของคนญี่ปุ่น⌋
หากใครมีเวลาน้อย ประโยคด้านบนน่าจะเป็นคำจำกัดความที่ครอบคลุมที่สุดของร้านนี้
แต่หากอยากสัมผัสความน่ารักและความอบอุ่นของร้านนี้มากขึ้น เขยิบเข้ามาเราจะเล่าให้ฟัง
วันนี้เรามีนัดกับร้านอาหารญี่ปุ่น Yashima เมื่อเปิดประตูเข้ามา คุณทาคะฟูมิ อะกิตายะ (Takafumi Akitaya) หรือ ทากะซัง เจ้าของร้านคนญี่ปุ่น และคุณหนึ่ง ส่งเสียงทักทายเราพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มของทั้งคู่
“สวัสดีครับ เชิญครับๆ”
ทากะซังสวัสดีเป็นภาษาไทยได้ฉะฉานพร้อมผายมือไปยังเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม คุณหนึ่งนำชาเขียวร้อนใส่แก้วเซรามิกใบจิ๋วมาวางให้เราบนโต๊ะ จากนั้นบทสนทนาของเราก็เริ่มขึ้นในบรรยากาศสีวอร์มไลท์ และกลิ่นของการปรุงอาหารลอยมาจากครัวเตะจมูกเราเป็นระยะๆ
Yashima มีความหมายว่า “8 เกาะ” เป็นภาษาโบราณของญี่ปุ่น ถ้าคนญี่ปุ่นได้ยินจะเข้าใจดีว่าหมายถึง “ประเทศญี่ปุ่น” เมนูอาหารในร้านเป็นแบบโฮมเมด เป็นเมนูบ้านบ้านที่คนญี่ปุ่นกินในชีวิตประจำวัน มีความเรียบง่าย แต่ร้านนี้ใส่ทั้งใจและความพิถีพิถันลงไปอีกนับไม่ถ้วน ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ในบรรยากาศคล้ายมานั่งกินข้าวที่บ้านของเพื่อนคนญี่ปุ่น ตัวร้านมี 2 ชั้น ตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ กว้างขวางสบายใจดีทีเดียว
“ผมชอบบรรยากาศและวิถีชีวิตของคนไทยนอกเมืองใหญ่
แต่มีความยากลำบากอย่างหนึ่งที่ผมเจอคือการหาของกินที่รสชาติคล้ายๆ ที่ญี่ปุ่นบ้านผม
จริงๆ มันมีหลายร้านอยู่ในตัวเมือง แต่ก็ต้องเดินทางไกลมาก
พอได้ย้ายมาประเทศไทย เลยเลือกที่จะทำร้านอาหารเป็นอย่างแรกครับ”
ทากะซังเล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มของร้าน เดาว่าแววตามุ่งมั่นที่เราเห็นตอนนี้ไม่ต่างจากเมื่อ 6 ปีก่อน แน่ๆ ด้วยความถนัดในการทำธุรกิจด้านอาหารที่สืบทอดมาจากทางบ้านฝั่งญี่ปุ่นจึงไม่ใช่เรื่องยากในการเริ่มต้น อย่างที่บอกว่าเมนูที่ร้านนี้เป็นเมนูที่คนญี่ปุ่นรับประทานในชีวิตประจำวัน ช่วงเปิดร้านแรกมีแค่เมนูข้าวแกงกะหรี่ ราเมน และดงบุริ ไม่มีเมนูตามกระแสที่คนไทยชอบในตอนนั้นอย่างปลาดิบหรือซูชิเลยสักเมนูเดียว..
“ตั้งแต่เปิดร้านผมก็เห็นความนิยมในอาหารญี่ปุ่นของคนไทยเปลี่ยนไปมาเยอะมากๆ
ยุคนี้เป็นยุคชาบู ยุคก่อนนั้นคนนิยมซูชิ หันไปทางไหนก็เจอแต่ร้านซูชิ บ้านผมอยู่ที่ตอนเหนือของญี่ปุ่น
มีทะเลล้อมรอบ ผมจำได้ ผมได้รับประทานปลาที่สดมาก คุณภาพดีมาก
ผมเลยไม่ได้คิดขายเมนูปลาดิบหรือซูชิในตอนที่ร้านเปิดใหม่ๆ
ตั้งแต่น้ำที่ไทยและญี่ปุ่นต่างกัน พอเอามาล้างทำความสะอาดส่งถึงรสชาติของปลา
ผมไม่อยากขายเพียงเพราะว่าได้สตางค์ ผมเลือกสิ่งที่ผมถนัดและคุ้นเคย เป็นเมนูที่อยู่ในความทรงจำมาตั้งแต่เด็ก
เมนูที่คุณยายทำให้กินบ่อยๆ คือ แกงกระหรี่ แต่มีลูกค้าที่มาเป็นครอบครัวหลายคนเรียกร้องเมนูซูชิ
ผมเลยไปหาแหล่งวัตถุดิบที่ได้คุณภาพและมาตรฐานเท่ากับที่ผมวางไว้ และตั้งใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
เท่าที่เราจะพยายามหามาได้ เพื่อให้สมาชิกครอบครัวที่มีความชอบต่างกันได้กินข้าวด้วยกันครับ (ยิ้ม) ”
ทากะซังเล่าให้เราฟังอย่างตั้งใจ พร้อมกับเปิดเมนูไปหน้าสุดท้ายชี้ให้ดูว่าเมนูซูชิโรล ปลาดิบมีไม่กี่เมนูและเป็นเมนูที่มาทีหลังเพื่อน เราสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เขาพร้อมมอบให้ลูกค้าทุกคน
“เมื่อก่อนน่ะค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีเมนูซูชิ โรล เพราะค่อนข้างเป็นภาพจำของร้านอาหารญี่ปุ่นของคนไทย
พอประเทศญี่ปุ่นเปิดประเทศ คนไทยก็ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นเยอะขึ้น ได้ลองชิมได้รู้จักอาหารญี่ปุ่นหลากหลายประเภทนอกจากซูชิ
ได้รู้ว่าวัตถุดิบไหนดีหรือไม่ดี หลังจากนั้นลูกค้าหลายคนก็เปิดใจให้เรามากขึ้น เข้าใจที่เราเป็นเรา และมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราทำ”
คุณหนึ่งอธิบายให้เราเห็นภาพของเมื่อก่อนถึงตอนนี้ได้ชัดเจน
เมนูของที่นี่ทุกอย่างคือโฮมเมดทำเองตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างเกี๊ยวซ่า Gyoza เกี๊ยวซ่าชิ้นโตไส้หมูแน่นๆ ปรุงมาอย่างกลมกล่อม บรรจงห่อด้วยแป้งเกี๊ยวซ่าทีละชิ้นอย่างสวยงาม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มเกี๊ยวซ่าถ้วยเล็ก
หรือจะเป็นเมนูสุดฮิตอีกหนึ่งอย่าง Curry หรือ แกงกะหรี่ ที่เคี่ยวนานถึง 2 วัน ก่อนจะสามารถนำมารับประทานได้ในวันที่ 3 จึงได้แกงกะหรี่เข้มข้นกลมกล่อมและลงตัว เราขอเริ่มตั้งแต่ Omurice Curry ข้าวห่อไข่แกงกะหรี่ เมนูอาหารญี่ปุ่นยุคใหม่ที่ได้อิทธิพลมาจากตะวันตก แกงกะหรี่สูตรคุณยายของทากะซังให้รสเข้มข้นของเครื่องเทศและให้ความเผ็ดนิดๆ ที่ปลายลิ้น พอเหมาะพอดีกับรสชาติเรียบง่ายของไข่และข้าวปรุงรสพิเศษที่แทรกอยู่ด้านใน ทำให้เรากวาดได้เกลี้ยงจานแบบไม่รู้ตัว
ขยับมาที่เมนู Curry Udon อุด้งเส้นใหญ่เหนียวนุ่มในซุปแกงกะหรี่ลื่นคอรสชาติเข้มข้น เคียงมาด้วยหมูตุ๋น หมูชาชู เห็ดชิเมจิ และไข่ ต่อกับอีกหนึ่งเมนูพิเศษที่ทากะซังคิดสูตร หยิบจับส่วนผสมที่มีประโยชน์ปรุงขึ้นมาเป็นเมนู Yaki Curry ข้าวแกงกะหรี่ย่างเสิร์ฟมาในชามเซรามิกสีขาว ชามใหญ่เกินกว่าเราจะกินคนเดียวหมด ข้างในเป็นข้าวคลุกเคล้ากับแกงกะหรี่ ซ่อนไข่แดงกลมโตไว้ตรงกลาง ท็อปด้วยบล็อกโคลี่ มะเขือเทศ โรยด้วยเกล็ดขนมปัง และนำไปย่างให้ได้ที่ก่อนจะจัดเสิร์ฟร้อนๆ กลิ่นหอมฉุยเลยล่ะ
อีกหนึ่งเมนูที่เราเองประทับใจมากๆ คือ Grilled Saba ซาบะย่างเกลือขนาดพอดีต่อหนึ่งคน ย่างมาอย่างดีผิวมันวับ ผิวด้านนอกกรุบกรอบด้านในชุ่มฉ่ำมากๆ ให้รสเค็มนิดๆ ด้วยเกลือที่ทากะซังเสาะหามาจากภาคเหนือของประเทศไทย นั่นคือ “เกลือสินเธาว์” หรือ “เกลือภูเขา” ที่ให้ความเค็มแบบกลมกล่อมไม่เค็มโดดจนเกินไป กินคู่กับหมูตุ๋นมันฝรั่งที่แสนนุ่มนิ่ม ผักดองที่ทางร้านดองเอง และข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ เมนูเรียบง่ายที่อร่อยกินใจมากๆ
ในท่ามกลางกระแสไหลเชี่ยวของร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผุดขึ้นในประเทศไทยทุกหย่อมหญ้า ชวนกันวิ่งตามความเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เราว่า Yashima (ยาชิมะ) เป็นร้านที่ค่อยๆ เดินในทางของตัวเอง จับสิ่งที่ตนเองถนัด ให้เวลาและจริงจังในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ไม่ได้วิ่งตามใครแต่ก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ เป็นเส้นทางการเดินทางที่แสนอบอุ่น เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การมานั่งกินข้าวซ้ำแล้วซ้ำอีกจริงๆ