โอมากาเสะราคาดีมีที่ Shinkanzen Omakase เท่านั้น

หลังจากประสบความสำเร็จกับ Shinkansen Sushi จนมีสาขากว่า 13 แห่ง ชินคันเซ็นก็ได้แตกไลน์ออกมาเป็น Shinkanzen Omakase แห่งแรก แถมราคายังเกินคาดเมื่อเทียบกับคุณภาพของวัตถุดิบที่คัดมาแต่เกรดพรีเมียมแทบทั้งสิ้น 

สำหรับ Shinkanzen Omakase (ชินคันเซ็น โอมากาเสะ) นั้นก็ยังเน้นความคุ้มค่ามาเป็นที่หนึ่งเช่นเดิม ไม่ว่าจะเรื่องวัตถุดิบที่ต้องคัดสรรแต่เกรดพรีเมียมมาเสิร์ฟ หรือแม้แต่ความสดใหม่ก็ไม่ละเลย เห็นได้จากความถี่ที่ทางร้านนำเข้าปลาอาทิตย์ละ 4 ครั้ง อีกทั้งการครีเอตรสชาติซูชิในแต่ละคำทางเชฟก็ได้นำความเป็นฟิวชั่นใส่ลงไปเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์การรับประทานโอมากาเสะอันแตกต่างที่หาไม่ได้จากร้านไหนๆ ในราคาคอร์สเริ่มต้นที่ 1,500 บาทเท่านั้น

ด้านที่ตั้งของร้านก็อยู่ไม่ไกลกับ Shinkansen Sushi สาขาสยามสแควร์ เพียงแค่เดินขึ้นไปที่ชั้น 3 ของร้านก็จะพบกับโซนเคาน์เตอร์บาร์ที่เป็นเสมือนกับเวทีของเชฟ ล้อมรอบด้วยพื้นที่สำหรับผู้ชมราวๆ 10 กว่าที่นั่ง โดยทางร้านจะเปิดรอบการแสดงเพียง 3 หนต่อวัน ดังนั้นใครที่อยากมาสัมผัสกับมื้อโอมากาเสะแบบชินคันเซ็น จึงต้องสำรองที่นั่งกันล่วงหน้าอย่างน้อยๆ สัก 1 วัน เพื่อที่เชฟจะได้มีเวลาในการคัดสรรวัตถุดิบดีๆ ส่งตรงจากตลาดปลาโทโยสุ (Toyosu Market) มาปรุงและเสิร์ฟให้คุณกันแบบคำต่อคำ ทั้งหมดก็เพื่อมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าที่ตั้งใจจองคอร์สมานั่นเอง

เชฟชาญผู้รังสรรค์ซูชิแต่ละคำอย่างพิถีพิถัน

ซึ่งคอร์สโอมากาเสะราคา 1,500 บาท (16-17 Course) กับ 3,000 บาท (20-21 Course) จะแตกต่างก็ตรงที่จำนวนของจานแอพพิไทเซอร์และซูชิเท่านั้น และแม้ว่าคุณจะจองมาในคอร์ส 1,500 บาท รายการซูชิที่เชฟจะไม่พลาดเสิร์ฟในบรรดาทั้งหมด 10 คำก็คือบาฟุนอุนิ ที่สำคัญยังจัดมาแบบลอนใหญ่ๆ ให้ฟินกันแบบเต็มปากเต็มคำเลยทีเดียว 

รับประกับควาสดใหม่ด้วยการนำเข้าวัตถุดิบอาทิตย์ละ 4 ครั้ง

อย่าง 7 คำจากหลายๆ ไอเท็มทั้งในคอร์ส 1,500 และ 3,000 บาทด้านล่างนี้คือตัวอย่างรายการที่ถ้าคุณได้สำรองคอร์สโอมากาเสะกับชินคันเซ็นแล้วยังไงยังไง๊ก็ต้องได้รับประทาน 

เริ่มต้นด้วย Maguro Combu Maki จานออเดิร์ฟที่มีทูน่าห่อรอบมากับสาหร่ายคอมบุลายไม้และอิคุระ เสริมรสชาติให้พิเศษขึ้นด้วยซอสโชยุปรุงด้วยน้ำมันมะกอก, น้ำตาล, มิริน, สาเก ทั้งวาซาบิ ซึ่งก็ได้มอบความสดชื่นให้แก่ผู้รับประทานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

Maguro Combu Maki

Mongo Ika หรือซูชิหมึกกระดองญี่ปุ่นที่ก่อนเสิร์ฟเชฟจะฝนเกลือหิมาลายันสีชมพูอย่างเบามือ พร้อมๆ กับหยดน้ำเลมอนนิดและโรยด้วยผิวส้มยูซุเพิ่มความหอม ปั้นมากับข้าวซูชิที่ปรุงด้วยน้ำส้มสายชูแดงอากาสึที่ซึ่งผ่านการหมักนานราวๆ 5-7 ปี เป็นอีกหนึ่งความดีงามที่ทำให้ซูชิคำนี้รสชาติสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

เชฟขูดเกลือสีชมพูหิมาลายันลงบนผิวของหมึกกระดองญี่ปุ่นเพื่อชูรสชาติให้ดีงามยิ่งขึ้น

Mongo Ika

ต่อมาคืออีกคำที่ขาดไม่ได้ในคอร์สโอมากาเสะกับส่วนเนื้อแดงของฮอนมากุโร่อย่าง Akami ที่ทางร้านนอกจากจะป้ายโชยุโฮมเมดบนผิวปลา ยังเสริมทัพความอร่อยด้วยอุมะมิโซะที่ปรุงรสออกมาเพื่อคำนี้โดยเฉพาะ

ด้านบนท็อปด้วยอุมะมิโซะทำเอง

Akami

ส่วนสายโฮตาเตะก็ต้องลองกับ Hotate Yaki ที่ย่างด้วยโชยุแบบยังคงทิ้งความฉ่ำหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อโฮตาเตะไว้ พร้อมกับบาฟุนอุนิลอนใหญ่ วาซาบิดอง ก่อนจะห่อด้วยสาหร่ายกรอบๆ และกิมมิกเล็กๆ ที่ต้องเสิร์ฟให้ถึงมือของลูกค้า

โฮตาเตะย่างโชยุตัวใหญ่กับบาฟุนอุนิ

Hotate Yaki

ถัดมาคือ Chotoro เนื้อสัมผัสละลายในปาก โปะหน้าด้วยคาเวียร์, วาซาบิดอง, ทรัฟเฟิลออยล์ และทองคำขาว กับเทคนิคที่เชฟได้บากผิวปลาเบาๆ ให้เทกซ์เจอร์ของปลานุ่มละมุนขึ้นไปอีกหลายเลเวล

สำหรับคำนี้แต่งหน้าด้วยคาเวียร์และทองคำขาว

Chotoro

และที่เกริ่นไปตั้งแต่ต้นๆ ว่าไม่ว่าจะเป็นคอร์ส 1,500 บาทชินคันเซ็นก็เสิร์ฟอุนิให้แบบไม่ยั้ง อย่างคำนี้ที่ทางร้านเลือกเป็นอุนิพันธุ์บาฟุนหวานๆ เคล้าด้วยข้าวซูชิน้ำส้มสายชูแดงอากาสึ นับว่าเป็นเพอร์เฟกต์คอมบิเนชั่นที่เชฟได้คำนวณมาแล้วว่ามันดีงามถึงจะเสิร์ฟ!

Uni

เหมือนกับเป็นธรรมเนียมว่าก่อนจะจบคอร์สก็ต้องตบด้วยของหวาน ซึ่งทางร้านก็ได้เสิร์ฟมาทั้ง Hokkaido Cheesecake ที่เชฟจะต้องเบิร์นหน้าที่เป็นคาราเมลน้ำผึ้งให้ขึ้นสีด้วยทอร์ชก่อนรวมถึง Hokkaido Melon ที่หวานหอมซะจนเกินต้านทาน พร้อมทั้งยังทำหน้าที่ล้างปากได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

Hokkaido Cheesecake

Hokkaido Melon

หมายเหตุ: ราคาข้างต้นไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าบริการ 10%