17:30 น.-LATE (วันหยุดไม่แน่นอน)
Sakurasaku ร้านอาหารญี่ปุ่นที่แยกสาขามาจากเมืองซุซุกะ (Suzuka) ในจังหวัดมิเอะที่เปิดให้บริการที่ซอยสุขุมวิท 31 มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 แม้ตัวร้านจะเป็นบ้านเดี่ยวที่อยู่ในตรอกเล็กๆ แต่เป็นที่รู้จักของลูกค้าขาประจำจำนวนมากทั้งไทยและญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนเมนูที่มีให้เลือกมากมาย ชนิดที่ว่าอยากกินอะไรก็สั่งได้หมด ไม่ใช่แค่อาหารญี่ปุ่น แต่ยังมีอาหารจีนและอาหารสไตล์ตะวันตกที่ปรุงรสชาติออกมาแบบเดียวกับที่กินที่ญี่ปุ่นเลย นอกจากนี้บางฤดูกาลยังเสิร์ฟเมนูท้องถิ่นที่หากินในไทยได้ยากอย่างมาสุซูชิด้วย หลายเมนูใช้เครื่องปรุงนำเข้าจากจังหวัดมิเอะ
ภายในร้านแบ่งโซนที่นั่งเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าจะโซนห้องส่วนตัวขนาดกว้างขวาง 3 ห้อง โซนครัวเปิดที่สามารถชมเชฟทำอาหารอย่างตั้งอกตั้งใจ หรือโซนโต๊ะกับโซฟาที่มีระแนงไม้และหน้าต่างสไตล์ญี่ปุ่นให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งรับประทานอาหารญี่ปุ่นอยู่ที่ญี่ปุ่นเลย
Sukiyaki & Shabu Shabu (Black Wagyu A3 Sirlion 980 บาท)
เมนูขายดีอันดับหนึ่งของซากุระซากุไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากสุกียากี้หรือชาบูชาบู โดยมีให้เลือก 3 ชนิด ได้แก่ เนื้อเซอร์ลอยน์วากิวพันธุ์ขนดำ A3 (980 บาท) เนื้อเซอร์ลอยน์ซัตสึมะ A4 (1,380 บาท) และเนื้อเซอร์ลอยน์ฮิดะ (1,980 บาท) ซึ่งเนื้อซัตสึมะและเนื้อฮิดะถือได้ว่าเป็นแบรนด์เนื้อพรีเมียมจากญี่ปุ่นที่หากินได้ยาก
Otoko no Mabodofu (220 บาท)
เต้าหู้ผัดเสฉวนที่รสชาติใกล้เคียงกับที่ภัตตาคารอาหารจีนที่ญี่ปุ่น มีส่วนผสมของเครื่องเทศลับ 6 ชนิด แต่ถ้ากลัวเผ็ดไม่ถึงใจก็มีเมนู “เต้าหู้ผัดเสฉวนรสจัด” (240 บาท) ที่เพิ่มปริมาณพริกเข้าไปอีก
Yokkaichi’s Big Tonteki (350 บาท)
ทงเทกิ หรือ สเต็กหมูชิ้นโต อาหารพื้นเมืองจากเมืองยกกะอิจิ (Yokkaichi) จังหวัดมิเอะ ทั้งหน้าตาและรสชาติคล้ายกับที่มิเอะมาก แต่จะใส่เสน่ห์ส่วนตัวของซากุระซากุเข้าไปด้วย นั่นก็คือการผสมซอสสูตรที่ทางร้านคิดเองผสมกับวูสเตอร์ซอส และย่างโดยใช้อุณหภูมิต่ำ ทำให้สุกทั่วถึงโดยไม่แห้งกร้าน
Botan Nabe (580 บาท/1 ที่)
หม้อไฟหมูป่า หนึ่งในเมนูอาหารป่าสไตล์ญี่ปุ่นที่แม้แต่จะหากินที่ญี่ปุ่นก็ยากแสนยาก หนึ่งในอาหารที่มีธาตุเหล็กเยอะ ทางร้านจะเสิร์ฟแบบปรุงสุกให้เรียบร้อย เสิร์ฟพร้อมกับผักนานาชนิด ได้แก่ ผักกาดขาว ต้นหอม เห็ดเข็มทอง รากโกโบ ปวยเล้ง แครอท และเห็ดหอม ถ้าอยากลองอะไรแปลกใหม่ นี่คืออีกจานที่แนะนำ