พ.-จ. 12:00 น., 18:00 น., 20:30 น. (หยุดวันอังคาร)
ความพิเศษของ Kappo Kazunobu (คับโปะ คาซึโนบุ) คือที่นี่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นแบบตามใจเชฟสไตล์คัปโปะ (Kappo) โดยแต่ละเมนูผ่านการคัดสรร คิดค้น และลงมือปรุงด้วยกรรมวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตุ๋น นึ่ง ต้ม และทอด ซึ่งนอกจากจะตอบโจทย์เชฟเพราะได้โชว์ทักษะความเชี่ยวชาญในหลากหลายแขนง ฟากของคนกินยังได้สัมผัสถึงประสบการณ์อาหารที่ไม่จำเจอีกด้วย
Kappo Kazunobu นำทีมความอร่อยโดยโออิชิ คาซึโนบุ เชฟชาวชิซูโอกะผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารญี่ปุ่นกว่า 26 ปี เคยผ่านร้านอาหารระดับ 5 ดาวจากหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอัมสเตอร์ดัม ญี่ปุ่น เซี่ยงไฮ้ และ Yamazato สาขาประเทศไทยที่การันตีความน่าไปโดย Michelin กับรางวัล Michelin Plate ก่อนที่เชฟจะออกมาร่วมหุ้นมีร้านโอมากาเสะประทับตราชื่อตัวเองและเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา
ในเรื่องของการตกแต่งมีธีมหลักเป็นสีดำตัดกับเฉดธรรมชาติอย่างสีน้ำตาลอ่อนของไม้ ดูขรึมแต่ก็เข้าถึงง่ายด้วยมู้ดแอนด์โทนภายในร้าน สำหรับใครต้องการความเป็นส่วนตัวทางร้านก็มีห้องไพรเวทให้สำรองล่วงหน้ากว่า 2 ห้อง (ขนาด 6 ที่นั่ง กับ 8-10 ที่นั่ง) ขณะที่โซนเคาน์เตอร์บาร์สามารถเปิดรับรองลูกค้าต่อรอบได้เต็มที่คือ 10 ที่นั่ง
ผู้ที่สนใจทางร้านมีคอร์สให้เลือกอร่อยอยู่ 3 ราคา เริ่มต้นที่ 3,500++ บาท 5,500++ บาท และ 7,500++ บาท ว่ากันด้วยรสชาติตั้งแต่จานออเดิร์ฟจวบจนจบมื้อที่ของหวาน สไตล์อาหารของเชฟจะไม่ใช่แนวจัดจ้านแต่จะนำเสนอถึงความบาลานซ์ในแบบฉบับอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับแทน ซึ่งนั่นหมายรวมถึงวัตถุดิบต้องสดใหม่ ใช้ของตามฤดูกาล ซึ่งเชฟก็ได้ลงมือคัดสรรแต่อินกรีเดียนท์คุณภาพด้วยตัวเองเฉกเช่นกัน
และไม่ว่าจะสำรองเป็นคอร์สใดเมนูซิกเนเจอร์ของเชฟที่เราจะได้ชิมแน่ๆ ก็มี Yaki Goma Tofu ที่ชื่อบอกว่าเป็นเต้าหู้ทว่าไม่มีส่วนผสมของถั่วแต่เป็นงาแทน ยามเคี้ยวสัมผัสถึงความหนุบหนับด้วยเชฟนำไปย่าง ก่อนจะแต่งหน้าด้วยบาฟุนอุนิ, โกจิเบอร์รี่, วาซาบิสด และกระเจี๊ยบฝานบาง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในซอสโชยุสูตรของเชฟรสชาติเค็มๆ หวานๆ นับว่าเป็นการเปิดมื้อที่มาตรฐานสูงทีเดียว
ลำดับถัดมาคือ 4 Kinds Sashimi ซึ่งวัตถุดิบจะเวียนไปตามแต่ฤดูกาล อย่างครั้งนี้ที่เชฟจัดมาให้เป็นชูโทโร่ ปลาเนื้อขาวอย่างอิซากิ โฮตาเตะเนื้อหวานเด้ง กับปลาคัตสึโอะที่ออกแบบมาให้กินกับกระเทียมทอด ต้นหอมซอย และโชยุ
ส่วน Uni Inaniwa Udon คืออีกหนึ่งเมนูที่หลายคนประทับใจ อินานิวะอุด้งนำเข้าไกลจากจังหวัดอาคิตะเสิร์ฟมาพร้อมกับซุปรสชาตินุ่มนวลมีส่วนผสมของอุนิ ด้านบนประดับด้วยอุนิพันธุ์บาฟุน วาซาบิ กับทรัฟเฟิลหอมๆ ที่เชฟฝนให้เห็นกันแบบสดๆ
Uni Inaniwa Udon
ตามมาด้วย Nabe Gohan ข้าวอบวัตถุดิบตามฤดูกาลที่เชฟโออิชิพิถีพิถันอีกทั้งใส่ใจในทุกๆ ขั้นตอน เหมือนกับคราวนี้ที่เชฟเลือกใช้ข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริจากนีงาตะมาหุงในหม้อดินกับซุป เห็ด รวมถึงหอยเป๋าฮื้อ แล้วท็อปหน้าด้วยอิคุระที่นำไปหมักกับโชยุดาชิ ยูซุ และมิรินนานกว่าหนึ่งวัน ก่อนจะคลุกส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันแล้วตักเสิร์ฟเป็นพอร์ชั่นพออิ่มให้กับทุกๆ คน
Nabe Gohan
ท้ายสุดคือเมนูของหวาน Rakkasei Pudding พุดดิ้งถั่วลิสงสายพันธุ์ญี่ปุ่นเนื้อเนียน ราดด้วยน้ำเชื่อมคุโรมิสึ ครีมสด และราสป์เบอร์รี่สดรสเปรี้ยวอมหวาน เชฟบอกกับเราว่าในแต่ละครั้งวัตถุดิบที่นำมาทำเป็นพุดดิ้งจะไม่เหมือนกัน ครั้งแรกที่ได้กินอาจจะเป็นถั่วลิสง ครั้งถัดมาเชฟอาจจะเสิร์ฟเป็นพุดดิ้งวอลนัทก็ได้ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าช่วงนั้นมีวัตถุดิบชนิดไหนที่เข้าตาที่สุดนั่นเอง
นอกจากเมนูด้านบนที่เรานำเสนอ ในคอร์สเชฟยังเสิร์ฟให้อร่อยกันเพิ่มเติมอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นจานย่าง ซุป สำรับนึ่ง ซูวี ไปจนถึงของทอดแบบเทมปุระ ใครที่อยากสัมผัสกับอาหารนานารูปแบบในคอร์สเดียว Kappo Kazunobu คือร้านโอมากาเสะอีกแห่งในกรุงเทพที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ