ในเมื่อวันที่ 22 มกราคม ของทุกปีเป็นวันแห่ง แกงกะหรี่ (カレーの日 : Curry day) คิจิจึงได้ยกพื้นที่คอลัมน์สตอรี่ให้กับอาหารที่แม้ญี่ปุ่นจะไม่ได้เป็นประเทศที่คิดค้นขึ้น (เพราะได้รับแนะนำจากอังกฤษมาอีกที) แต่ก็มิกซ์แอนด์แมทช์อีกทั้งใส่ความคิดสร้างสรรค์จนได้รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ และแผ่ขยายไปปักธงความอร่อยในหลายๆ ประเทศ ซึ่งนั่นรวมถึงบ้านเราด้วย
ก็เหมือนกับข้าวราดแกงกะหรี่ที่แต่ละร้านมักเสิร์ฟมาเป็นจานใหญ่ คิจิเองก็จะไม่แหวกธรรมเนียมปฏิบัตินั้น เราจึงจัดชุดใหญ่ใส่เครื่องเคราแบบไม่ยั้งเข้ามาแทน ตั้งแต่ทำความรู้จักกับแกงกะหรี่ญี่ปุ่นผ่านหลากหลายเรื่องราว ก่อนจะวาร์ปไปชิมเมนูแกงกะหรี่ทั้ง 16 ร้านในแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าว เส้น หรือแม้แต่กับขนมปัง
ไม่เพียงเท่านั้นคิจิยังต่อสายตรงถึง MUJI ไลฟ์สไตล์แบรนด์ที่ขายสินค้ามากมายนับไม่ถ้วน เพื่อล้วงเอา 10 อันดับแกงกะหรี่สำเร็จรูปขายดีที่ญี่ปุ่นในปี 2018 มารายงานให้คุณได้ทราบ พร้อมกันนั้นยังเอาใจมนุษย์ติดบ้าน (แต่อยากกินแกงกะหรี่อร่อยๆ คุณภาพดีๆ เหมือนที่ร้าน) ด้วยชนิดของแกงกะหรี่สำเร็จรูปมากถึง 12 สูตร เรื่อยไปตั้งแต่เวฟแค่ 5 นาทีก็อร่อยได้กับชนิดก้อนที่ต้องลงมือปรุงเอง อีกทั้งได้ไล่ระดับความเผ็ดมาให้เลือกกันง่ายๆ แบบเสร็จสรรพ
มีใครอยากรู้ไหมว่าสูตรแกงกะหรี่เมื่อ 150 ปีก่อนของประเทศญี่ปุ่นนั้นส่วนผสมจะแตกต่างหรือใกล้เคียงกับปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน?
ไม่ต้องสงสัยนานเพราะเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีผู้ค้นพบตำราอาหารในสมัยเมจิ (ปี ค.ศ. 1868-1912) ที่งาน Tokyo International Antiquarian Book Fair 2018 ซึ่งจำนวน 110 สูตรอาหารทั้งคาวและหวานแบบเอ็กโซติกในตำรา Western Cooking Michimasa-Second Volume ที่เขียนขึ้นโดยชาวอังกฤษนั้นก็มี 2 เมนูที่ปรุงด้วย “ผงกระหรี่” ระบุว่าจานหนึ่งเป็นเนื้อหรือเนื้อแกะ (Mutton ในที่นี้คือแกะที่อายุเยอะแล้ว) ส่วนอีกจานนั้นเขียนไว้ว่าได้ใช้เนื้อไก่เป็นส่วนประกอบหลักโดยส่วนผสมในตำราจะมีตั้งแต่เนื้อสไลซ์, ต้นหอมสไลซ์บางจำนวน 2 ต้น, เนยปริมาณ 4/5 ก้อน, ผงกะหรี่ 1 ช้อน, แป้ง 1 ช้อน, เกลือ และน้ำเปล่าหรือน้ำสต๊อกเนื้อ อีกทั้งขั้นตอนการทำก็ยังอธิบายอย่างละเอียด อย่างต้องผัดต้นหอมสไลซ์กับเนยจนขึ้นสีทอง ก่อนจะผสมผงแกงกะหรี่และแป้งลงไปแล้วปรุงรสด้วยเกลือ จากนั้นก็ค่อยเติมเนื้อสไลซ์ ผัดกับส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันด้วยไฟอ่อนสัก 10 นาที สุดท้ายให้เติมน้ำเปล่าหรือน้ำสต๊อกพอท่วม อีกทั้งเคี่ยวทิ้งไว้เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เท่านี้ก็สามารถลิ้มรสแกงกะหรี่สูตรโบราณได้แล้ว
ว่าแต่มีใครอยากลองทำดูบ้างไหมเย็นนี้?
ใครที่เคยใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นหรือมีความสนใจในประเทศนี้อาจคุ้นๆ กับธรรมเนียม “กินแกงกะหรี่ทุกวันศุกร์” กันมาอยู่บ้าง ซึ่งที่มานั้นเริ่มมาจากกองทัพเรือญี่ปุ่นในยุคที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เรียกว่านาฬิกา การที่จะต้องออกทะเลนานๆ แน่นอนว่าต้องมีหลงวันลืมคืนกันเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจึงได้มีการเซ็ตวันศุกร์ให้เป็นวันแห่งแกงกะหรี่ขึ้น ซึ่งข้อดีคือนอกจากอิ่มท้องแล้วยังเป็นการบอกเวลาไปด้วยในตัว นอกจากนี้กองกำลังหลายๆ หน่วยยังมีสูตรแกงกะหรี่เป็นของตัวเองอีกด้วย
แอบกังวลใจนิดหน่อยว่าบทความนี้จะถูกใจกันหรือเปล่า ด้วยความที่คนใกล้ตัวเราดูจะไม่ชอบแกงกะหรี่เอาซะเลย ไม่ชอบสี ไม่ชอบกลิ่น ไม่ชอบรสชาติ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ เพราะถามเซ้าซี้มากไปเดี๋ยวจะพานไม่ชอบเราด้วยซะเปล่าๆ
ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน
หากแต่ใครที่หลงใหลในกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเทศนานาชนิด เสพติดความเข้มข้นแต่กินง่ายของแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่น เราขอกล่าวเพียงสั้นๆ แล้วกันว่า 6 ร้านนี้ คุณต้องชอบแน่ๆ!
ร้านข้าวแกงกะหรี่โฮมเมดที่มีชื่อเสียงโด่งดังในบ้านเราพอสมควร เรื่องความอร่อยในแบบสไตล์ญี่ปุ่นก็คงไม่ต้องพูดเยอะ การันตีโดยสมาคมแกงกะหรี่แห่งประเทศญี่ปุ่นว่าร้านนี้แหละอร่อยที่สุดแล้ว เราแนะนำสาขา Nihonmura ซอยทองหล่อ 13 ด้วยการตกแต่งที่ผสมผสานสไตล์ลอฟท์เข้ากับบรรยากาศในแบบคาเฟ่ญี่ปุ่น ดูโปร่งสบายตาด้วยแสงธรรมชาติลอดผ่านกระจกใสที่ติดตั้งอยู่ล้อมร้าน เผยให้เห็นบรรยากาศภายนอกตัวอาคาร
ซอสแกงกะหรี่ของที่นี่เป็นแกงกะหรี่ไก่ที่มีความหอม เข้นข้น แต่ไม่ค่อยเผ็ดมากนัก ด้วยผสมจากเครื่องเทศชนิดต่างๆ และผักผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้หลักที่เป็นที่มาของโลโก้ร้านอย่างแอปเปิ้ลเขียว (Aoringo แปลว่า แอปเปิ้ลเขียว)
Deep Fried Fillet Katsu Stuffed with Mozzarela Cheese Curry Rice + Omelette Lava (430 บาท)
จานแนะนำคือ ข้าวแกงกะหรี่หน้าหมูทอดมอซซาเรลล่าชีสบวกด้วยออมเล็ตลาวา ปูด้วยไข่ออมเล็ตที่วางแผ่เต็มๆ จาน พร้อมด้วยหมูทอดสอดไส้มอซซาเรลล่าชีสชิ้นใหญ่เกินฝ่ามือ ทั้งซอส แกงกะหรี่ ไข่ออมเล็ต และชีส ช่วยกันเสริมความเนียนนุ่ม หอมอบอวลเต็มๆ ปาก ส่วนใครเบื่อหมูทอดอยากลองท็อปปิ้งอื่นๆ บอกเลยร้านนี้มีให้เลือกกว่า 30 ชนิด แถมแต่ละจานเพิ่มข้าวเพิ่มซอสฟรี เสิร์ฟพร้อมสลัดผักและพุดดิ้งกาแฟ อิ่มท้องแน่นอน
Info
Aoringo Japanese Curry Place สาขา Nihonmura
Tel.: 02-015-3613
Address: โครงการ Nihonmura ซ.ทองหล่อ 13 ถ.สุขุมวิท
Opening Hours: 11:00-14:30 น., 17:00-21:00 น.
Holiday: –
Website: Aoringo Nihonmura Thonglor
“โทคิโดคิ” แปลว่า บางครั้งบางคราว เจ้าของร้านชาวญี่ปุ่นบอกกับเราว่า “ผมคิดว่าคงไม่มีใครกินข้าวแกงกะหรี่ได้ทุกวันหรอก แต่ทุกครั้งที่นึกอยากกินก็อยากให้เขาคิดถึงเรา อยากให้เขาประทับใจ” นี่จึงเป็นที่มาของอีกหนึ่งร้านข้าวแกงกะหรี่เล็กๆ สุดโฮมเมดย่านมหาวิทยาลัยเกษตรฯ บางเขน ที่เราสัมผัสได้ถึงความตั้งใจและความรักในการปรุงอาหาร ที่หมายจะมอบประสบการณ์ในการกินข้าว แกงกะหรี่ ต้นตำรับแบบญี่ปุ่น
แม้ขนาดร้านจะค่อนข้างเล็ก (จุประมาณ 10-12 ที่นั่ง) แต่ด้วยการตกแต่งร้านที่ดูสะอาดสะอ้าน ได้บรรยากาศแบบคาเฟ่ญี่ปุ่นนิดๆ ก็ดูเหมาะกับการนั่งรับประทานอาหารได้แบบไม่เคอะเขิน โดยข้าวแกงกะหรี่ของที่นี่มีให้เลือกท็อปปิ้งค่อนข้างเยอะทั้งเนื้อสัตว์และผัก นับรวมๆ แล้วเกือบ 20 เมนูเลยทีเดียว แถมยังสามารถเลือกขนาดได้ตามต้องการ ทั้ง S, M,L และ XL
Minced Pork&Beef Cutlet+Cheese Curry (Size L 195 บาท)
จานแนะนำคือ Minced Pork&Beef Cutlet+Cheese Curry ข้าวแกงกะหรี่หมูผสมเนื้อทอดสอดไส้ชีส รวมความอร่อยทั้งเนื้อหมูบดที่ผสมกับเนื้อวัวจนเป็นหนึ่งเดียว พร้อมด้วยชีสเยิ้มๆ เพิ่มรสชาติ เราลองสั่งไซส์ L ปรากฎว่าจานใหญ่มาก กินได้ 2 คนสบายๆ ด้วยซอสแกงกะหรี่ที่เข้มข้นจากการเคี่ยวผักผลไม้กว่า 30 ชนิด โดยมีลำดับขั้น-ตอนในการใส่วัตถุดิบต่างๆ ชัดเจน และเมื่อเคี่ยวเสร็จแล้วยังต้องพักทิ้งไว้อีกหนึ่งคืน นั่นเพราะเพื่อรสชาติของซอสแกงกะหรี่ที่ดีที่สุดนั่นเอง
ป.ล. นอกจากทำ แกงกะหรี่ เก่ง เจ้าของร้านชาวญี่ปุ่นยังเชี่ยวชาญเรื่องศาสตร์การดูดวง ใครที่ไปกินแล้วเกิดสนใจ สะกิดบอกแกได้เลย แกใจดี
Info
Tokidoki
Tel.: 099-346-8800, 02-054-0002
Address: 19/26 ซ.งามวงศ์วาน 62 ถ.งามวงศ์วาน
Opening Hours: 11:00-21:00 น.
Holiday: –
Website: TokiDoki Curry
ครองบัลลังก์ความอร่อยมากว่า 40 ปี กับร้านข้าวแกงกะหรี่ต้นตำรับจากกินซ่า โตเกียว เจ้าของฉายา “ราชาแห่งแกงกะหรี่” จากจุดเริ่มต้นบริษัทผลิตเครื่องเทศสู่ร้านข้าวแกงกะหรี่ที่ขยายสาขาไปตามหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก สำหรับประเทศไทยตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน
Yaki Curry (270 บาท) แนะนำจานอร่อยโดยราชาแห่งแกงกะหรี่
แม้ขนาดร้านจะเป็นเพียงป๊อบอัพเล็กๆ แต่ก็สะดวกสบายเพราะสามารถนั่งรับประทานได้ที่ฟู้ดคอร์ท 88 Shokudo Nippon บริเวณใกล้ๆ กันนั่นเอง แนะนำเมนู Yaki Curry หอมอบอวลด้วยซอสแกงกะหรี่สูตรทางร้าน ผสานกับมอสซาเรลล่าชีสและพาเมซานชีส ก่อนโปะด้วยไข่ออนเซ็นตรงกลางจาน น่ารับประทานเป็นที่สุด
Info
Curry Ousama
Tel.: –
Address: ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ถ.ราชดำริ
Opening Hours: 10:00-21:00 น.
Holiday: –
Websiste: Curry-Ousama ราชาแห่งแกงกะหรี่ญี่ปุ่น
โด่งดังมานานสำหรับร้านข้าวแกงกะหรี่รายนี้ด้วยเอกลักษณ์ในการนำเสนอแกงกะหรี่สไตล์คานาซาว่าที่จะเสิร์ฟในภาชนะเงินพร้อมกะหล่ำปลีฝอยโรยหน้าเท่านั้น โดยทางร้านใช้ผงกะหรี่นำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นส่วนผสมหลัก เคี่ยวรวมกับส่วนผสมอื่นๆ กว่า 10 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ซอสแกงกะหรี่ที่เข้มข้น และยังสามารถเลือกได้ทั้งซอสแกงกะหรี่หมูและซอสแกงกะหรี่เนื้อวัวอีกด้วย
Gapao Curry (Size M 180 บาท) สไตล์คานาซาว่าต้องเสิร์ฟในชามเงินเท่านั้น!
คราวนี้เราขอแนะนำเมนูพิเศษๆ อย่าง Gapao Curry ที่รวมความอร่อยของ 2 รสชาติทั้งแกงกะหรี่สูตรเด็ดและกะเพราไก่แบบไทยๆ พร้อมด้วยไข่ออมเล็ต ดูแปลกตาแต่เราว่าก็อร่อยและเข้ากันได้ดี หรือใครอยากกินท็อปปิ้งอื่นๆ ที่ร้านยังมีให้เลือกอีกเพียบ
Info
Gold Curry สาขาสุขุมวิท 39
Tel.: 02-662-5003
Address: ซ.สุขุมวิท 39 ถ.สุขุมวิท
Opening Hours: 11:00-LATE
Holiday: –
Website: Gold Curry Bangkok
ร้านข้าวแกงกะหรี่เล็กๆ ในโครงการ A-ONE Ari ของ 3 เพื่อนสนิทต่างอาชีพทั้งช่างภาพ มัณฑนากร และสถาปนิก ที่แบ่งเวลาว่างจากงานประจำมาสร้างความฝัน สร้างธุรกิจเล็กๆ น่ารักในชื่อ “คาริ คาเระ” แม้จะรายล้อมไปด้วยร้านอาหารประเภทต่างๆ ภายในโครงการ แต่ความน่ารักของร้านนี้ก็ดูโดดเด่นจนสังเกตได้ไม่ยาก
ข้าวแกงกะหรี่ชาบูเนื้อหมูบวกไข่ข้น (119 บาท)
แนะนำเมนู ข้าวแกงกะหรี่ชาบูเนื้อหมูบวกไข่ข้น ซอสแกงกะหรี่ไก่โฮมเมดสูตรคุณแม่ที่เพิ่มสัมผัสแปลกใหม่ด้วยเนื้อไก่ฉีก ให้รสเข้มข้นกำลังดีไม่เผ็ดมากนัก เข้ากันกับหมูชาบูสไลซ์บางและไข่ข้นที่ช่วยเพิ่มความหอมละมุนยิ่งขึ้น จะสั่งนั่งกินภายในโครงการหรือสั่งใส่กล่องกลับบ้านก็ได้ (คิดค่ากล่องเพิ่ม 5 บาท) แต่อย่าลืมสั่งเกี๊ยวซ่าทอดกรอบของร้านมากินคู่กันด้วย เราว่ามันเข้ากันสุดๆ
Info
Kari Kare
Tel.: 097-289-2065
Address: โครงการ A-ONE Ari ซ.พหลโยธิน 7 (อารีย์ 1) ถ.พหลโยธิน
Opening Hours: 11:00-20:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์
Website: KARI KARE
ร้านข้าวแกงกะหรี่สไตล์กระทะร้อนจากเขตชิบุยะกรุงโตเกียว กับสาขาแรกนอกประเทศที่ชั้น 4 สยามพารากอน ที่ขนเอาเมนูเด็ดๆ แบบต้นตำรับมาให้พี่น้องชาวไทยได้ชิมกัน ในบรรยากาศและการตกแต่งที่เรียกว่า “ริงกังกักโค” หรือกิจกรรมแคมป์ปิ้งในช่วงฤดูร้อนของเหล่าเด็กๆ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ต้องร่วมแรงร่วมใจ จุดฟืนก่อไฟล้อมวงทำแกงกะหรี่มาแบ่งปันกัน เชื่อว่าจะเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน และจะอยู่ในใจของเด็กๆ ไปอีกนาน
BBQ Curry (320 บาท) พวกเราเหล่ามาชุมนุม
แนะนำเมนู BBQ Curry หมูสามชั้นชิ้นใหญ่เลาะเอาส่วนหนังออกจนหมด นำไปคลุกเคล้ากับผงเครื่องเทศ จากนั้นย่างไฟและตุ๋นในซอสสูตรลับ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยบนกระทะร้อน ก่อนราดด้วยซอสแกงกะหรี่ที่มีทั้งสูตรเนื้อหมู เนื้อไก่ และเนื้อวัว แถมเลือกระดับความเผ็ดได้อีกด้วย
Info
Camp Curry
Tel.: 02-610-9612
Address: ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้า Siam Paragon ถ.พระราม 1
Opening Hours: 10:00-22:00 น.
Holiday: –
Website: Camp Curry
สุดยอดซุปแกงกะหรี่ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ในรสชาติและความเข้มข้นของน้ำซุป ที่เราต้องย้ำกันอีกครั้งว่านี่คือซุป แกงกะหรี่ ไม่ใช่ข้าวแกงกะหรี่นะ!
แนะนำร้านกันก่อน “กะระคุ” เป็นร้านซุปแกงกะหรี่ที่โด่งดังเป็นอย่างมากในเมืองซัปโปโร ฮอกไกโด สำหรับสาขาในไทยตั้งอยู่แถวสามย่านภายในซอยจุฬาฯ 11 โดยซุปแกงกะหรี่ของที่นี่มีระดับความเผ็ดให้เลือกถึง 40 ระดับ แค่มองด้วยตาก็เห็นถึงความแตกต่างแล้ว เพราะซุปของกะระคุจะมีความใสและมีความหนืดข้นน้อยกว่าแกงกะหรี่ทั่วไป แต่บอกเลยว่ารสชาติและความเข้มข้นยังอยู่ครบถ้วนแบบซดได้คล่องไม่มีฝืดคอ ด้วยการเคี่ยวน้ำซุปที่ได้จากเครื่องเทศต่างๆ ถึง 21 ชนิด
Chicken (189 บาท) ซุปแกงกะหรี่นะ ไม่ใช่ข้าวแกงกะหรี่
แนะนำ Pork Kakuni ซุปแกงกะหรี่หมูสามชั้นตุ๋น และ Chicken ซุปแกงกะหรี่ไก่ โดยทางร้านจะเสิร์ฟคู่กับข้าวที่หุงด้วยขมิ้นและสมุนไพร วิธีการกินก็แตกต่างจากข้าวแกงกะหรี่ทั่วไป โดยจะไม่รวมไว้ในชามเดียว แต่จะใช้ช้อนตักข้าวให้พอดีคำ แล้วจึงค่อยนำไปจุ่มลงในน้ำซุปแกงกะหรี่ก็เป็นอันเสร็จพิธี
ป.ล. ใครเบื่อหมู เบื่อไก่ ที่นี่ยังมีท็อปปิ้งให้เลือกอีกเยอะ ทั้งหมูชาบู เนื้อโคขุน เนื้อลูกแกะนิวซีแลนด์ ไส้กรอกเยอรมัน ซีฟู้ด และกุ้งแม่น้ำ พร้อมระดับความเผ็ดที่มีให้เลือกถึง 40 ระดับ!!
Info
Garaku
Tel.: 083-628-2636
Address: 270 ซ.จุฬา 11 ถ.พระราม 4 (ใกล้ MRT สามย่าน)
Opening Hours: 10:30-21:00 น.
Holiday: –
Website: Garaku Thailand
ก่อนจะฟันธงว่าซอสแกงกะหรี่นั้นเวิร์คแต่กับข้าว ลองมาชิม 4 เมนูด้านล่างกับคิจิดูก่อน แล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย 🙂
Ramen Tei
ราเมนเทอิ
อีกหนึ่งร้านเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองไทยมานานสำหรับ Ramen Tei ร้านที่ติดป้ายว่าเป็นร้านราเมน แต่เมื่อเปิดดูเมนูก็พานให้สรุปได้ว่าที่นี่มีหลายสิ่งให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นราเมน, เมนูข้าว ไปจนถึงจานเคียงที่มีให้เลือกแบบไม่หวาดไม่ไหว
Curry Ramen (260 บาท) ราเมนแกงกะหรี่ที่มากับเส้นบะหมี่นุ่มลิ้นและหมูสามชั้นชิ้นโต
Curry Ramen (260 บาท) สัมผัสแรกที่ได้คือกลิ่นหอมที่ชวนให้น้ำลายสอ ยิ่งเมื่อได้ชิมเส้นและซอสแกงกะหรี่พร้อมๆ กัน “ละมุน” คือความประทับใจแรกที่เรามีให้กับราเมนถ้วยนี้ เส้นบะหมี่สีเหลืองทำสดวันต่อวันผสานเข้ากับซอสแกงกะหรี่ที่มีเบสน้ำซุปเป็นกระดูกหมูและกระดูกไก่ บวกกับเครื่องแกงกะหรี่ 2 ชนิดที่ผ่านการเคี่ยวอย่างใจเย็น อีกทั้งเครื่องเคราจำเป็นและหมูสามชั้นติดมันที่แค่เอาเข้าปากก็รู้ว่าผ่านกรรมวิธีการทำด้วยความพิถิพิถันแค่ไหน
Info
Ramen Tei สาขาสุขุมวิท 33/1
Tel.: 02-662-0050
Address: 593/23-24 ซ.สุขุทวิท 33/1 ถ.สุขุมวิท
Opening Hours: 11:00-24:00 น.
Holiday: –
Yokoi Udon
โยโกอิ อุด้ง
เป็นร้านอุด้งแห่งแรกๆ ในไทยที่ใช้คอนเซ็ปต์บริการตัวเองมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 ที่นี่เขาเด่นเรื่องซานูกิอุด้งเสิร์ฟแบบเส้นสดทั้งเมนูร้อนและเย็น นอกจากนี้ตัวท็อปปิ้งอีกทั้งไซด์ดิชทางร้านก็มีให้คุณได้เลือกหยิบใส่จานจนกว่าจะพอใจ ท่ามกลางกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ เสมือนนั่งซู้ดเส้นอุด้งร้อนๆ ณ ประเทศต้นตำรับอย่างไรอย่างนั้น
Curry Udon (ขนาด M 149 บาท, L 189 บาท) เด่นที่เส้นอร่อยที่ซอส คือคำจำกัดความที่คิจิอยากมอบให้กับเมนูนี้
Curry Udon (ขนาด M 149 บาท, L 189 บาท) เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มของเส้นอุด้งทำสดวันต่อวันผสานกับซอสแกงกะหรี่คือคอมบิเนชั่นที่ทำให้เมนูนี้อร่อยเป็นพิเศษ แม้ว่าจะเลือกระดับความเผ็ดไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะรสชาติของตัวซอสนั้นถูกปรุงมาอย่างกลมกล่อม ไหนจะหมูติดมันที่แทบจะไม่ต้องออกแรงเคี้ยวนั่นอีก เอาเป็นว่าเมนูนี้คิจิขอ Highly Recommend
Info
Yokoi Udon
Tel.: 02-160-0104
Address: โครงการ 39 Boulevard ซ.สุขุมวิท 39 ถ.สุขุมวิท
Opening Hours: จ.-ศ. 11:00-14:30 น., 17:00-22:00 น., ส. 11:00-22:00 น., อา. 11:00-21:30 น.
Holiday: –
Website: Yokoi Udon
Azuma Soba
อาซูม่า โซบะ
ทุกๆ ปัจจัยย่อมมีผลต่อรสชาติและเนื้อสัมผัสของโซบะแทบทั้งนั้น Azuma Soba จึงใส่ใจในทุกกรรมวิธีการผลิตตั้งแต่การทำเส้นไปจนถึงคอยควบคุมคุณภาพในทุกๆ ออเดอร์ อีกอย่างเชฟจะลงมือทำเส้น 2 หนต่อวัน รวมถึงน้ำล้างเส้นที่ต้องเปลี่ยนใหม่ทันทีถ้าเห็นว่าน้ำเริ่มเปลี่ยนสี เช่นเดียวกับหม้อต้มที่เชฟจะถ่ายน้ำออกเลยถ้าใช้ต้มเส้นมาแล้วกว่าครึ่งวัน
Soba w/ Pork Curry Dipping Sauce (300 บาท) โซบะเสิร์ฟเย็นเคียงมาด้วยซอสแกงกะหรี่หมู หนึ่งเมนูขายดีของอาซูม่า โซบะ
Soba w/ Pork Curry Dipping Sauce (300 บาท) ซอสแกงกะหรี่เสิร์ฟข้นมาพร้อมกับหมูชิ้นใหญ่และต้นหอมญี่ปุ่นหั่นเฉียง พอได้กินคู่กันก็ทำให้เปลี่ยนความคิดว่าโซบะก็เวิร์คกับซอสแกงกะหรี่เหมือนกัน โดยซอสแกงกะหรี่ทางร้านใช้เมนอินกรีเดียนท์อย่างผงกะหรี่นำเข้าจากญี่ปุ่นมาเคี่ยวให้ข้นกับน้ำสต็อกปลาคัตสึโอะบุชิและปลาซาบะแห้ง รสชาติที่ได้จึงเข้มข้นทั้งหอมเครื่องเทศ และที่น่าประทับใจคือตัวซอสจิกเส้นโซบะได้ในปริมาณพอเหมาะ ซึ่งเป็นความพิถีพิถันที่คิจิสัมผัสได้เลยยามที่ได้ชิม
Info
Azuma Soba สาขาสุขุมวิท 33/1
Tel.: 02-259-5190
Address: 595/21 ซ.สุขุมวิท 33/1 ถ.สุขุมวิท
Opening Hours: 11:00-23:00 น.
Holiday: –
Musashiya
มุซาชิยะ
ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวอิซากายะที่ครบถ้วนไปด้วยประเภทอาหารกว่า 100 เมนู ยิ่งไปกว่านั้น ในทุกๆ สัปดาห์ทางร้านยังมีจานสเปเชียลที่ครีเอตขึ้นมาใหม่เสิร์ฟร่วมด้วย ซึ่งฟีดแบ็กที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าซาลารี่แมนและครอบครัวชาวญี่ปุ่น
Dry Curry (250 บาท) ข้าวผัดผงกะหรี่ราดด้วยซอสแกงกะหรี่จานนี้หากินได้ยาก
Dry Curry (250 บาท) ยากที่เราจะได้กินข้าวผัดแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่น เท่าที่คิจิได้คุยกับเชฟถึงขั้นตอนกว่าจะได้มาซึ่งเมนู ใช่ว่าจะใช้เครื่องแกงกะหรี่ชนิดเดียวแล้วจบ แต่ทางร้านใช้ถึง 2 ตัวด้วยกัน อย่างผงกะหรี่เชฟจะนำไปผัดกับข้าวเมล็ดสั้น ส่วนซอสนั้นจะเลือกใช้เป็นอีกประเภท ทำให้ข้าวผัดแกงกะหรี่ฉบับมุซาชิยะจานนี้แตกต่างจากเมนู แกงกะหรี่ ทั่วไป เอาเป็นว่าอร่อยไม่อร่อยขาประจำที่ร้านก็สั่งมาลงโต๊ะกันแทบทุกวี่วัน
Info
Musashiya
Tel.: 02-662-4714
Address: 1/38-39 ซ.สุขุมวิท 39 ถ.สุขุมวิท
Opening Hours: 11:00-15:00 น., 17:00-24:00 น.
Holiday: –
Website: Musashiya Phromphong