11:00-23:00 น.
ในกรุงเทพร้านราเมนที่ชูเมนูสึเคเมนให้เป็นพระเอกของร้านนั้นบอกเลยว่ามีไม่มาก ซึ่งแตกต่างกับ Fujiyama Go Go ที่นอกจากจะยกให้สึเคเมนเป็นนักแสดงนำ ทางร้านยังครีเอทคาแรคเตอร์แต่ละเมนูให้ไม่ซ้ำจำเจเหมือนเจ้าอื่นๆ ด้วย
อย่างที่จั่วหัวไปตั้งแต่ต้นว่าร้านเป็นเชนที่บินตรงมาจากนาโกย่า โดยที่ญี่ปุ่นมีสาขาตั้งกระจายมากกว่า 50 แห่ง หรือแม้แต่ที่ต่างประเทศเองพี่เขาก็ข้ามน้ำข้ามทะเลไปปักหมุดให้ได้อร่อยกันถึงที่ มีตั้งแต่ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, เชนต์ปีเตอร์สเบริก์ และสหรัฐอเมริกา สำหรับไทยแลนด์ก็ไม่แพ้กันเพราะฟูจิยาม่า โกโกมีสาขาทั้งในกรุงเทพฯและตามหัวเมืองใหญ่ๆ มากกว่า 7 แห่ง เรียกได้ว่าอยากซู้ดราเมนเมื่อไหร่ก็พุ่งตัวไปสาขาใกล้บ้านได้แบบที่ไม่ต้องเข้าเมืองให้ยุ่งยาก
อินทีเรียภายในร้านนั้นก็แฝงไปด้วยรายละเอียดต่างๆ เพื่อสร้างมู้ดแอนด์โทนให้ลูกค้าได้รู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่น ตั้งแต่โคมแดงขนาดใหญ่ทำมือสั่งทำพิเศษที่นาโกย่า แชนเดอเลียร์ประดับถ้วยชาดินน้ำหนักเบาจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุด ผนังที่ก็ได้หยอดเอาความเป็นธรรมชาติอย่างฟางข้าวมาช่วยสร้างมิติให้กับพื้นผิว และในขณะเดียวกันที่กำแพงด้านหลังแต่งด้วยแผ่นเหล็กสีน้ำตาลแดงขึ้นสนิมก็ให้ฟิลลิ่งในแบบเรโทร หรือแม้แต่เตาอุ่นร้อนที่ประจำการในทุกๆ โต๊ะก็เหมือนเป๊ะกับที่สาขาแม่อย่างไรอย่างนั้น
แน่นอนว่าเมนูที่คิจิชิมในวันนี้ยังไง๊ยังไงก็ต้องเริ่มต้นด้วยซิกเนเจอร์ดิชของร้านอย่างสึเคเมนก่อนเป็นอันดับแรก และอย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ต้นว่าที่นี่มีสึเคเมนหลายคาแรคเตอร์หลากรสชาติ เอาแค่ซุปก็มีมากถึง 4 แบบ สำหรับคนไหนเพิ่งลองเป็นครั้งแรก คิจิเองก็อยากให้จิ้มไปที่ Nou Kou Tsukemen ดู ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเพราะน้ำซุปทงคตสึรสชาติเข้มข้น (แต่ไม่เค็ม) เคี่ยวนานกว่า 48 ชั่วโมงจนงวด ท็อปปิ้งก็มาเต็มอย่างหมูชาชู หน่อไม้ปรุงรส (Menma) ต้นหอมญี่ปุ่น และผงปลาโอแห้ง หรือแม้แต่เส้นอวบๆ ลักษณะเหลี่ยมมนที่เสิร์ฟมาให้กินคู่กันทางเชฟก็ต้มมาหนึบหนับพอดิบพอดีแบบที่จิกน้ำซุปได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
ด้านราเมนก็มีให้เลือกอยู่ไม่น้อยเอาที่รสจัดจ้านหวานๆ แซมเผ็ดเหมาะกับคนไทยหน่อยก็เมนู Nagoya Ramen โดยชามนี้พิถีพิถันตั้งแต่เลือกใช้เส้นแบบเรียวเล็กเพราะเหมาะเอาไว้ซู้ดยาวๆ กับซุปโชยุ ยิ่งถ้าได้คลุกหมูผัดปรุงรสจนทั่ว ระดับความเข้มข้นของน้ำซุปก็จะอร่อยเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเลเวลเลยล่ะ
นอกจากเมนูหลักยังมีไซด์ดิชสไตล์นาโกย่าหลายรายการที่น่าสั่ง ตั้งแต่ Tebasaki Karaage ปีกไก่ทอดเทบะซากิราดซอสรสชาติออกเค็มๆ หวานๆ ด้าน Karaage ก็น่ารับประทานด้วยกรรมวิธีแบบเฉพาะตัว ไม่ว่าจะผ่านการหมักซอสสูตรของทางร้าน ก่อนจะนำไปคลุกแป้งเบาๆ แล้วชุบซ้ำด้วยไข่ขาว ดังนั้นไก่คาราอาเกะของร้านจึงกรอบนานและมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ