Mono Sei (โมโน เซอิ)

โอมากาเสะระดับพรีเมียมคอร์ส 24 คำ ดื่มด่ำวัฒนธรรมญี่ปุ่นร่วมสมัยฉบับ Mono Sei

ชวนกินซูชิแบบตามใจเชฟที่ Mono Sei ร้านโอมากาเสะเปิดใหม่ย่านเพลินจิตที่เชื่อมเอารสชาติญี่ปุ่นดั้งเดิมมาเบลนด์เข้ากับความร่วมสมัยโดยเชฟชาวญี่ปุ่นมือฉมัง ให้บริการแบบดินเนอร์คอร์สเสิร์ฟความอร่อยกว่า 24 คำ ในราคา 12,000++ บาท

ตัวร้านมีความเอ็กซ์คลูซีฟให้ฟิลลิ่งส่วนตัวด้วยซ่อนตัวอยู่ในโรงแรม Intercontinental Bangkok ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ตั้งแต่โซนรับรอง ห้องโอมากาเสะใหญ่จุได้ 12 ที่นั่ง กับห้องโอมากาเสะที่ไพรเวทขึ้นมาอีกนิดบริการได้เต็มที่กว่า 8 ท่าน ที่สำคัญหัวหน้าเชฟชาวญี่ปุ่นยังประจำการ ณ ห้องแห่งนี้หมุดหมายก็เพื่อส่งต่อมื้อดีๆ ให้กับลูกค้าทุกคน

ตัวร้านซ่อนตัวอยู่ที่ชั้น G โรงแรม Intercontinental Bangkok

โอมากาเสะในแบบ Mono Sei นั้นจะไม่ได้เสิร์ฟแค่ซูชิแต่เพียงอย่างเดียว ด้วยเพราะเชฟทั้ง 4 ท่านต้องการที่จะสร้างสรรค์คอร์สพิเศษให้เป็นมากกว่าโอมากาเสะ เช่นการผสานกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นเเบบดั้งเดิมมามิกซ์เข้ากับความร่วมสมัย ด้านวัตถุดิบก็เป็นเชฟเองที่คัดสรรทั้งเลือกเฟ้นจากแหล่งที่ดีที่สุด ตลอดจนหน้าตาอาหารที่สะสวยชวนรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดวาง สีสัน ไปจนถึงภาชนะ

ตกแต่งเรียบง่ายให้อารมณ์เซน

เชฟฮาชิโมโตะ ซึโตมุ เชฟชาวญี่ปุ่นผู้รังสรรค์มื้อโอมากาเสะให้คิจิในครั้งนี้

จำนวน 24 คอร์ส ไล่เรียงเสิร์ฟตั้งแต่เวลคัมดริงก์ Karen Na Yuzu เครื่องดื่มที่กลั่นจากข้าวขึ้นชื่อของจังหวัดชิกะเบลนด์เข้ากับยูซุรสเปรี้ยวเพิ่มความสดชื่น ก่อนจะตามด้วยแอพพิไทเซอร์จานเล็กจานน้อยประกอบไปด้วย Shiromi no Nanbanzuke ปลาเนื้อขาวทอดในซอสวิเนการ์ให้รสชาติเปรี้ยวเบาๆ ตัดหวานจากเนื้อปลา Komatsuna no Ohitashi ผักกวางตุ้งลวกเสิร์ฟเย็นท็อปด้วยปลาโอแห้ง และ Jagaimo to Beats no Reisei Soup ซุปมันฝรั่งกับบีทรูทสีสันสวยงามที่เชฟแนะนำให้เรากินเป็นลำดับสุดท้าย

Karen na Yuzu

Shiromi no Nanbanzuke, Komatsuna no Ohitashi และ Jagaimo to Beats no Reisei Soup

ถัดมาคือ Nama Kaki หอยนางรมอิมพอร์ตไกลจากอิวาเตะ เนื้อหวานสัมผัสกรอบเด้ง กินคู่กับสาหร่ายวากาเมะและพอนสึ ต่อด้วย Tsukuri ซาชิมิ 3 อย่างที่หมุนเวียนเปลี่ยนวัตถุดิบตามแต่ละวัน โดยครั้งนี้เชฟเสิร์ฟเป็นฮิราเมะ คัมปาจิ กับชูโทโร่

Nama Kaki

Tsukuri

มาถึง Ankimo ตับปลาอังโคจากโอกินาว่าที่เชฟนำไปต้มกับดาชิเสิร์ฟพร้อมวาซาบิขูดสด จะบอกว่าใครที่กล้าๆ กลัวๆ เพราะไม่เคยลิ้มรสมาก่อน เราอยากให้ถึงฟัวกราส์ทว่าสัมผัสของอันคิโมะเขาจะค่อนข้างหนึบกว่า ทั้งรสชาติหวาน และไม่คาวแม้แต่นิดเดียว Kegani เนื้อปูขนราดมันปูกับซอสคานิซุ ยกมาถึงโต๊ะพร้อมไข่ตุ๋นเนื้อเนียนโปะด้วยเนื้อปูขน อีกหนึ่งจานไฮไลท์ในคอร์สหลักที่เชฟนั้นภูมิใจนำเสนอ

Ankimo

Kegani และ Lobster

Kegani

ของทอดที่อุดมไปด้วยส่วนประกอบอันดีงาม Anago Tempura Uni Caviar Nose ปลาไหลทะเลชุบแป้งเทมปุระทอด ท็อปด้วยบาฟุนอุนิลอนกำลังดี และคาเวียร์ ก่อนที่เชฟจะเสิร์ฟเมนูล้างปากอย่าง Yuzu Sherbet โฮมเมดไอศกรีมเชอร์เบทรสยูซุเปรี๊ยวจี๊ดถึงใจ

Anago Tempura Uni Caviar Nose

Yuzu Sherbet

Engawa คือนิกิริคำแรกของคอร์ส เอ็นกาวะชิ้นพอดีคำเชฟปั้นกับข้าวปรุงรสกลมกล่อม แต้มโชยุเล็กน้อยเสริมรส ค้นพบว่าเอ็นกาวะเข้ากันได้ดีกับข้าวจริงๆ คำต่อมาเป็น Akami Zuke นิกิริฮอนมากุโร่ส่วนเนื้อแดงที่เชฟเอาไปบ่มกับโชยุดาชิ 2 นาที ก่อนยื่นเชฟยังโรยงาคั่วหอมๆ เพิ่มมิติรสชาติให้คนกินอย่างเราได้รู้สึกว่ามากุโร่กับงาก็เข้ากันได้เหมือนกัน ต่อด้วย Kuruma Ebi กุ้งลายเสือญี่ปุ่นต้มเนื้อหวานเด้งบวกมันกุ้ง ปรุงรสอีกครั้งด้วยเกลือสีชมพูหิมาลายันกับมะนาวซึดาจิ จะบอกว่าฟินจนอยากขอเบิ้ลอีกคำ

Engawa

Akami Zuke

Kuruma Ebi

เปลี่ยนบรรยากาศมาซดซุปกับเมนู Aburi Nodoguro Kodonburi ปลาโนโดกุโระย่างโปะบนข้าวเสิร์ฟแบบโอชาซึเกะในซุปปลา บาลานซ์รสชาติด้วยวาซาบิและแต่งกลิ่นด้วยผิวยูซุ Mushi Awabi หอยเป๋าฮื้อต้มสัมผัสดีงาม ดีไซน์มาให้กินด้วยกันกับโฮมเมดซอส 2 รสชาติ อย่างตับหอยเป๋าฮื้อไข่แดงและตับหอยเป๋าฮื้อปรุงกับสาหร่าย ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อกินเสร็จเชฟจะสอบถามว่าเราถูกใจกับซอสตัวไหนเป็นพิเศษด้วยเพราะเชฟต้องการที่จะแถมข้าวให้เราได้อร่อยเพิ่มเติมกับซอสชนิดนั้นนั่นเอง

Aburi Nodoguro Kodonburi

Mushi Awabi

หมวดชาบูชาบูก็มา จานแรกเป็น Taraba Kani ปูทาราบะลวกในดาชิให้พอสะดุ้ง เสิร์ฟพร้อมผักกาดขาวอ่อนกับแครอทต้ม จิ้มกินกับซอสงาก็อร่อย แต่ถ้าอยากได้อะไรที่เบาและสดชื่นกว่าหน่อยก็เลือกจิ้มไปที่พอนสึได้เลย จานถัดมามั่นใจว่าต้องถูกใจกับสายเนื้อ Matsuzaka Gyu no Shabu Shabu เนื้อมัตสึซากะที่เชฟจับแกว่งในซุป อร่อยละลายในปาก และเราจะชอบมากๆ ถ้าได้กินคู่กับซอสพอนสึ ตามด้วยอีกจานที่เชฟเสิร์ฟให้เราได้เคลียร์ลิ้นก่อนจะเข้าสู่นิกิริอีกเซ็ต Mozuku Su สาหร่ายโมซุกุในซอสวิเนการ์ท็อปด้วยอิคุระ ว่ากันว่าเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวโอกินาว่า ใครที่เคยไปมาน่าจะคุ้นเคยกับเมนูกันดี  

Taraba Kani

Matsuzaka Gyu no Shabu Shabu

Mozuku Su

Madai นิกิริปลามาไดปั้นกับข้าวเมล็ดสั้นปรุงน้ำส้มสายชูสูตรเฉพาะพร้อมยูซุเจลลี่ เป็นความร่วมสมัยที่ทำให้เรากินซูชิได้สนุกขึ้น ส่วนท้องของฮอนมากุโร่ Otoro เมนูบังคับในคอร์สโอมากาเสะที่ทุกร้านต้องมีนี่ก็ฟินเกินมาตรฐาน กับ Uni พันธุ์มุราซากิหวานๆ ที่เชฟปั้นแล้วยื่นให้เราได้อร่อยกันถึงมือ ลำดับถัดมาคือ Anago ปลาไหลทะเลต้มราดซอสกับวาซาบิวางมาบนข้าวปรุงรส รวมถึง Shiro Ebi เมนูที่รวมเอากุ้งขาว เนื้อปูขน อุนิ อิคุระ ตลอดจนคาเวียร์ และข้าวซูชิมาอยู่ในจานเดียว ก่อนกินเชฟแนะนำให้คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน สัมผัสครบรสเค็ม หวาน มัน อร่อยเต็มพิกัดจนห้ามตัวเองไม่ให้ยกมือขอเพิ่มไม่ได้

Madai

Otoro

Uni

Anago

Shiro Ebi

ไม่หมดเท่านั้นเชฟยังจัด Lobster ที่คัดมาแต่เนื้อๆ ท็อปมาบนเนื้อปูขนและข้าว กินเสร็จก็ซดซุปมิโซะแดงร้อนๆ ให้คล่องคอ แล้วค่อยต่อด้วย Maki Roll เนเงิโทโร่กับอิคุระมากิ ซูชิอีกแขนงที่คนไหนเคยได้กินก็ต้องเป็นอันติดใจ ก่อนจะปิดท้ายด้วย Tamagoyaki ไข่หวานย่างสูตรเฉพาะกรรมวิธีแสนซับซ้อนปั้มลาย Mono Sei สัมผัสนุ่มละมุนลิ้นราวกับสปอนจ์เค้กเคี้ยวเพลินจนอยากกินเพิ่มอีกหลายๆ คำ 

Lobster และ Miso Soup

Maki Roll

Tamagoyaki

จบคาวก็ต้องต่อด้วยหวาน ตามธรรมเนียมของร้านเชฟจะเสิร์ฟจานหวานคำเล็กคำน้อยพร้อมชาโฮจิฉะร้อนเสมอ เริ่มต้นด้วย Anmitsu ไอศกรีมวานิลลา โมจิ ถั่วแดงกวนเนื้อเนียนหวานน้อย กับผงคินาโกะ ส่วนซอสคุโรมิตสึราดมากน้อยแล้วแต่ชอบ แต่บอกก่อนว่าถ้าใครไม่กินหวานจงราดแค่นิดเดียวพอ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน จากนั้นถึงคิว Catalana ขนมรูปทรงสี่เหลี่ยมสัญชาติสเปน Fruit Daifuku ไดฟุกุองุ่นเขียวกับถั่วแดงกวน และท้ายสุดกับ Fruit no Jelly Yose เจลลี่ผลไม้รวมรสหวานทั้งชื่นใจ

Anmitsu, Fruit Daifuku, Catalana และ Fruit no Jelly Yose