11:00-21:00 น.
“Ohachi Sumiyaki ButaDon” หรือมีชื่อเล่นว่า “Ohachi” ร้านข้าวหน้าหมูย่างเตาถ่านสไตล์ญี่ปุ่นในย่านชิคๆ อย่างอารีย์ ร้านตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารพาณิชย์ในโครงการสนั่นนภา เดินไม่กี่ก้าวจากรถไฟฟ้า (BTS) สถานีอารีย์ มีที่นั่งรับรองเพียง 18 ที่นั่งเท่านั้น และที่สำคัญทั้งร้านมีแค่เมนูเดียว!
“Batadon” เมนูอาหารประเภทหนึ่งของญี่ปุ่นจัดอยู่ในประเภท Donburi สังเกตง่ายๆ ว่าจะต้องมีหมูชิ้นๆ วางโปะอยู่บนข้าวญี่ปุ่น ถือว่าเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากในแดนอาทิตย์อุทัย ด้วยความหอมเฉพาะตัวของเนื้อหมูที่ผ่านการย่างในอุหณภูมิและเวลาที่เหมาะสม ความชุ่มฉ่ำของตัวซอสที่ให้รสกลมกล่อม และข้าวญี่ปุ่นเมล็ดสั้นเล็กนุ่มหนึบ ทำให้ คุณเบียร์-เจ้าของร้าน หลงเสน่ห์เข้าเต็มเปา จนได้คิดค้นสูตรซอสหมูย่างและกรรมวิธีการต่างๆ ในแบบของตัวเองร่วมกับ เชฟต่าย-เชฟอาหารญี่ปุ่นมากฝีมือ กลายเป็นข้าวหน้าหมูย่างถ่านแบบฉบับของร้านในที่สุด
จุดสังเกตเดียวของหน้าร้านคือป้ายตั้งพื้นที่มีรูปข้าวหน้าหมูย่างชามโตโดดเด่นเห็นชัด แค่รูปนั้นก็เพียงพอแล้วกับการยั่วยวนและกระตุกต่อมหิวของเราให้ทำงาน ด้านในมีบันไดเพื่อขึ้นไปยังร้านที่ตั้งอยู่ชั้น 2 ถึงร้านจะไซส์เล็ก มีที่นั่งไม่มาก และทั้งร้านขายแค่เมนูเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ลูกค้ายอมรอต่อแถวยาวเพื่อลองชิม นั่นคือ “รสชาติและขนาดใหญ่โต” ที่เราจะได้สัมผัสในวันนี้นี่เอง
หมู ซอส และข้าว คือวัตถุดิบสำคัญที่สุดของเมนูนี้ และแน่นอนว่าร้านนี้เลือกใช้แต่สิ่งที่ดีที่สุด เพื่อให้แต่ละชามส่งต่อเสน่ห์ความกลมกล่อมลงตัวให้ทุกคนหลงไปด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ หมู คนไทยส่วนใหญ่กลัวอ้วนจากไขมันของหมูเลยหลีกเลี่ยงการกินหมูสามชั้น แต่รู้ไหมว่าทำไมร้านนี้ยังถึงเลือกใช้หมูสามชั้นเป็นวัตถุดิบอย่างเดียวในการทำข้าวหน้าหมูย่าง ก็เพราะว่าหมูสามชั้นเมื่อนำมาย่างจะได้ความนุ่มชุ่มฉ่ำและไม่กระด้าง แต่เพราะไขมันเยอะหลายคนเลยไม่ชอบ ทางร้านเลยนำหมูที่คัดมาอย่างดี ตัดไขมันออกไป 30% ซึ่งไขมันที่เหลืออยู่ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีในการให้ความฉ่ำ แถมไม่ต้องกลัวอ้วนเหมือนเดิมด้วย
และรู้ไหมว่าร้านนี้ย่างหมูกันชามต่อชาม ค่อยๆ ย่างทีละชิ้น ใช้ความอุณหภูมิและเวลาที่พอเหมาะจนได้เนื้อหมูที่นุ่มและหอม ก่อนจะหั่นและจัดใส่ชามเสิร์ฟกันตอนควันฉุย โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที / ชาม ฉะนั้นหากมาช่วงกลางวันหรือเย็นที่คนเยอะๆ โปรดกะเวลาความหิวของตัวเองไว้ก่อน อาจมีคิวก่อนหน้าหลายคิวจะได้ไม่โมโหหิวนะ
ส่วนของ ซอส เชฟต่ายเล่าว่ากว่าจะได้ซอสที่รสชาติกลมกล่อมลงตัวอย่างทุกวันนี้ ผ่านการลองผิดลองถูกมามากมาย จับนู้นผสมนี่คัดสรรแต่วัตถุดิบที่มีคุณภาพมาใส่เท่านั้น และต้องผ่านการเคี่ยวตลอดเวลาหม้อละ 4-5 ชั่วโมง อีกเรื่องที่โดดเด่นของที่นี่คือ ข้าว ทางร้านใช้ข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริ จากจังหวัดนีงาตะ ว่ากันว่าข้าวพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะ เพราะความที่จังหวัดนีงาตะมีภูมิประเทศที่เป็นที่ราบมีแหล่งน้ำอุดสมบูรณ์ เหมาะสมแก่การปลูกข้าวเป็นอย่างมาก และยังเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
เมนูข้าวหน้าหมูย่างของร้านนี้มีทั้งหมด 4 ขนาด เริ่มตั้งแต่ขนาดอนุบาล (Kiddy) ข้าวญี่ปุ่น 200 กรัม หมู 120 กรัม กินหมดชามนี้ก็แน่นแล้วนะ เราว่าเหมาะสำหรับผู้หญิงหรือผู้ชายที่กินไม่จุมาก ด้านบนวางด้วยหมูย่างชุ่มซอส โรยด้วยต้นหอม หากใครอยากซดน้ำซุปด้วยด้วยสามาถสั่งเป็น Miso Soup (28 บาท) และมี Green Tea Ice/Hot (25 บาท) ให้สั่งแบบรีฟีล อีกอย่างที่หลายคนติดใจคือมีชุดโอชาสุเกะ (Ochazuke Set 58 บาท) มาให้ลองสั่ง เมื่อกินข้าวไปได้ครึ่งชามหรืออยากลองรับประทานแบบข้าวต้มก็สามารถเทน้ำซุปลงไปในชามได้เลย เป็นน้ำซุปปลาแห้งร้อนๆ ที่ส่งกลิ่มหอมอบอวล มาพร้อมวาซาบิ ต้นหอม และสาหร่ายเอาไว้ใส่เพิ่มรสชาติ เข้ากันดีมากจนขอกดหัวใจให้เลย
ต่อกับ ขนาดมาตรฐาน (Regular) ข้าวญี่ปุ่น 300 กรัม หมู 200 กรัม ชามนี้นี่บอกเลยว่าอิ่มแล้วอิ่มอีก ถึงแม้ปริมาณทุกอย่างเพิ่มขึ้นแต่มาตรฐานความอร่อยและคุณภาพของวัตถุดิบไม่ลดลงเลยจริงๆ (ผู้หญิงตัวเล็กอย่างเรามีห่อกลับมากินที่บ้านด้วยนะ มันเยอะมาก) นอกจากนี้ยังมี ขนาดมาสเตอร์ (Master) ข้าวญี่ปุ่น 500 กรัม หมู 300 กรัม ให้สั่งอีกด้วย ถ้าคุณคิดว่าขนาดนี้ก็ใหญ่มากแล้วคุณคิดผิด! มาดูชามต่อไปกันก่อน
และนี่คือ! ขนาดดอกเตอร์ (Doctor) ข้าวญี่ปุ่น 800 กรัม หมู 500 กรัม มีความยิ่งใหญ่และความหนักสุดๆ ชามนี้ใครใจไม่แข็งกินไม่จุอย่าสั่งเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นได้ห่อกลับบ้านกินได้อีกหลายมื้อแน่นอน เราเตือนแล้วนะ ความสนุกของร้านนี้ยังไม่หมด ทางร้านยังมีอีกหนึ่งขนาดที่ไม่ได้ทำไว้ขายชื่อว่า ขนาดชาเลนจ์ (Challenge) ซึ่งจะมีข้าว 2 กิโลกรัม และหมู 1.5 กิโลกรัม! ถ้าใครกินหมดกินฟรีได้เลย แต่ถ้ากินไม่หมดทางร้านเก็บ 1,200 บาท/ชาม นะ ที่สำคัญต้องกินคนเดียวห้ามมีใครช่วย บอกเลยว่าเราขอยกธงขาวรอเลยแล้วกัน ยอมแพ้จ้า นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงหลากหลายให้เลือกสั่ง ตั้งแต่ไข่ออนเซ็น (20 บาท), ต้นหอมซอย (20 บาท), กิมจิ (38 บาท) และ สลัดผัก (68 บาท)
เรียกว่า Ohachi (โอฮาชิ) เป็นร้านเล็กที่ใจใหญ่จริงๆ ใครที่ยังไม่เคยลองต้องมาลองแล้วนะ ก่อนมาเช็คเวลาเปิด-ปิดให้ดีเพราะร้านนี้ปิดพักช่วงบ่ายด้วยนะ จดชื่อร้านลงลิสต์ที่ต้องไปได้เลย!