ถ้าจะให้เล่า … คงต้องเล่าย้อนไปไกล ถึงสมัยช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
จากร้านราเมนเล็กๆ ริมถนนย่านฮากาตะ จังหวัดฟุกุโอกะ ค่อยๆ เก็บหอมรอมริบจนในปี 1953 ได้เปิดร้านราเมนเป็นของตัวเองในชื่อ Umaro (ผู้ก่อตั้งร้านคือคุณพ่อของท่านประธานคนปัจจุบัน) ถัดมาอีก 41 ปี ในปี 1994 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น Uma Uma และย้ายร้านมาอยู่หน้าสถานีรถไฟฮากาตะ ทั้งหมดนั่นคือที่มาแบบย่อๆ ของตำนานซุปทงคตสึอันเลื่องชื่อ ที่กล่าวขานกันว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
มาถึงปัจจุบัน เกิดเป็นแฟรนไชส์สาขากรุงเทพฯ ที่มีด้วยกันถึง 3 สาขา ทั้งที่สาขาสุขุมวิทซอย 23 สาขา The Commons ทองหล่อ 17 และสาขาสุรวงศ์ที่เรามากันในวันนี้ สำหรับสาขานี้ตั้งตัวเป็นพื้นที่สำหรับการกินดื่ม พูดคุย และจบมื้อด้วยราเมนสูตรพิเศษ ตามคอนเซปต์ของร้าน “กิน ดื่ม คุย” บรรยากาศจึงมีส่วนผสมของอิซากายะและร้านอาหารแบบไดนิงที่มีทั้งสาเก โชจู และไวน์ ทั้งยังมีอาหารท้องถิ่นจากฮาคาตะอีกด้วย
อย่างแรกที่ต้องพูดถึงคือความโดดเด่นมีสไตล์ในการตกแต่งร้าน ดึงดูดสายตาด้วยอาคารปูนเปลือย 3 ชั้น ที่ผสมผสานตัวอาคารกับโครงสร้างไม้ไผ่ได้อย่างลงตัวและแปลกตา ภายในร้านตกแต่งเรียบง่าย ให้อารมณ์อบอุ่น มีกลิ่นอายของบรรยากาศในแบบเซน ชั้นหนึ่งเป็นพื้นที่ของห้องครัว เคาน์เตอร์ และชุดโต๊ะ เก้าอี้ ทางฝั่งขวามีบันไดเดินไปสู่ชั้นสองของร้าน แบ่งพื้นที่เพื่อยกพื้นสูงสำหรับนั่งรับประทานบนเสื่อแบบญี่ปุ่น เหมาะกับการนั่งสังสรรค์ ส่วนชั้นบนสุดแบ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงไซส์ต่างๆ รองรับความเป็นส่วนตัว


เมนูแรกที่แนะนำ Uma Uma Original Ramen ราเมนน้ำซุปกระดูกหมูรสต้นตำรับของทางร้าน กับความหอมและเข้มข้นของน้ำซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวนานหลายชั่วโมง ให้รสเค็มนิดๆ เรื่องความเข้มข้นบอกเลยว่าไม่แพ้เจ้าอื่นๆ ชามถัดไปเป็น Uma Uma Aka Ramen (Spicy) ราเมนรสเผ็ดร้อนจากส่วนผสมของน้ำมันพริกเผา เข้ากันกับเส้นที่เลือกใช้เส้นขนาดเล็ก กลม เพิ่อรสสัมผัสแปลกใหม่เวลาเคี้ยว


ชามถัดไปแนะนำ Bushi Tonkotsu Ramen ราเมนน้ำซุปกระดูกหมูผสมปลาแห้ง ชามนี้เลือกใช้เส้นราเมนขนาดกลาง เพื่อให้เข้ากับน้ำซุปรสเข้มข้นแต่ไม่เลี่ยน ด้วยส่วนผสมของน้ำซุปกระดูกหมูสูตรของร้านและปลาแห้ง จึงได้กลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมท็อปปิ้งอย่าง หมูชาชู หน่อไม้ ต้นหอม และถั่วงอก ปิดท้ายด้วย 2 เมนูกินเล่นแต่ขายดีสุดๆ Torikawa หนังไก่ปิ้งของดีย่านฮากาตะ โดยใช้หนังไก่คัดพิเศษ ทำการขูดชั้นไขมันใต้ผิวหนังไก่ออกจนหมด ก่อนนำไปเสียบไม้และปิ้งด้วยไฟอ่อนๆ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที จนกระทั่งน้ำมันไหลออกจนหมด จะได้หนังไก่ที่กรอบนอกนุ่มใน กลิ่นและรสชาติของซอสช่วยเพิ่มรสชาติความหวานหอมยิ่งขึ้น และ Tebasaki Karaage ปีกไก่ทอดรสชาติระดับเทพ (ในเมนูเขาเขียนแบบนี้จริงๆ) ทางร้านนำปีกไก่ไปหมักเกลือนิดหน่อย ก่อนนำมาคลุกแป้งบางๆ เพื่อความกรอบ ทอดในน้ำมันร้อนๆ จนสุกก่อนทาด้วยซอสสูตรเด็ด ยกมาเสิร์ฟร้อนๆ หนังกรอบ เนื้อฉ่ำ อร่อยล้ำสุดบรรยาย




นอกเหนือจากนี้ อีกหนึ่งวัฒนธรรมของราเมนสไตล์ฮากาตะ นั่นคือการเลือกเส้นราเมนแบบแข็งที่เรียกว่า “Bari Kata” หรือใครอยากเลือกระดับความแข็งของเส้นราเมนแบบไหน แจ้งกับทางพนักงานได้เลย Uma Uma! อีกหนึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นบรรยากาศดี อาหารอร่อย ที่ไม่ว่าจะไปนั่งซดราเมนคนเดียว สั่งนาเบะกินกัน 2-3 คน หรือสั่งอาหารพร้อมเครื่องดื่มปาร์ตี้ฉลองยกแก๊ง เรามั่นใจ ว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งมื้อพิเศษของคุณ