จ.-ศ. 16:00-23:00 น. (L.O. 22:30 น.), ส.-อา. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11.00-23.00 น. (L.O. 22:30 น.) (หยุดทุกวันพุธ)
ในช่วงเย็นย่ำของวันจันทร์ถึงศุกร์ แสงสว่างของโคมไฟสีแดงหน้าร้านเริ่มทำงานเป็นกิจวัตร เป็นสัญญาณปกติของร้าน Osaka Recipe ที่จะเปิดร้านพร้อมเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมดปรุงจานต่อจานในช่วงมื้อเย็น มื้อที่ได้ชื่อว่าเหมาะแก่การผ่อนคลายและละเลียดกับอาหารได้มากที่สุด
เรานัดพบ คุณกวาง-เจ้าของร้าน ในช่วงร้านเปิด ประมาณเวลาว่าจะไม่รบกวนลูกค้าแต่พอเรามาถึงก็มีลูกค้าเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะและมีพนักงานเดินยกอาหารมาเสิร์ฟในทันถ่วงที คุณกวางเดินมากระซิบกับเราคลายความสงสัยว่าถ้าเป็นลูกค้าที่มารับประทานเป็นประจำเขาจะสั่งผ่านไลน์ของร้านไว้ก่อน บอกเมนูและเวลาที่เข้ามารับประทาน ทางร้านก็จะจัดเตรียมไว้ให้ล่วงหน้า เราถามว่าเคยเจอคนที่จองไว้แล้วไม่มาบ้างไหม คุณกวางตอบด้วยความมั่นใจว่าไม่เคยเจอเลย ลูกค้าบางคนที่สั่งแบบเดลิเวอร์รี่บางครั้งลืมจ่ายค่าอาหารและเราก็ลืมด้วย ลูกค้าต้องทวงเรายังมีเลย คุณกวางตอบพร้อมแกล้มเสียงหัวเราะจนเราอดยิ้มตามด้วยไม่ได้ เราว่าความสัมพันธ์ของร้านนี้กับลูกค้าคล้ายเพื่อนสนิท รู้ใจกัน พึ่งพากันได้ทุกเวลาอย่างสบายใจ ยังคุยกันไม่จบดีลูกค้าคนใหม่ก็เดินเข้ามา คุณกวางขอตัวไปเสิร์ฟอาหารสักครู่ระหว่างนี้ให้เรานั่งรอที่โต๊ะเดี่ยวสักพัก
ด้วยความกะทัดรัดของตัวร้านทำให้เรากวาดสายตาทั่วร้านได้อย่างรวดเร็ว บรรยากาศตกแต่งสไตล์คาเฟ่มีที่นั่งรับรองประมาณ 10 กว่าที่นั่ง ทั้งโซนบาร์ และโต๊ะเดี่ยว มองลอดเข้าไปในครัว พบเชฟคนญี่ปุ่นกำลังตระเตรียมอาหารมือเป็นระวิง คุณกวางแนะนำว่าคนนี้คือเชฟคนญี่ปุ่นที่ควบตำแหน่งเจ้าของร้าน ชื่อว่าคุณอิโนโอะ ชิเคโอะ (Shigeo Inoo) เชฟชาวญี่ปุ่นจากเมืองโอซาก้า เป็นคนสำคัญอีกหนึ่งคนที่ร่วมก่อตั้งร้านตั้งแต่ปี 59 ดูแลทุกเมนูของร้านอย่างตั้งใจ ตั้งแต่ออกไปจ่ายตลาดเลือกวัตถุดิบเองในช่วงเช้าตรู่ ใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบตลอดวันให้พร้อมก่อนจะเปิดร้าน ที่สำคัญเชฟพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว หากมีเวลาพักเล็กน้อยคั่นหลังจากทำออเดอร์เสร็จเชฟจะออกมานั่งคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง สอบถามความพึงพอใจของแต่ละเมนู เพราะเชฟจะนำไปพัฒนาและปรับปรุงทุกเมนูอย่างสม่ำเสมอ จริงๆ แล้วก็เหมือนมากินข้าวเย็นบ้านเพื่อนชาวญี่ปุ่นเหมือนกันนะเนี่ย
เมนูอาหารของที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นที่สามารถรับประทานได้ในทุกวัน คุณกวางยื่นเมนูเล่มใหญ่มาให้ พร้อมกับหยิบเมนูแผ่นบางอีกแผ่นขึ้นมาแนะนำ ในเมนูแผ่นบางบรรจุ Special Menu ของแต่ละวันที่ต่างกัน อย่างวันที่เราไป (วันพฤหัสบดี) จะมีแฮมเบิร์กเป็นเมนูพิเศษ เป็นแฮมเบิร์กที่เชฟคนญี่ปุ่นใส่ใจตั้งแต่เลือกเนื้อที่จะมาบด และปรุงซอสรสหวานเค็มกลมกล่อมเองทุกขั้นตอน กินตอนร้อนๆ กับข้าวญี่ปุ่นเมล็ดนุ่มเข้ากันเป็นที่สุด
ด้วยความที่เชฟมาจากเมืองโอซาก้า เมนูอาหารส่วนใหญ่จึงมีรสชาติสไตล์โอซาก้าตามไปด้วย อย่างเมนูแรก Okonomiyaki พิซซ่าญี่ปุ่นที่เสิร์ฟมาในขนาดกำลังดี ประกอบด้วยเนื้อแป้งด้านบนให้สัมผัสกรุบกรอบตัดกันกับแป้งด้านในที่เหนียวนุ่ม ผสมด้วยเนื้อหมูชิ้นบางเคี้ยวง่าย ผักกะหล่ำหั่นสี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก และโรยหน้าด้วยปลาโอแห้งฝอยพอประมาณ ตักกินตอนร้อนๆ จะได้รสชาติที่กลมกล่อมที่มากๆ
อีกหนึ่งเมนูที่ทำเอาหลายคนติดใจจนกลับมาสั่งใหม่หลายต่อหลายครั้งกับ Katsu Curry แกงกะหรี่น้ำข้นที่ผสมเนื้อไก่ฉีกชิ้นฝอย เพิ่มสัมผัสเข้มข้นของน้ำแกง รสชาติอาจไม่เข้มเท่าที่เคยได้ชิมมาแต่ความหอมของเครื่องเทศในจานนี้ก็ยังโดดเด่นไม่แพ้ใคร อีกอย่างที่เข้ากันได้ดีมากกับเมนูนี้คือหมูทอดทงคัตสึกรุบกรอบที่วางมาจนพูนจานนั่นเอง
เมนูต่อไปที่ทางร้านอยากแนะนำและเราเห็นด้วยว่าต้องแนะนำคือ Chicken Namban ซอสทาร์ทาร์ของร้านนี้สัมผัสนวลเนียนละมุน ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวทั้งไข่ มายองเนสและวัตถุดิบอื่นๆ ทำให้รสชาติที่ได้กลมกล่อมแบบพอดี เมื่อกินคู่กับไก่ที่ทอดมาจนหนังด้านนอกกรอบแต่เนื้อด้านในยังชุ่มฉ่ำ ก่อนราดด้วยซอสนัมบังสีน้ำตาลใสให้รสหวานเค็ม ทุกคำของเมนูนี้จึงเป็นความประทับใจที่ต้องเก็บมาบอกทุกคนว่า อยากให้มาลองด้วยตัวเองจริงๆ
ถ้าให้เปรียบ Osaka Recipe (โอซาก้า เรสซีพี) เป็นเพื่อนสักคน คงเป็นเพื่อนที่มีลักษณะนิสัยที่เข้าอกเข้าใจคนอื่น มองโลกในแง่ดี ยิ้มรับปัญหา รู้จุดดีด้อยปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ และพร้อมเปิดประตูเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อนทุกคนได้เดินเข้ามาซบไหล่หัวเราะหรือร้องไห้อย่างเต็มใจ ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนประมาณนี้แหละที่เรารู้สึกว่าร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้คือพื้นที่พักท้องพักใจที่ใหม่ของเรา