อ.-พฤ. 18:00-23:00 น., ศ. 18:00-24:00 น., ส. 11:30-15:00 น., 17:00-24:00 น., อา. 11:30-15:00 น., 17:00-22:00 น. (หยุดวันจันทร์)
ในส่วนของพิกัดร้านเรียกได้ว่าซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กๆ ย่านทองหล่อ ซึ่งว่ากันด้วยบรรยากาศก็ดีงามทั้งไม่เอะอะอึกทึกเหมือนกับอิซากายะทั่วๆ ไปที่เราคุ้นชินกัน ตัวร้านมี 2 ชั้นแบ่งโซนโต๊ะที่นั่งเป็นสัดส่วน จะเลือกมาเดี่ยว มาคู่ หรือในกรณีที่ยกกันมาเป็นกลุ่ม Kenji’s Lab (เคนจิ แล็บ) ก็มีรับรองอยู่ครบถ้วนในทุกๆ ความต้องการ
แม้ร้านจะเปิดให้บริการมาเข้าปีที่ 7 ทว่าทุกวันนี้เชฟนากายามะ เคนจิ (Kenji Nakayama) ผู้ที่ควบตำแหน่งทั้งหัวหน้าพ่อครัวและเจ้าของร้านก็ยังคอยคิดค้นรวมถึงพัฒนาสูตรอาหารใหม่ๆ อยู่ไม่ขาด โดยจะเห็นได้จากลิสต์จานสเปเชียลประจำวันที่มีให้เลือกสั่งยาวเต็มหน้ากระดาษ A4 นี่ยังไม่นับรวมเมนูอาหารในเล่มที่ทางร้านยินดีเสิร์ฟอยู่ตลอดอีกกว่า 100 รายการ ครบตั้งแต่จานออเดิร์ฟยันเมนูกินเอาอิ่มอีกทั้งของหวานหนึ่งเดียวอย่างไอศกรีมมัทฉะกับถั่วแดงกวน
และถึงจะเป็นร้านแนวอิซากายะ แต่กลับไม่ได้เสิร์ฟเฉพาะอาหารญี่ปุ่น ด้วยที่นี่ยังมีเมนูแนวลูกผสมซึ่งเชฟได้หยิบเอาวัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่นมามิกซ์เข้ากับเทคนิคการปรุงในแบบตะวันตก เหมือนกับที่ครั้งนี้คิจิได้ชิมเมนูขึ้นชื่อของร้าน ซึ่งก็มีทั้งแนวญี่ปุ่นจ๋าไปจนถึงจานอิตาเลียนใส่อินกรีเดียนท์ถูกปากคนญี่ปุ่นอย่างเมนไทโกะ
เริ่มจากซิกเนเจอร์ออเดิร์ฟกินง่ายๆ แต่ขั้นตอนสุดจะซับซ้อนแถมกินเวลากว่า 2 วัน อย่าง Smoked Samma ที่เชฟต้องนำปลาซัมมะล้างสะอาดไปหมักนานข้ามคืนในน้ำปรุงสูตรเฉพาะ ก่อนจะเอาไปตากแดดให้แห้งสนิทแล้วจับไปรมควันอยู่ 2-3 ชั่วโมงให้สุกหอมด้วยไม้ซากุระ สำหรับจานนี้ทางร้านจะเสิร์ฟแบบเย็นมอบรสชาติเค็มบางๆ และคิดมาแล้วว่ากินคู่กับผักชีลาวเป็นอะไรที่เข้ากั๊นเข้ากันที่สุด!
Seared Tuna Ponzu คืออีกจานที่ถูกออเดอร์ถี่ไม่แพ้กัน โดยทางร้านได้คัดส่วนของชูโทโร่มาลงเซียร์กับกระทะ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสพอนสึปรุงใหม่สูตรของเชฟ หัวไชเท้าบดรสเผ็ด สาหร่าย แรดิชซอย และหัวไชเท้าซอย
เมนูปิ้งย่างของ Kenji’s La b นั้นก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจโดยเฉพาะกับจาน Grilled Beef Tongue ลิ้นวัวย่างที่เชฟปรุงรสเพียงแค่เกลือพริกไทย หั่นเสิร์ฟเป็นแนวยาวไม่หนาไม่บาง พร้อมด้วยซีกเลมอนที่ตั้งใจให้บีบราดก่อนรับประทานถึงจะครบมิติทุกความอร่อย
มาที่เมนูหลักแนวลูกผสมอย่าง Cream Sauce Mentaiko กันบ้าง ด้วยหน้าตาหลายคนอาจจะลังเลว่าเลี่ยนไม่เลี่ยน แต่เมื่อได้ชิมจะพบว่าทางร้านปรุงรสชาติออกมาได้พอดิบพอดี ตัวซอสเข้มข้นในแบบครีมตัดรสเผ็ดด้วยเมนไทโกะ ผัดกับเส้นสปาเก็ตตีที่เชฟเลือกใช้เป็นเบอร์ 5 ต้มมาแบบอัลเดนเต้ ถึงแม้จานนี้จะเสิร์ฟมาในพอร์ชั่นที่ค่อนข้างใหญ่ แต่เรามั่นใจว่าไม่ใครก็ใครที่ได้ชิมเป็นต้องซู้ดเส้นจนเกลี้ยงชามกันทุกรายชัวร์
ในพาร์ทของจานหวานปิดท้ายมื้อ Matcha Green Tea Ice Cream คือตัวเลือกที่ถูกต้อง ทั้งมัทฉะไอศกรีมและถั่วแดงกวนล้วนเป็นแบบโฮมเมดสูตรของทางร้าน ด้านรสชาติก็อร่อยลงตัวด้วยไอศกรีมติดขมเล็กๆ ตามสไตล์มัทฉะผสานเข้ากับถั่วแดงกวนเนื้อเนียนที่เชฟปรุงออกมาแบบหวานน้อย ซึ่งใครที่ชอบของหวานเป็นชีวิตจิตใจแต่เซย์โนวอะไรที่หวานจัดๆ แนะนำว่าให้สั่งเพราะมันอร่อยแบบที่ต้องขอเบิ้ลเลยล่ะ