จ.-ศ. 17:00-23:00 น., ส.-อา. 11:30-15:00, 17:00-23:00 น. (Omakase 18:00, 20:00 น.)
ไม่ต้องไปถึงเซนไดมาที่นี่ก็มีวากิวชั้นยอดให้กิน
หลายคนกินเนื้อคาโกชิม่าเนื้อโกเบมาก็บ่อย ไฉนเลยจะไม่อยากลองเนื้อใหม่ๆ เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง อย่างเนื้อเซนไดเกรด A5 แห่งจังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น ที่จะเข้ามาเติมความสุขให้ทะลุถึงเพดานขึ้นไปอีก 10 เลเวล
ซึ่งการที่คุณจะได้กินเนื้อเซนได Marbling Score ระดับสูงสุดในราคาที่เป็นมิตรกว่าชาวบ้าน ต้องมาที่ Nikutei Arata ร้านอาหารญี่ปุ่นน้องใหม่ในซอยสุขุมวิท 39 ที่แม้จะเปิดให้บริการมาไม่นาน แต่ด้วยคุณภาพวัตถุดิบที่คัดสรรมาจากฟาร์มโดยตรง ทั้งยังโฟกัสไปที่เนื้อเซนไดแต่เพียงชนิดเดียว ทำให้ใครต่อใครต่างถูกใจจนขอผูกปิ่นโตเป็นขาประจำ
ตัวร้านให้บรรยากาศในแบบญี่ปุ่นร่วมสมัยทว่าได้รวมไว้ซึ่งหลายมู้ดในที่เดียว เช่นมุม Chef’s Table ที่ลูกค้าสามารถชมฝีมือการปรุงอาหารของเชฟได้อย่างใกล้ชิด ข้างๆ กันคือโซนที่นั่งสำหรับ 2-4 ท่านมีฉากหลังเป็นศิลปะบนผนังให้หวนนึกถึงแดนอาทิตย์อุทัยระหว่างดื่มด่ำกับอาหาร อีกทั้งด้านหลังยังมีบริเวณให้นั่งแบบหย่อนขาขนาบข้างด้วยตู้ปลายาวกว่า 4.3 เมตร ไปจนถึงห้องส่วนตัวเหมือนอยู่ในท่ามกลางอควาเรียมสักแห่งที่ประเทศญี่ปุ่น
แต่ก่อนจะไปฟินกับเนื้อเซนไดกันแบบเต็มคราบ คิจิอยากให้ชิมนานาเมนูแอพพิไทเซอร์ของร้านเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อน โดยขอไล่เรียงจากซ้ายไปขวา เริ่มจาก Tara Chanja ไส้ปลาทาระหมักซอสรสชาติออกเผ็ดนิดๆ Uma Suisho กระดูกอ่อนปลาฉลามหมักบ๊วยสัมผัสกรุบอมเปรี้ยวเคี้ยวสนุก และเนื้อเซนไดสับผัดกับมิโซะพลางหอมกลิ่นส้มยูซุที่เหมาะจะกินคู่กับแตงกวาฝานบางเป็นที่สุด
ด้านเมนูคั่นรายการก็พูดได้อย่างเต็มปากว่าที่นี่เขาปรุงแบบโฮมเมด อย่าง Goma Tofu เต้าหู้งาเนื้อเนียนในซอสโชยุปรุงใหม่สไตล์ Nikutei Arata ที่ใครไม่คุ้นกับงาก็สามารถเอนจอยไปกับเมนูนี้ได้แบบสบายมาก กับอีกเมนู Wagyu Reisyabu Salad ผักกรอบๆ ตามฤดูกาลโปะหน้าด้วยเนื้อเซอร์ลอยน์เซนไดส่วนหลังสไลซ์พร้อมกับรากบัวและโกโบทอดกรอบ ยิ่งเมื่อได้ราดน้ำสลัดงาข้นๆ ฝีมือเชฟให้ชุ่มนะ ฟินลื้มมม
และด้วยความที่ Nikutei Arata เขาจริงจังเรื่องเนื้อโดยเน้นไปที่เซนไดกิวของจังหวัดมิยางิ เมนูส่วนใหญ่ของที่นี่เมนอินกรีเดียนท์จึงหนีไม่พ้นเนื้อ เนื้อ เนื้อ แล้วก็เนื้อ ไม่ว่าจะนิกิริเซนไดกิวส่วนท้อง Ootoro Wagyu Nigiri ที่เชฟแต้มวาซาบิมาให้พร้อม สะดวกคนกินอย่างเราไม่ต้องไปผสมวาซาบิกับโชยุให้ยุ่งยาก ต่อด้วยอีกคำกับ Wagyu Zuke Nigiri ซูชิหน้าเนื้อเซนไดส่วนสะโพกหมักซอสซึเกะสูตรของทางร้าน และอยากจะบอกว่าข้าวซูชิเชฟก็ปรุงมาให้ได้รสเหมาะกับเนื้อระดับ A5 โดยเฉพาะด้วยนะ
ถ้าจะให้มื้อนี้ครบถ้วนก็ต้องหาอะไรร้อนๆ มาซดให้คล่องคอกันสักหน่อย เอาที่คิจิว่าน่าประทับใจจนอยากแนะนำเลยก็ Sendai Beef Set ชุดชาบูชาบูเนื้อวากิวเซนไดที่เสิร์ฟมาให้แบบจัดเต็มตั้งแต่เนื้อเซนไดส่วนสันใน, ผักนานาชนิด, เต้าหู้ และน้ำจิ้มชาบูชาบูทั้งสองรส แถมทางร้านยังเพิ่มออฟชั่นเสริมให้สนุกขึ้นด้วยหม้อชาบูชาบูหลายขนาดให้เลือกจุ่ม ตอบโจทย์ลูกค้าตั้งแต่มาคนเดียวหรือมาเป็นกลุ่มก็ไม่มีปัญหา
ของกรอบของทอดก็ไม่อยากให้ขาด คิจิเลยจัด Wagyu Rosu Katsu มาบอกต่ออีกจาน ซึ่งทางร้านก็ทำได้ดีตั้งแต่เกล็ดขนมปังบางกรอบ เซนไดกิวสันนอกที่ก็ทอดมาในระดับมีเดียมแรร์น่าจิ้มเข้าปาก และที่สำคัญที่สุดคือไม่มีชิ้นไหนอมน้ำมันให้เสียเกียรติของความเป็นของทอด
พาร์ทของสเต็กนี่ก็อร่อยฟินไปถึงดาวอังคาร ซึ่งเชฟเล่าให้คิจิฟังว่านอกจากคุณภาพของเนื้อ สำหรับเตาย่างเองก็จำเป็นต้องวอร์มให้ร้อนในระยะ 150 องศาเซลเซียสถึงจะสามารถนำเนื้อลงไปดาดกับเตาหินภูเขาไฟได้ แน่นอนว่าเมนู Sirloin Steak ก็ใช้วิธีที่กล่าวมาข้างต้นเช่นกัน อ้อ! เชฟยังแนะนำอีกว่าถ้าอยากจะลิ้มรสเนื้ออย่างแท้จริง ต้องกินคู่กับกลือหิมาลายันสีชมพูและน้ำมะนาว ถึงจะเป๊ะปังที่สุด
ปิดท้ายด้วยจานที่จะทำให้คุณอิ่มท้องแบบยาวๆ กับข้าวราดแกงกะหรี่เนื้อเซนได Tokusei Beef Curry แม้ตัวแกงกะหรี่จะมีเทกซ์เจอร์ที่ค่อนไปทางซุป ผิดกับรสชาติที่เข้มข้นเครื่องแกงกะหรี่สุดๆ ข้าน้อยขอยกนิ้วให้เลย