Yakiniku Kirabi (ยากินิกุ คิราบิ)

Yakiniku Kirabi ปิ้งไป ย่างไปในห้องส่วนตัว

หลายเรื่องราวอาจเริ่มขึ้นบนโต๊ะอาหารรวมถึงในร้านยากินิกุด้วย ดังนั้นความเป็นส่วนตัวจึงค่อนข้างสำคัญ ร้าน Yakiniku Kirabi (ยากินิกุ คิราบิ) สาขานี้จึงมีแต่ห้องส่วนตัวรวมทั้งหมด 10 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องแตกต่างกันไปตั้งแต่ 2-8 ที่นั่ง มีเฟอร์นิเจอร์ให้เลือกทั้งเก้าอี้โซฟาและเก้าอี้ไม้ นอกจากนั้นทางร้านยังคัดสรรแต่เนื้อระดับพิเศษเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม 4 รสชาติ ที่คิดมาแล้วว่าเนื้อย่างต้องรับประทานกับเครื่องปรุงรสชั้นเลิศแบบนี้เท่านั้น อาทิ วาซาบิกับโชยุ น้ำจิ้มผสมสูตรเฉพาะของร้าน น้ำจิ้มมิโซะสูตรโฮมเมด หรือแม้กระทั่งเกลือสาหร่ายที่ให้รสชาตินุ่มละมุนที่ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น

ในประเทศไทยตอนนี้มีทั้งหมด 2 สาขา  คือ สาขาสุขุมวิท 51 และสาขาที่เรามาในวันนี้คือ สาขาสุขุมวิท 23  นั่นเอง หน้าร้านเป็นประตูบานเลื่อนไม้สีเข้ม มีแท่นวางเมนูตั้งไว้สำหรับใครที่อยากเลือกจานที่ถูกใจก่อนเข้าไปสั่ง  วันนี้เรามีนัดกับคุณนากาอิ ทาคุ–ผู้จัดการร้านสาขาสุขุมวิท 23 คุณนากาอิเล่าว่าร้านนี้ตั้งใจให้คนไทยได้ลองกินเนื้อวากิวคุณภาพดี ในราคาที่เอื้อมถึง และได้รสชาติเนื้อในแบบญี่ปุ่นที่แท้จริง เราแอบถามถึงที่มาของชื่อร้านว่าทำไมต้อง “คิราบิ” ทราบว่ามาจากคำว่า “Kira Kira” ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า เปล่งประกายส่องแสงแวววาวระยิบระยับ เราว่าน่าจะคล้ายแสงไฟในเตาย่างที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้เป็นแน่

คุณนากาอิ ทาคุ–ผู้จัดการร้านสาขาสุขุมวิท 23

ทำไมสาขานี้มีแต่ห้องส่วนตัว?

คุณนากาอิเล่าว่า สาขานี้ส่วนใหญ่มีแต่คนญี่ปุ่นมานั่งคุยธุรกิจกันเยอะมากๆ เป็นการคุยไปด้วยกินไปด้วย ลูกค้าหลายท่านเลยต้องการห้องส่วนตัวเพื่อการนี้ จึงไม่มีโต๊ะเดี่ยวแยกอย่างที่เราเคยเห็นทั่วไป ภายในแบ่งเป็นห้องส่วนตัวเล็ก ใหญ่ รวมกันทั้งหมด 10 ห้อง หลากหลายทั้งขนาดห้องและเฟอร์นิเจอร์ มีทั้งเก้าอี้โซฟา และเก้าอี้ไม้ ห้องเล็กสุดรองรับได้ 2 คนและห้องใหญ่สุดรองรับได้ 8 คน

ห้องขนาดใหญ่ ที่นั่งเป็นเก้าอี้โซฟา รองรับได้ 4-5 คน

ห้องขนาดเล็ก ที่นั่งเป็นเก้าอี้โซฟา รองรับได้ 2 คน

ห้องขนาดใหญ่ ที่นั่งเป็นเก้าอี้ไม้ รองรับได้ 8 คน

ในส่วนของเมนูอาหารร้านนี้ใช้วากิวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ มีสัดส่วนของไขมันและเนื้อแดงที่สมส่วนทำให้ได้รสชาติเนื้อเต็มที่ เราขอเริ่มที่ Kuroge Wagyu Set เนื้อส่วนต่างๆ ของคุโรเกะ วากิวชั้นดี 5 อย่าง อย่างละ 3 ชิ้น ที่คัดเลือกเนื้อที่ดีที่สุดของวันมาเสิร์ฟให้ ที่รับรองเลยว่าแต่ละชิ้นละลายในปากไม่แพ้กัน เช่น  Kurashita เนื้อช่วงไหล่ ที่มีไขมันแทรกระหว่างเนื้ออย่างสวยงาม เมื่อคีบไปวางบนเตาถ่านร้อนๆ จะส่งกลิ่นหอมกรุ่นยั่วจมูก เพราะไขมันที่แทรกอยู่ค่อยๆ ละลายจนได้รสชาติหวาน เนื้อเนียนนุ่ม และที่สำคัญให้ความรู้สึกละลายในปากขั้นสุด!

Kuroge Wagyu Set (1,280 บาท)

จานต่อไปทางร้านแนะนำมากๆ นั่นคือ Jyo Karubi เนื้อซี่โครงคัดพิเศษมีไขมันกระจายอยู่ทั่ว ถือเป็นเนื้อยอดฮิตในหมู่คนญี่ปุ่น และข้อสำคัญไม่ควรย่างนานเพราะจะทำให้เนื้อเหนียว หมดความอร่อยไปได้ง่ายๆ เนื้อลายสวยคุณภาพดี ราคาน่ารักมากเรียกว่าหาที่ไหนไม่ได้แล้ว

Jyo Karubi (290 บาท)

จานต่อไปก็เด็ดไม่แพ้กันกับ Beef Tongue With JP Leek in Garlic Salt Sauce เนื้อส่วนลิ้น มาพร้อมซอสกระเทียมและหอมญี่ปุ่น เป็นเมนูที่ถูกใจหลายคนเพราะความกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน แม้จะไม่มีรสชาติมากแต่หากได้ลองทีไรมักติดใจทุกราย

Beef Tongue With JP Leek in Garlic Salt Sauce (290 บาท)

ในส่วนอาหารทะเลที่คนส่วนใหญ่นิยมก็มีให้เลือกหลากหลาย เช่น Oyster เสิร์ฟหอยนางรมชิ้นโตถึง 4ชิ้น มั่นใจได้เลยว่าสดใหม่ ไร้กลิ่นคาวแน่นอน หรือใครชอบ Kani Miso มันปูย่างร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งเต็มห้อง เชื่อว่าใครก็ไม่สามารถอดใจไหว

Oyster (198 บาท)

Kani Miso (280 บาท)

กินเนื้อแล้วก็ต้องกินผักบ้างนะ อย่าลืมสั่งเมนู Kirabi Set Menu (80 บาท) ด้วย คือเซ็ตผักห่อ ผักย่าง ยำถั่วงอก และชาอู่หลงชาสีดำ นั่นเอง

เสียงฉ่า ฉ่า ดังมาเป็นระยะกระตุ้นต่อมหิวได้ดีจริงๆ เลยแค่คิดว่าจะได้สัมผัสเนื้อรสหวานนุ่มละมุนลิ้นและเมนูเด็ดๆ ของร้านแล้วก็น้ำลายสอ นอกจากจะได้ความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังได้รับความอร่อยและเต็มอิ่มกับยากินิกุแบบฉบับญี่ปุ่นขั้นสุดอีกด้วย บอกได้คำเดียวว่า ห้ามพลาด! ตอนนี้ขอตัวไปย่างเนื้อก่อนนะ…ขอโทษด้วย อดใจไม่ไหวจริงๆ