Shakariki 432″ (สาขา Bizzo Bangna)

Shakariki 432″ อิซากายะสุดครื้นเครงสไตล์โอซาก้ากับสาขาใหม่ที่แลนด์ดิ้งถึงย่านบางนาแล้ว

น่าจะเป็นอิซากายะที่มีสาขามากที่สุดในไทยแล้วล่ะ ที่ว่าอย่างนั้นก็เพราะ Shakariki 432” ตอนนี้ได้ขยายความอร่อยกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ กว่า 30 สาขาเข้าไปแล้ว

และก็แน่นอนว่า Shakariki 432” สาขาล่าสุดที่โครงการ Bizzo Bangna นั้นก็คีพคาแรคเตอร์อิซากายะเฮฮาสไตล์โอซาก้าไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เก็บหมดทั้งดีเทลรูปปั้นโมอายที่เป็นเสมือนมาสคอตของร้าน ว่ากันด้วยชื่อเสียงเรียงนามก็เปลี่ยนไปตามแต่ละสาขา ไหนจะโคมญี่ปุ่นสีแดงแขวนยาวจากเพดานใส่ประโยคเด็ดแบบไม่ซ้ำด้วยมือผู้เป็นเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่น อีกทั้งภาพการ์ตูนล้อเลียนตามผนัง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคือลายเซ็นที่ชัดเจนมากๆ ของชาการิกิ 432”

ต้อนรับด้วยโมอาย รูปปั้นที่เป็นเสมือนมาสคอตของชาการิกิ 432″

โซนที่นั่งแบบหย่อนขาที่ร้านก็มีรับรอง

ส่วนโต๊ะเดี่ยวก็มีให้จับจองเช่นกัน

ความเป็นกันเองของที่นี่ยังแสดงออกผ่านกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่ Board Game สำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการสามารถหยิบไปเล่นได้เลยฟรี มีวงดนตรีสดเล่นทุกวันช่วง 19:00 – 21:00 น. หรือโต๊ะไหนที่กินครบ 2,000 บาทขึ้นไปทางร้านก็มีแคมเปญ Shaka Challenge ให้ลูกค้าได้ร่วมเล่นเกมชิงเครื่องดื่มไม่ก็ของหวาน แต่ถ้าใครเลือกมาปาร์ตี้วันเกิดที่ร้านก็รับของหวานหน้าตากวนโอ๊ยฟรีเพียงแค่แสดงบัตรประชาชน

ในทุกๆ วันตั้งแต่เวลา 19:oo-21:00 น. ที่ร้านมีวงดนตรีสดมืออาชีพมาเพิ่มมวลบรรยากาศให้สนุกสนานยิ่งขึ้น 

ในส่วนของเมนูเรียกว่ามีครบแทบทุกหมวดอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นแอพพิไทเซอร์จานเล็กจานน้อยเอาไว้เป็นกับแกล้ม สลัด ซาชิมิ ซูชิ โรล ยากิโทริ นาเบะ ราเมน ดงบุริ อุด้ง รวมถึงเมนูโซลฟู้ดฉบับโอซาก้าอย่างคุชิคัตสึ โอโคโนมิยากิ และที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือเซ็ตทาโกยากิอร่อยด้วยตัวเอง ตลอดจนอาหารเสิร์ฟเป็นเซ็ตจ่ายต่อหัว (เงื่อนไขง่ายๆ คือต้องมา 4 คนขึ้นไป) เริ่มต้นที่ 800, 1,000 และ 1,200 บาท สิทธิประโยชน์คือโปรโมชั่นนี้ยังสามารถสั่งเครื่องดื่มตามลิสต์มาจิบได้ไม่อั้นนาน 90 นาทีอีกด้วย

อย่างเมนูแนะนำที่เราขอเชียร์ว่าสั่งเถอะก็มี Otokomae Funamori เซ็ตซาชิมิ 10 อย่างเสิร์ฟมาบนเรืออลังการ แล่วางเรียงซะสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นอากามิ ชูโทโร่ โอโทโร่ มาได ฮามาจิ โฮตาเตะ อุนิ อิคุระ และแซลมอน เคียงมาพร้อมโอโรชิพอนสึที่จะเป๊ะปังมากถ้าได้กินกับปลาเนื้อขาว ว่ากันด้วยเรื่องความคาวก็คือเป็นศูนย์เพราะวัตถุดิบทุกตัวคือสดใหม่ส่งตรงจากทะเล เป็นต้นว่าฮอนมากุโร่ของที่ร้านนั้นก็นำเข้ามาจากหมู่เกาะโกะโตจากจังหวัดนางาซากิเลยทีเดียว

Otokomae Funamori (980 บาท)

ส่วนซูชิโรล Pirikara Salmon Roll จานนี้ก็น่าประทับใจกับไส้อะโวคาโด แตงกวา และโทบิโกะ ม้วนรอบด้วยข้าวซูชิปรุงรส ไม่พอเพราะเชฟบวกท็อปปิ้งเป็นแซลมอนสับราดกับสไปซี่ซอสสูตรเฉพาะของชาการิกิ 432” เข้าไปอีกชั้น ใครที่ชอบแซลมอนมากๆ บอกไว้ตรงนี้เลยว่าต้องลอง

Pirikara Salmon Roll (320 บาท)

ท้ายสุดกับ Buta Kimuchi Nabe อีกรายการสำหรับใครที่ชอบกินอาหารรสจัด ในหม้อมาพร้อมกับหมูสามชั้นสไลซ์ กิมจิ เต้าหู้ และผักนานาชนิด กินคู่กับซุปมิโซะรสเผ็ด รสเด็ดจนไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มขนาดนั้นเลยล่ะ  

Buta Kimuchi Nabe (380 บาท)