11:30-22:00 น.
ชวนเปลี่ยนบรรยากาศมาคีบเนื้อหน้าเตากันบ้าง หลังจากคิจิพาไปกินซูชิติดๆ กันแบบไม่มีพักมาแล้ว สำหรับ Bugendai Teppanyaki ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวเทปปันยากิในโครงการ The Nine พระราม 9 ที่นอกจากจะมีลีลาของเชฟเสริมอรรถรสระหว่างมื้ออาหาร ชนิดเนื้อคัดพิเศษของร้านยังมีให้เลือกกว่า 5 สายพันธุ์จาก 5 เมืองในญี่ปุ่น
จะเรียกว่าเป็นน้องใหม่ในวงการร้านอาหารญี่ปุ่นก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะ Bugendai Teppanyaki เป็นร้านที่แตกแยกย่อยมาจาก Kabocha Sushi ที่ตอนนี้ขยายความอร่อยไปทั่วทุกสารทิศกว่า 10 สาขาในกรุงเทพ ในส่วนของบุเกนไดเองจะเน้นคอนเซ็ปต์ไปที่เทปปันยากิ เสิร์ฟร้อนตามสั่งจากกระทะเหล็กแบนโดยเชฟมากประสบการณ์ ที่อยู่ประจำการปรุงอาหารเคล้าเอนเตอร์เทนให้ลูกค้าตั้งแต่ต้นจวบจนจบคอร์ส
ด้านบรรยากาศร้านก็สวยหมดจดในสไตล์โมเดิร์นเจแปนนิส ภายในแบ่งพาร์ทออกเป็นฝั่งโซนเคาน์เตอร์บาร์ตอบโจทย์คนไหนที่ต้องการชมอิริยาบถของเชฟแบบใกล้ชิด อีกฝั่งคือโต๊ะรับรองกึ่งส่วนตัวจุ 3-4 ที่นั่ง แต่ถ้าในกรณีที่ยกกันมา 10-12 ท่านทางร้านก็สามารถจัดสรรที่ไว้ให้ได้เช่นกัน สบายใจได้
ว่ากันด้วยเมนูไม่ใครก็ใครต้องนึกถึงเนื้อลายหินอ่อนนอนส่งเสียงฉ่าบนกระทะ วัตถุดิบจำพวกซีฟู้ดก็เช่นกันที่หลายคนต้องสั่งถ้ามื้อนั้นๆ ได้ไปร้านแนวเทปปันยากิ อย่างที่บุเกนไดก็มีซีฟู้ดเสิร์ฟทั้งจานอะลาคาร์ทและแบบคอมโบเซ็ต ไม่ว่าจะเป็น หอยเป๋าฮื้อ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นตัวโตที่เชฟจัดการกริลล์บนกระทะในอุณหภูมิราวๆ 200-250 องศา เคล็ดลับก็คือให้หอยเป๋าฮื้อสุกราวๆ 70% ก็พอ เพราะถ้าสุกมากไปเนื้อสัมผัสจะเหนียวจนพานไม่อร่อยเอาได้
ด้าน ปลากะพงขาว ก็ส่งตรงจากทะเลมาแบบสดๆ โดยทางร้านจะเสิร์ฟต่อพอร์ชั่นราวๆ 120 กรัม ปรุงแบบพิถีพิถันบนกระทะ และจัดเสิร์ฟมาพร้อมกับผักย่างอีกทั้งกระเทียมทอดกรอบ เช่นเดียวกับ กุ้งลายเสือจักรพรรดิ ที่คัดมาแบบพิเศษ สัมผัสของกุ้งยามเคี้ยวคือดีงาม เป็นอีกจานที่แนะนำเลยว่าสั่งเถอะ ถูกปากแน่นอน
หากร่างกายยังคงต้องการอาหารทะเล Assort of Seafood Mix คือเมนูที่ควรสั่ง ด้วยในจานดาหน้ามากันครบทั้งหอยแมลงภู่ กุ้ง ปลาหมึก แซลมอน ปลากะพง ผักย่าง 3 อย่าง และกระเทียมทอด
ส่วนไฮไลท์ของ Bugendai Teppanyaki แน่นอนว่าเป็นเนื้อนำเข้าจาก 5 เมืองของญี่ปุ่น ซึ่งทางร้านก็มีให้เลือกสรรกันตั้งแต่โกเบ ฟูราโน่ ซากะ มิยาซากิ และอิวาเตะ แต่ถ้าใครกำลังมองหาเนื้อนำเข้าสัญชาติอื่นๆ บุเกนไดก็มีเนื้อออสเตรเลียกับยูเอสส่วนฟินๆ พร้อมเสิร์ฟด้วยเช่นกัน
อย่าง เนื้อออสเตรเลียส่วนแองกัส ที่เสิร์ฟมาในขนาด 100 กรัมต่อพอร์ชั่น เรื่องระดับความสุกของเนื้อลูกค้าสามารถแจ้งเชฟได้เลยตามชอบ แต่ถ้าให้เราแนะนำก็มีเดียมเลย เนื้อสัมผัสนุ่มกำลังดี
แต่จะให้ฟินกว่านี้ก็ต้องเนื้อญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น เนื้อมิยาซากิ A4 ส่วนสตริปลอยน์ สายพันธุ์คุโรเกะ (Kuroke) ที่แค่เห็นลายหินอ่อนมันแทรกละเอียดก็ทำเอาน้ำลายสอ พอเชฟนำไปกริลล์ด้วยอุณหภูมิเหมาะๆ ขอบอกว่าสวรรค์ของคนรักเนื้อนั้นอยู่ไม่ไกลเลย
กับ เนื้อโกเบ A4 ส่วนสตริปลอยน์ ที่ทางร้านได้เลือกเนื้อส่วนที่ดีที่สุดมาใช้ เรื่องราคาก็ไม่ได้แรงจนเกินไปเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ ในท้องตลาด
นอกจากนี้บุเกนไดยังจัด คอร์สเมนู 7 อย่าง สำหรับท่านไหนที่ต้องการกินเทปปันยากิแบบเต็มคอร์ส จ่ายเพิ่มเพียง 200 บาท บรรดาจานเคียงต่างๆ ก็จะไล่เรียงมาให้คุณได้รับประทาน ตั้งแต่ไข่ตุ๋น, ถั่วแระญี่ปุ่น, ซุปมิโซะ, สลัด, ข้าวผัดกระเทียม, ปอเปี๊ยะไส้กุ้ง ก่อนจะปิดท้ายมื้อด้วยเมล่อนนำเข้าจากฮอกไกโด