นำเสนออาหารญี่ปุ่นแนวผสมผสานระดับไฟน์ไดนิ่ง

ในโซน Rose Dining ของห้างสรรพสินค้าสยาม ทาคาชิมายะ นอกจากจะมีร้านที่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นรสชาติดั้งเดิมไปจนถึงร้านอร่อยเฉพาะทาง แต่ถ้าเป็นจานฟิวชั่นบรรยากาศเยี่ยมต้อง “Kamui Hokkaido Dining” เลยไม่มีผิดหวัง

ก่อนจะไปที่อาหาร ว่ากันด้วยตัวร้านก็ตกแต่งให้กลิ่นอายฮอกไกโดโมเดิร์น ตั้งแต่เพดานล้อกับลวดลายแพทเทิร์นของชาวเผ่าไอนุ (ชนพื้นเมืองของฮอกไกโด) เฟอร์นิเจอร์ในร้านก็ยังใช้งานดีไซน์จากดีไซเนอร์ชาวฮอกไกโด และครัวเปิดให้เราได้เห็นขั้นตอนการทำงานของเชฟแบบใกล้ชิดสุดๆ

นำลวดลายประจำเผ่าไอนุมาประยุกต์เข้ากับความเป็นฮอกไกโดได้อย่างลงตัว

ใครอยากเป็นส่วนตัวหน่อยก็จับจองโซนที่นั่งตรงนี้ได้เลย

สำหรับ Kamui Hokkaido Dining (คามุย ฮอกไกโด ไดนิ่ง) แตกต่างจากร้านอื่นๆ ในละแวกเดียวกันตรงที่เขาได้นำวัตถุดิบสดๆ ส่วนใหญ่ของฮอกไกโดมาประยุกต์เข้ากับเทคนิคการปรุงจากหลายๆ แหล่ง ด้วยหัวหน้าพ่อครัวประจำร้านอย่างเชฟยามาโมโตะ มาซามิตสึ (Masamitsu Yamamoto) นั้นผ่านการรังสรรค์เมนูสไตล์ไคเซกิที่โตเกียวนานกว่า 14 ปี รวมถึงได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติมทั้งที่ประเทศอินเดีย ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ และแคนาดา

เชฟ  Yamamoto Masamitsu ผู้รังสรรค์อาหารจานอร่อยของร้าน

ดังนั้นอาหารแต่ละจานที่ผ่านการคิดค้นจากเชฟไม่เพียงแต่จะอร่อยน่าประทับใจ ระหว่างรับประทานยังสัมผัสได้ถึงความคิดสร้างสรรค์ เหมือนกับ Chef’s Special ที่ทั้ง 3 เมนูในจาน ตัวเชฟเองได้นำวัตถุดิบท้องถิ่นมาเบลนด์เข้ากับการปรุงอาหารในแบบต่างๆ เริ่มจาก Ebi Teppan Yaki แทนที่จะเป็นกุ้งเทมปุระปกติ เชฟกลับนำคัตสึโอะบุชิมาลงทอดกับกุ้งแทน หรือกับเมนู Uni with Amadai Matsukasa Yaki ปลาอามะไดปรุงสไตล์มัตสึคาสะยากิ อธิบายให้เห็นภาพหน่อยก็คือเชฟจะนำปลาอามะไดที่ยังไม่ได้ขอดเกล็ดมาป้ายน้ำมันร้อนๆ ให้เกล็ดเขาค่อยๆ สุกกรอบ ก่อนจะเอาส่วนเนื้อปลาไปกริลล์บนกระทะต่อไป ตามสูตรนั้นต้องเสิร์ฟพร้อมอุนิ และจะอร่อยสุดๆ เมื่อได้กินกับซอสดอกกะหล่ำ สุดท้ายที่ Pork Kakuni Teppanyaki Style เนื้อหมูส่วนท้องตุ๋นนาน 10 ชั่วโมงแบบคะคุนิ ซึ่งนอกจากเนื้อสัมผัสจะดีงาม รสชาติยังอร่อยจนอยากกินต่อไปเรื่อยๆ

Chef’s Special (850 บาท) : Ebi Teppan Yaki (ขนาดปกติ 170 บาท), Uni with Amadai Matsukasa Yaki (ขนาดปกติ 850 บาท) และ Pork Kakuni Teppanyaki Style (ขนาดปกติ 380 บาท)

ส่วนครัวเย็นรายการซาชิมิของทางร้านก็สดใหม่ราวกับยกมาจากทะเล ณ เดี๋ยวนั้น เช่นในชาม Omakase Sashimi ที่เชฟคัดสรรมาให้ได้ชิมก็มีทั้งแซลมอน, ปลาบุรี, ปลาไท, โบตั๋นเอบิ, อุนิ, โฮตาเตะ, ชิเมะซาบะ, โอโทโร่, ชูโทโร่ และหอยนางรมปรุงซอสพอนสึมะเขือเทศ

Omakase Sashimi

สายเนื้อก็ไม่ต้องคอยเก้อเพราะจาน Teppanyaki Furano Wagyu Rib Eye ของเชฟนั้นเรียกได้ว่าเลิศ เอาตั้งแต่เมนวัตถุดิบอย่างเนื้อที่ทางร้านยกมาจากเมืองฟุราโน่ เลือกใช้เฉพาะส่วนริบอายแล้วนำไปกริลล์ไวๆ แบบมีเดียมแรร์ ท็อปด้วยพริกไทยดำต้มโชยุและมิริน กับซอสอีกทั้งเครื่องเคียงที่เชฟคำนวนแล้วว่าทั้งหมดนั้นมันต้องมาด้วยกันถึงจะอร่อยสมบูรณ์

Teppanyaki Furano Wagyu Rib Eye (70 กรัม / 900 บาท, 120 กรัม / 1,300 บาท และ 150 กรัม / 1,800 บาท)

นอกจากนี้ที่นี่ยังเปิดคอร์สสอนทำอาหาร สำหรับใครที่อยากจะเรียนกับเชฟยามาโมโตะบ้าง สามารถอินบ็อกซ์ไปที่เฟซบุ๊กของร้าน แล้วจับจองคอร์สที่ใช่ได้เลย