Izumidai (อิซุมิได)

ไม่ต้องเข้าเมืองให้เหนื่อย ก็กินซาชิมิเกรดพรีเมียมได้ใกล้ๆ บ้าน

“ย่านนวลจันทร์ไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ ไว้ใจได้” นั่นเพราะคุณยังไม่ได้ทำความรู้จักกับ “Izumidai (อิซุมิได)” ร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ในโครงการ The Moon มากกว่า

เหมือนจะจั่วหัวแรงแต่เท่าที่คิจิเดินทางไปชิมมาด้วยตัวเอง อ่ะ…ว่ากันตั้งแต่เรื่องคอนเซ็ปต์ รสชาติอาหาร ทั้งความสดใหม่ของวัตถุดิบ หรือแม้แต่บรรยากาศมวลรวมในร้าน คิจิสัมผัสได้ว่ารายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมดนั้นล้วนผ่านการตกผลึกมาแล้วซ้ำๆ ว่านี่แหละคือความกลมกล่อมอย่างที่ควรจะเป็น

หน้าร้านสะดุดตา น่าเข้า

แม้ Izumidai จะเป็นน้องใหม่ในวงการอาหารญี่ปุ่น ทว่าสิ่งที่น่าสนใจที่ทำให้เราอยากรู้จักร้านเกิดขึ้นเริ่มต้นตั้งแต่ชื่อ ด้วยคำว่า “อิซุมิได” คือพันธุ์ปลาที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างญี่ปุ่นและไทย หากใครพอจะทราบถึงที่มาของปลานิล นั่นแหละคืออิซุมิไดเดียวกันที่สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะได้ถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2508 และด้วยเรื่องราวแห่งความประทับใจนี้เองที่ทำให้ร้านได้หยิบเอาชื่อพันธุ์ปลาสำคัญของทั้งสองประเทศมาตั้งเป็นชื่อ อีกแง่หนึ่งก็คือเพื่อบอกถึงความตั้งใจที่ทางร้านอยากจะส่งต่อรสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบในแบบญี่ปุ่นมาสู่คนไทยนั่นเอง

องค์ประกอบแต่ละดีเทลของร้านเหมือนได้ยกเอาร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ ในกินซ่ามาไว้ที่อิซุมิได

ต่อมาคือบรรยากาศที่เหมือนกับยกร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ ในกินซ่ามาไว้ที่ย่านนวลจันทร์ ผสานเข้ากับวัสดุเหล็กถมดำขึ้นรูปเป็นแพทเทิร์นปลาอันเป็นที่มาของชื่อร้าน บวกกับงานไม้อีกกว่า 80% และเฟอร์นิเจอร์ที่ก็เลือกมาแล้วว่าลงตัวเข้ากับมู้ดแอนด์โทนร้าน ซึ่งก็จัดไว้รับรองลูกค้าได้ในจำนวน 2-4 คน, 4-6 คน และโซนเคาน์เตอร์บาร์สำหรับลูกค้าที่มาคนเดียว

ไม่ว่าจะเฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือน ทางร้านก็เลือกใช้สีที่คุมโทน เพื่อรายละเอียดทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกัน

ด้านวัตถุดิบทางร้านก็ค่อนข้างซีเรียสทั้งเรื่องการนำเข้าและวิธีการเก็บรักษา ไปจนถึงรสชาติอาหาร Izumidai ก็ได้นำความเป็นฟิวชั่นเข้ามาใส่ แถมไม่ต้องห่วงเรื่องปริมาณ เพราะทางร้านเสิร์ฟมาในไซส์สุดแสนจะจุใจ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพหน่อยก็เมนู Oriental Eye ที่ได้รวมเอาซาชิมิชั้นเยี่ยมจากน่านน้ำตะวันออกกว่า 8 ชนิดมาเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ แซลมอน ชูโทโร่ อากามิ ฮามาจิ มาได หอยปีกนก เอ็นกาวะ และอิคุระ

Oriental Eye (1,800 บาท)

หรือจะเลือกสั่งเป็น Juro Sushi Set ชุดซูชิ 10 คำ ที่มาทั้งชูโทโร่, ฮามาจิ, อากามิ, โฮตาเตะ, แซลมอน, มาได, อิคุระ, เอ็นกาวะ, อุนางิชุ่มซอสเค็มๆ หวานๆ และท้ายสุดที่ไข่หวาน

Juro Sushi Set (1,150 บาท)

สำหรับโรลที่คิจิว่าสั่งมาเหอะยังไงก็อร่อยแถมคุ้มคือ Akami Salmon Spicy Roll ด้วยไม่ได้มาแค่หนึ่งแต่เขาเสิร์ฟถึงสอง ตั้งแต่อากามิเบี้ลอากามิและอะโวคาโดเพิ่มรสสัมผัส อีกทั้งโรลแซลมอนสอดไส้แซลมอนและอะโวคาโด ซึ่งทั้งหมดท็อปด้วยโทบิโกะกับซอสไปซี่สูตรของทางร้าน

Akami Salmon Spicy Roll (440 บาท)

จานหวานของที่ร้านก็อร่อยน่าประทับใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ Mochi Daifuku Strawberry ที่มีให้เลือกสั่งเป็นถั่วแดงสตรอว์เบอร์รี่สดกับชาเขียวถั่วแดงสตรอว์เบอร์รี่สด จะบอกว่ามาครบทั้งหวานน้อย แป้งบาง อีกทั้งตัวสตรอว์เบอร์รี่ยังมาทั้งผลที่สำคัญคือสดโนวแช่แข็ง   

Mochi Daifuku Strawberry (80 บาท)

แต่ท่านใดที่รักการกินเค้กเป็นพิเศษ คิจิก็มีอีก 2 จานที่อยากให้ลองสั่งมาชิมคือ Hokkaido Cheese Cake Brulee และ Hokkaido Cheese Cake Tiramisu ที่นอกจากทั้งคู่จะมีชีสเค้กฮอกไกโดหวานน้อยหอมหนักเป็นเมนอินกรีเดียนท์ รสชาติยังเข้มข้นเต็มคำไม่แพ้ร้านดังๆ ในฮอกไกโดเลยทีเดียว

Hokkaido Cheese Cake Brulee (139 บาท)

Hokkaido Cheese Cake Tiramisu (139 บาท)