อ.-ส. 11:30-14:00 น., 17:00-21:00 น. (หยุดวันอาทิตย์และวันจันทร์)
ห้องอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2540 ถ้าให้บวกลบคูณหารก็เท่ากับว่า Shintaro (ชินทาโร่) ได้อยู่มอบความอร่อยแก่คนรักอาหารญี่ปุ่นมานานแล้วกว่า 22 ปี โดยมีเชฟซาโตชิ ซาวาดะ หัวหน้าพ่อครัวมากประสบการณ์ผู้ที่อยู่ทุกช่วงเวลาของชินทาโร่มาตั้งแต่แรกเริ่มจวบจนถึงปัจจุบัน
หากให้เริ่มอธิบายจากบรรยากาศ แม้ชินทาโร่จะเป็นห้องอาหารที่ตั้งอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาวย่านราชดำริ ทว่ามู้ดแอนด์โทนของร้านกลับสบายๆ เฟรนด์ลี่ และไม่มีจุดไหนที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเกร็งแน่นอน ในขณะที่ความใส่ใจของชินทาโร่ก็ได้คอยสื่อสารเราผ่านดีเทลต่างๆ เรื่อยไปตั้งแต่อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร อย่างผ้ารองจานรวมถึงผ้าเช็ดปากทางห้องอาหารก็ใช้เป็นผ้าฝ้ายทอมือท้องถิ่น หรือแม้แต่เครื่องถ้วยชามก็คัดสรรมาอย่างหลากหลายรูปทรงสีสัน ด้านโต๊ะที่นั่งก็จัดสรรอย่างเป็นสัดส่วนไม่อึดอัด สามารถจุได้ราวๆ 64 ที่นั่ง ทั้งห้องส่วนตัวสไตล์ทาทามิที่รับรองแขกมากถึง 10 ท่าน ซูชิบาร์ขนาดยาว ไปจนถึงโต๊ะไม้ขัดเงาขนาด 2-4 ที่นั่ง
สำหรับอาหารด้วยความที่ชินทาโร่นำเสนอเมนูอาหารญี่ปุ่นแบบร่วมสมัย โดยหยิบเอาความเป็นต้นตำรับมาประยุกต์เข้ากับเทคนิคที่เชฟซาวาดะได้เรียนรู้มาจากหลายๆ ประเทศ แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือความสดของวัตถุดิบ ซึ่งเชฟจะคัดสรรจากหลายๆ แหล่งที่มาด้วยตัวเอง ทั้งหมดก็เพื่อรักษาคุณภาพของอาหารให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เชฟได้คาดหมายเอาไว้นั่นเอง
และในเมื่อคิจิมาถึงชินทาโร่แต่ไม่ได้เลือกจานไฮไลท์มาบอกต่อก็คงจะแปลกๆ อ่ะ…เริ่มตั้งแต่จานออเดิร์ฟอย่าง Shintaro Sashimi Salad ที่รวมซึ่งผักสลัดสัมผัสกรอบนานาชนิดมาพร้อมกับซาชิมิแล่มาหนาๆ 5 อย่าง อาทิ แซลมอน, อากามิ, โฮตาเตะ, ฮามาจิ และอิคุระ เสริมรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีกด้วยเดรสซิ่งโฮมเมดที่มีความฉุนของวาซาบิเล็กๆ เป็นอรรถรส
Aoyama คือชามที่คิจิมั่นใจว่าคนรักปลาดิบจะต้องปลื้ม โดยเชฟคัดมาแต่รายการท็อปๆ แทบทั้งสิ้น ได้แก่ โอโทโร่, ชูโทโร่, แซลมอน, ฮามาจิ, ชิมาอาจิ, กุ้งหวาน (Aka Ebi), หอยแครงญี่ปุ่น (Akagai) และทาราบะ
ถัดมาเป็นจานยอดนิยมของร้านที่ใครมาก็ต้องสั่งไม่ว่าจะยังไงก็ตามคือ Red Dragon Rolls ซึ่งเชฟได้ไอเดียจานนี้มาจากอเมริกา เป็นโรลที่มีไส้มิกซ์กันระหว่างปลาไหลญี่ปุ่น, กุ้งต้ม, อโวคาโด และเกล็ดเทมปุระ ท็อปด้วยทูน่ารสเผ็ดอีกทั้งหอมทอดเพิ่มรสชาติ แล้วค่อยราดซอสสไปซี่สูตรชินทาโร่กับมายองเนส
ส่วนจานย่าง Kurobuta Chop ก็น่ารับประทานไม่แพ้กัน ด้วยในกระทะร้อนที่ไม่ใช่แค่เสิร์ฟมาแต่สเต็กหมูคุโรบุตะ ผักย่าง และซอสเทอริยากิ แต่เชฟยังแนะนำให้กินคู่กับแอปเปิ้ลดองเปรี้ยวๆ หวานๆ (Apple Chutney) เพื่อให้คนรับประทานได้สัมผัสกับประสบการณ์ทางรสชาติใหม่ๆ ด้วย
ปิดท้ายมื้อด้วย Matcha Lava Cake ที่ตัวลาวาคือช็อกโกแลตรสชาติไม่หวานมาก เมื่อตักกินด้วยกันกับเค้กมัทฉะ คุณคะ! อยากจะบอกว่ามันดีมากกกก