• Bookmark
  • Share

Sake no Mise (สาเก โนะ มิเสะ)

  • Bookmark
  • Share
  • Budget
    Budget (ราคาโดยเฉลี่ย/คน)
    ต่ำกว่า 1,000 บาท
    หมายเหตุ : ราคาอาหารมื้อเย็น ที่ไม่รวมเครื่องดื่ม
  • Imports
    Imports (จำนวนวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น)
    ปลา = มาก
    เนื้อวัว = น้อย
    ผัก = น้อย
  • Japanese
    Japanese (ปริมาณลูกค้าชาวญี่ปุ่น)

    มาก
  • Special
    Special
    มีเชฟญี่ปุ่น
    มีห้องส่วนตัว
    มีโชจูมากกว่า 10 ชนิด

อิ่มอร่อยหลากหลาย ตามสบายแบบเพื่อนกัน

Sake no Mise คือร้านอิซากายะหรือร้านกินดื่มย่านธนิยะที่ครองใจทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นมากว่า 30 ปี ด้วยอาหารแนวกับแกล้มหลากหลายสไตล์กว่า 300 เมนูที่ลูกค้าสามารถเข้ามาอร่อยได้ไม่รู้เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ประเภทยำ ต้ม ปิ้ง ย่าง ทอด หม้อไฟ รวมไปถึงซาชิมิสดๆ และอาหารประเภทเส้นอีกหลากสไตล์ ซึ่งไม่ได้เยอะแค่จำนวนเมนู แต่ยังใส่ใจและพิถีพิถันทุกขั้นตอนในทุกเมนู โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับวัตถุดิบสดใหม่ ซึ่งเจ้าของร้านลงทุนไปติดต่อขอซื้อเองจากกรมประมงชายฝั่งโดยตรง เพราะเชื่อว่าปลาในทะเลไทยก็อร่อยไม่แพ้ที่ไหน แถมการเลือกใช้วัตถุดิบจากทะเลไทยยังได้เปรียบเรื่องความสดอีกต่างหาก ยกเว้นปลาบางชนิดที่หาไม่ได้ในเมืองไทยจึงจำเป็นต้องนำเข้ามาจากญี่ปุ่น ซึ่งการให้ความสำคัญเรื่องความสดนี่เองทำให้วัตถุดิบที่หาได้ในแต่ละวันแตกต่างกัน สร้างเซอร์ไพรส์ให้ลูกค้าด้วยเมนูใหม่ๆ ได้ไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งยังเป็นร้านที่เหมาะจะมากินดื่มสังสรรค์พร้อมกันหลายๆ คน เพราะมาร้านเดียวมีเมนูที่ตอบโจทย์คนกินได้ครบหมดแน่ๆ และที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างของร้านนี้คือ บริการที่เน้นความเป็นกันเองกับลูกค้า พูดจาปราศรัยสบายๆ เสมือนได้มานั่งกินอาหารที่ร้านเพื่อนสนิท

สิ่งน่าสนใจอีกอย่างของ Sake no Mise คือการที่อิซากายะร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่เมนูกินดื่มแนวกับแกล้มเท่านั้น แต่ที่สาขาใหญ่ในซอยธนิยะยังมีมื้อเที่ยงยั่วยวนชวนแวะมาคอยเอาใจพนักงานออฟฟิศแถวนั้นอีกด้วย กับเซ็ตเมนูมื้อกลางวันหลากสไตล์ในราคาเบาๆ ไม่ต่ำกว่า 10 เซ็ต อาทิ Oyakodon หรือเซ็ตข้าวหน้าไก่กับไข่เนื้อนุ่มหวาน Goma Buri Don หรือเซ็ตข้าวหน้าปลาบุริกับซอสงาหวานมัน Chashu Egg Set หรือหมูชาชูที่ตุ๋นในน้ำซุปโชยุนานกว่า 4 ชั่วโมง กินคู่กับไข่ยางมะตูม Chicken Namban เซ็ตที่ขายดีอันดับ 1 ของร้าน ด้วยไก่ทอดราดซอสนัมบังรสเปรี้ยวอมหวาน หรือจะเป็น Saba Gohan เซ็ตอร่อยมาตรฐานญี่ปุ่นกับซาบะย่างเกลือกลิ่นหอมฉุย ซึ่งทุกเซ็ตจะเสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่น ซุป สลัด เครื่องเคียง และกับข้าวอีกหนึ่งเมนูที่เป็นเซอร์ไพรส์จากทางร้านที่จะเปลี่ยนไปทุกวัน

Kaisendon Uni Ikura Set (450 บาท)

เมนูขายดีอันดับหนึ่งของสาเก โนะ มิเสะคือเซ็ตข้าวหน้าปลาดิบที่มีให้เลือกหลากหลายในราคาระหว่าง 300-890 บาท โดยใช้ปลาจากทะเลไทยกว่า 10 ชนิดเป็นหลัก ซึ่งชนิดจะแตกต่างกันตามฤดูกาล โดยปลาบางชนิดที่ไม่มีในไทยก็จะนำเข้าอย่างแซลมอน ส่วนอุนินั้นส่งตรงจากญี่ปุ่นโดยไม่มีการแช่แข็งแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากข้าวหน้าปลาดิบชามโตแล้ว ในเซ็ตยังมีสลัด กับแกล้ม ไก่คาราอาเกะ และซุปครบครัน

Kinkai Sashimi Mori (ขนาดกลาง 1,000 บาท)

รวมซาชิมิปลาทะเลไทยที่แล่โดยเชฟชาวญี่ปุ่นผู้คร่ำหวอดในวงการปลาไทยมาหลายสิบปี มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ S (700 บาท), M (1,000 บาท) และ L (1,400 บาท) ไม่สามารถเลือกชนิดปลาได้ เพราะเชฟจะเลือกนำปลาสดที่เพิ่งเข้าร้านมาเสิร์ฟเท่านั้น ปลาหลายชนิดหายากมากหรือไม่มีให้กินที่ญี่ปุ่น อาทิ ปลาเห็ดโคน ปลาเก๋า ฯลฯ นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสความอร่อยของปลาไทยที่ไม่เคยรู้มาก่อน

Karaage (100 บาท)

จานกินเล่นที่อร่อยเกินคาดของสาเก โนะ มิเสะคือไก่คาราอาเกะนี่เอง ดูด้วยตาก็รู้สึกแล้วว่าน่าจะร่อนกรอบ แต่ถ้าได้กินแล้วและเกิดความสงสัยทันทีว่าเชฟทำอย่างไรถึงทอดสะโพกไก่ออกมาได้รสชาติดีขนาดนี้ ถึงขนาดที่กินเปล่าๆ ไม่ต้องจิ้มกับอะไรก็กินได้จนหมดเกลี้ยง อีกทั้งแม้จะทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเป็น 10 นาที ก็ยังกรอบนอกนุ่มใน ขายดีถึงขนาดที่ 1 วันต้องใช้เนื้อไก่ถึง 20 กิโลกรัม

Shako Nigiri (80 บาท/ 1 คำ), Shako with eggs Sashimi (300 บาท/ 3 ชิ้น)

ที่ร้านมีเมนูลับมากมายที่ต้องลองถามเชฟชาวญี่ปุ่น(ที่พูดไทยคล่องปรื๋อ)ว่าวันนี้มีปลาอะไรแนะนำ อย่างวันที่เราไปที่ร้านมามีกั้งไข่สดๆ ที่เพิ่งส่งตรงจากทะเล เชฟเลยทำมาเป็นซูชิกับซาชิมิให้ แต่เนื่องจากเป็นวัตถุดิบพิเศษที่นานๆ จะเข้าที่ร้าน ถ้าอยากลิ้มลองต้องแอบพกดวงมาด้วย ผู้จัดการร้านแอบแนะนำสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดวัตถุดิบสดจากทะเลให้มาใช้บริการในวันศุกร์ เพราะเป็นวันที่ของเข้าเยอะที่สุด

Map