ตำนานซูชิชื่อดังแห่งโอซาก้า

สำหรับชาวไทยที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น Endo Sushi น่าจะเป็นชื่อที่คุ้นหู เพราะนับแต่ญี่ปุ่นเปิดกว้างเรื่องการเข้าประเทศใน 5-6 ปีหลัง ชาวไทยจำนวนมากลากกระเป๋าเดินทางไปโอซาก้าเพื่อต่อคิวรอชิมซูชิของที่นี่ จนกลายเป็นที่เลื่องลือว่าหากมีโอกาสเหยียบโอซาก้า ต้องแวะไปที่ตลาดขายส่งชื่อดังของเมืองเพื่อลิ้มลองซูชิรสเด็ดดูสักครั้ง ความนิยมอันท่วมท้นทำให้ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล Endo เลือกไทยเป็นสาขาต่างประเทศที่แรก โดยใช้มาตรฐานและคุณภาพเดียวกับตลอด 108 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางร้านซูชิมากมายที่ยึดวิธีปรุงแบบสมัยเอโดะ ที่นี่หยัดยืนเป็นตัวแทนซูชิในสไตล์ที่แตกต่าง เรียกขานกันว่า “ทสึคามิซูชิ” มีต้นกำเนิดจากความเร่งรีบของลูกค้าที่ตั้งใจมาตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบและต้องการอาหารแบบเสิร์ฟเร็วกินหมดเร็ว ทำให้รูปแบบต่างจากซูชิทั่วไป ทั้งรสชาติ ความแน่นและแข็งของข้าว รวมถึงอุณหภูมิ ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกใจชาวไทยจำนวนมาก

ความพิเศษของ “ทสึคามิซูชิ”

เบื้องหน้าที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ และเบื้องหลังความอร่อยของซูชิ คือคุณ Yasutaka Namba หัวหน้าเชฟซึ่งเคยทำงานที่สาขาใหญ่ในโอซาก้ามากว่า 20 ปี สิ่งที่เชฟอยากฝากถึงลูกค้าชาวไทยนอกจากคำขอบคุณที่ไว้วางใจในคุณภาพของร้านแล้ว คือความพิเศษของ “ทสึคามิซูชิ” ซึ่งใช้ข้าวที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติและไม่ปั้นเป็นก้อนแน่นเท่าซูชิทั่วไป อีกทั้งมีรสหวานแฝงอยู่ ทำให้ได้รสชาติและรสสัมผัสแปลกใหม่ แต่ขณะเดียวกันก็แตกเป็นเศษได้ง่าย โชยุของที่นี่จึงใช้แปรงจุ่มแล้วทาแทนการจิ้ม และแนะนำให้ใช้ตะเกียบแทนการใช้มือ เมนูอาหารทุกชนิดถอดแบบมาจากสาขาที่โอซาก้าในราคาย่อมเยา สามารถสั่งซูชิแยกทีละชิ้นได้ แต่หากเลือกแบบเซ็ตที่เชฟจัดไว้ให้จะคุ้มค่ากว่า

Sashimi 5 Kinds Set (750 บาท)

เซ็ตปลาดิบที่ประกอบด้วยปลาแซลมอน อามะเอบิหรือกุ้งหวาน ครีบปลา โฮตะเตะ โดยมีโทโร่ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย บางอย่างอาจเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาวะธรรมชาติ

บรรยากาศของร้าน

ถูกออกแบบให้เหมือนกับสาขาที่ญี่ปุ่น นอกจากที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ที่สามารถนั่งชมการเตรียมซูชิของเชฟแล้ว ยังมีห้องส่วนตัวไว้บริการอีก 2 ห้อง ซึ่งหากเปิดฉากกั้นรวมเป็นห้องใหญ่ก็จะรองรับได้ถึง 10 คน