Ma-Ke’ Inu (มา-เกะ อินุ)

Ma-Ke’ Inu – รวมพลคนแพ้ (ความอร่อย)

ขี้แพ้แล้วไง (วะ) ไม่แพ้ตลอดไปก็แล้วกัน – สารภาพกันตามตรงว่าเราแอบชื่่นชมคอนเซ็ปต์ของร้าน Ma-Ke’ Inu เอามากๆ กับร้านอาหารญี่ปุ่นโฮมเมดเล็กๆ ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในซอยลาดพร้าว 4 ติด MRT สถานีพหลโยธิน กับความหมายแปลกๆ ตรงตัว (Ma-Ke’ Inu แปลว่า หมาขี้แพ้)  โดยที่มาของชื่อร้านเกิดจากหุ้นส่วนทั้งหมดของร้าน มีความเชื่อว่าคนเราต้องมีมุมขี้แพ้กันบ้าง ไม่เว้นแม้แต่พวกเขาเอง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเข้าอกเข้าใจถึงความรู้สึกผิดหวัง ความเหงาโดดเดี่ยว และความไม่มั่นใจในตัวเอง จึงตั้งใจให้สถานที่นี้ เป็นที่ที่ทุกคนสามารถมาผ่อนคลายและปลดปล่อยความขี้แพ้ ความอ่อนแอของตัวเอง ตลอดจนความอ่อนล้า ความหิว ความเครียด ที่สะสมมาตลอดทั้งวัน รวมถึงการได้พบปะเพื่อนใหม่โต๊ะข้างๆ การบริการที่เอาใจใส่เป็นกันเองของทางร้าน ด้วยหวังว่าการบริการที่จริงใจ เป็นกันเอง และรสชาติของอาหาร จะสามารถฟื้นฟูพลังใจ เปลี่ยนวันเหงาๆ เศร้าๆ ของคนขี้แพ้ ให้มีกำลังใจก้าวต่อไปได้ไม่มากก็น้อย

บรรยากาศหน้าร้าน ภายในซอยลาดพร้าว 4

Loser’s Bar แห่งนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนๆ 8 คน ที่มีอาชีพแตกต่างกันไปทั้ง มัณฑนากร นักการตลาด เชฟ ดีเจ ที่แม้จะแตกต่างด้านสาขาอาชีพ แต่ก็มีความผูกพันกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กๆ ไม่ต่างกับเด็กไทยอีกหลายคนที่โตมากับการ์ตูน เกมส์ และภาพยนตร์ญี่ปุ่น รวมไปถึงประสบการณ์การได้กินอาหารญี่ปุ่นจานแรกในชีวิต หรือเมนูจานโปรดที่บังเอิญเหมือนๆ กัน ซึ่งทั้งหมดเราสามารถสัมผัสได้จากบรรยากาศร้านที่ดูเป็นกันเองมากๆ รวมถึงการตกแต่งร้านที่ให้ความรู้สึกย้อนวันวาน กลับไปเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง

บรรยากาศชั้นล่าง กับเคาน์เตอร์บาร์ของคนเหงาๆ และเชฟที่ติดเกมส์ ROV (ฮา)

ตัวร้านแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นพื้นที่ครัวเปิด และเคาน์เตอร์บาร์สำหรับคนเหงาๆ ที่มานั่งคนเดียว ชั้นบนแบ่งเป็นโต๊ะขนาดต่างๆ รองรับทุกการสังสรรค์เฮฮากินดื่มกันยาวๆ ในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความทรงจำในวัยเด็ก ที่สะท้อนให้เห็นจากการตกแต่งร้านด้วยของสะสม (ที่เราชอบมาก) อย่าง แผ่นไวนิลศิลปินญี่ปุ่น ดาบไม้เคนโด้ โปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่องต่างๆ เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น (โปสเตอร์หนังแฟนฉัน เวอร์ชั่นญี่ปุ่นดูเท่มาก) ฟิกเกอร์จากการ์ตูนเรื่องดัง ทั้งกันดั้ม ดราก้อนบอล วันพีช รวมไปถึงเกมส์กดวินเทจอย่างเครื่อง famicom ที่เมื่อเราเห็นแล้ว ภาพร้านเกมส์ชั่วโมงละ 10 บาทแถวบ้าน ก็ลอยเข้ามาในความทรงจำทันที

บรรยากาศชั้น 2 กับของสะสมย้อนวันวาน

โปสเตอร์ภาพยนต์เรื่อง Stand By Me เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ภาพยนต์แนว coming of age ในใจใครหลายคน

ด้านเมนูอาหาร ทางร้านมีความเป็นโฮมเมดสูงมาก แม้แต่ซอสและเครื่องปรุงหลักทั้งหมด ทางร้านพิถีพิถันทำกันเองในทุกขั้นตอน ใครที่เดินทางมาเหนื่อยๆ หิวๆ ทางร้านมีเมนูจานหลักเน้นอิ่มให้เลือกมากมาย รวมไปถึงเมนูกินเล่นและเครื่องดื่ม นอกเหนือจากนั้นยังมีเมนูพิเศษประจำวัน ที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้ชิมกันอยู่ตลอด โดยเฉพาะวันพุธกับวันพฤหัสที่เราไม่อยากให้พลาด กับเมนู Steak don เนื้อวัววากิวเกรดพรีเมี่ยมจากฟาร์มจังหวัดสุรินทร์ ที่ทางร้านเลือกใช้ส่วน flat lron นำมาย่างด้วยกรรมวิธีแบบสเต็กในความสุกระดับ medium rare ก่อนราดด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน และเพิ่มความนุ่มละมุนกลมกล่อมอีกขั้นด้วยไข่แดงสด

Steak Don (360 บาท) เมนูพิเศษกับเนื้อวากิวจากจังหวัดสุรินทร์ เหนียวนุ่มกำลังดี ย่า่งมาแบบพอเหมาะ

“ Once a Loser, Not Always a Loser ” สโลแกนบนกำแพงร้าน ที่เราเห็นด้วยและแอบพยักหน้าตามหงึกๆ แน่นอนว่าไม่มีใครไม่เคยแพ้ ความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย การยอมแพ้โดยไม่ลุกขึ้นสู้ ไม่แม้แต่พยายามที่จะคิดสู้ต่างหากที่น่าอาย จะเป็น “หมาขี้แพ้” อีกสักกี่ครั้ง หากกำลังใจของตัวเองยังดี ห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนฝูงมิตรสหายและคำปรึกษาที่ดี ใครจะรู้ (วะ) ว่าหมาขี้แพ้ในวันนี้ อาจจะเป็นราชสีห์จ้าวป่าในวันหน้าก็ได้

Zaru Soba+Chicken Kara-Age (220 บาท)

"เส้นผมซารูมาน" เห็นชื่อในเมนูครั้งแรกก็แอบงง ว่าพ่อมดในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์มาเกี่ยวอะไรด้วย ได้เห็นหน้าตาจึงเข้าใจ เออใช่ เส้นผมซารูมานจริงๆ ด้วยสิ เซ็ตโซบะเย็นจับคู่กับไก่ทอดคาราเกะ ที่เลือกใช้เนื้อไก่ส่วนสะโพก ก่อนนำไปหมักกับซอสสูตรพิเศษ ทอดมาได้กรอบนอกนุ่มในกำลังดี แบบไม่อมน้ำมัน

Salmon Don (Grilled Salt) (180 บาท)

ข้าวหน้าแซลมอนย่างเกลือ ชิ้นใหญ่ เนื้อแน่น หรือจะเลือกอร่อยแบบราดซอสเทอริยากิก็ได้

Bacon Salad (120 บาท)

ผักสดๆ ฉ่ำๆ กับเบคอนทอดมากรอบๆ ก่อนราดน้ำสลัดโฮมเมด เมนูเรียบง่ายแต่อร่อยจริงจัง แนะนำเลย

Tamagoyaki (100 บาท)

ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งเมนูขายดีประจำร้าน ไข่ม้วนย่างสูตรพิเศษ ที่ทางร้านตั้งใจให้มีรสหวานน้อยกว่าที่อื่นๆ ด้วยเทคนิคการตีไข่ผสมกับน้ำซุปปลาแห้ง ก่อนนำไปทอดและย่างอีกครั้งเพื่อความหอมกลมกล่อมยิ่งขึ้น