17:00-22:00 น.
ร้าน Dainoki มีบรรยากาศภายในร้านที่น่าสนใจมาก เพราะมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์และห้องส่วนตัวเท่านั้น ไม่มีโต๊ะอาหารธรรมดาแบบโอเพนแปลนที่เห็นกันโดยทั่วไป ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมมาประชุมระหว่างมื้ออาหารกันที่ร้านนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา ทางร้านได้เปลี่ยนผู้จัดการและหัวหน้าเชฟใหม่อีกครั้งเป็นคุณ Sherman Ip เชฟดังชาวฮ่องกงที่มีประสบการณ์ด้าน Catering และอาหารคอร์สไคเซกิในระดับโลก ไดโนกิจึงถือโอกาสนี้เปลี่ยนคอนเซ็ปต์และเมนูใหม่เกือบยกร้าน นำเสนอรสชาติแบบ Japanese-French ที่มีความหรูหรา ในขณะเดียวกันก็พิถีพิถันกับการคัดสรรวัตถุดิบทุกอย่าง แม้แต่ผักสลัดก็ต้องใช้ผักออร์แกนิคที่ส่งตรงจากเชียงใหม่เท่านั้น พวกซอสหรือน้ำสลัดก็ทำเองทั้งหมด
Wagyu Hamburg with Mushroom Sauce (320 บาท/ 120 กรัม, 230 บาท / 70 กรัม)
เมนูที่เชฟ Sherman แนะนำให้ลองมากที่สุดก็คือ สเต็กแฮมเบิร์กราดซอสเห็ดที่เลือกใช้เนื้อวัวส่วนที่มีริ้วลายเยอะๆ เท่านั้น โดยอีกหนึ่งเคล็ดลับความอร่อยคือซุปเนื้อลูกวัว (Fond de Veau) ที่ผสมกับซุปสต๊อกสาหร่ายคอมบุที่ทางร้านใช้เวลาเตรียมซุปกว่า 6 ชั่วโมงเข้ากับเนื้อแฮมเบิร์กอย่างละเมียดละไม เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวของรสชาติแบบญี่ปุ่นและฝรั่งเศส เนื่องจากเป็นเมนูที่ไม่ได้ทำสต๊อกไว้ จะปรุงหลังจากลูกค้าสั่งเท่านั้น ลูกค้าที่สั่งแบบเดลิเวอรี่อาจจะต้องรอค่อนข้างนาน
Nigiri Matsu (1,800 บาท)
ซูชิเป็นเมนูขายดีของไดโนกิมาอย่างยาวนาน แม้จะไม่ได้วางตัวเป็นร้านอาหารเฉพาะทางด้านซูชิ แต่ชื่อเสียงที่ไดโนกิสั่งสมมาอย่างยาวนานก็คือ “ร้านซูชิอร่อย” ที่เป็นเช่นนั้นก็มาจากการเลือกใช้วัตถุดิบทั้งข้าวและซีฟู้ดที่สดและเป็นเกรดดีเยี่ยมเท่านั้น เชฟจะซีเรียสมากว่าปลาแต่ละตัวที่นำมาทำซูชิต้องมีระยะเวลาหลังจากเชือดจนถึงโต๊ะลูกค้าสั้นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จึงไม่แปลกที่มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่มาที่ร้านเพื่อกินซูชิเพียงอย่างเดียวเลยด้วย
Saikyo Yaki -Yuzu & White Wine Sauce- (เริ่มต้น 200 บาท)
ไซเกียวยากิคือเมนูปลาย่างชนิดหนึ่งที่ใช้วิธีการย่างกับซอสไซเกียวมิโซะ เป็นเมนูประจำของไดโนกิที่มีมาอย่างยาวนาน แต่หลังจากที่เชฟ Sherman ได้มาประจำที่ร้านจึงปรับสูตรโดยการเติมรสชาติแบบฝรั่งเศสเข้าไปด้วย สามารถเลือกชนิดของปลาได้ระหว่าง แซลมอน, กะพงแดง, มาได และปลาตาเดียว หลักๆ จะเสิร์ฟมาพร้อมกับซอสยูสุผสมไวน์ขาว ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีการปรุงรสเพิ่มเติมที่แตกต่างกันไปซึ่งคิดมาแล้วว่าจะสามารถดึงรสชาติที่ดีที่สุดของปลาชนิดนั้นๆ ออกมาได้
European Style Curry (เป็ด 650 บาท / มังสวิรัติ 450 บาท)
แกงกะหรี่สูตรเฉพาะของเชฟ Sherman ที่เทียบเท่าภัตตาคารโรงแรม 5 ดาว ใช้เวลาในการเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดกว่า 7 โมง เริ่มจากนำสาหร่ายคอมบุมาเคี่ยวในอุณหภูมิต่ำราว 60 องศาเซลเซียสประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อให้ได้ซุปสต๊อก จากนั้นนำมาผสมกับซุปสต๊อกไก่ที่ใช้เวลาเคี่ยว 3-4 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นจานโฮมเมดทุกขั้นตอน ส่วนเนื้อเป็ดที่ใช้นั้นเป็นเป็ดนำเข้าจากฝรั่งเศสที่เลี้ยงแบบปล่อย (Free Range) ซึ่งมีกล้ามเนื้อแข็งแรงมากจนไม่สามารถนำมาทำเป็นฟัวกราส์ได้