• Bookmark
  • Share

Moto Moto Musashi (ปิดกิจการ)

  • Bookmark
  • Share
  • Budget
    Budget (ราคาโดยเฉลี่ย/คน)
    ต่ำกว่า 500 บาท
    หมายเหตุ : ราคาอาหารมื้อเย็น ที่ไม่รวมเครื่องดื่ม
  • Imports
    Imports (จำนวนวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น)
    ปลา = ปานกลาง
    เนื้อวัว = มาก
    ผัก = ปานกลาง
  • Japanese
    Japanese (ปริมาณลูกค้าชาวญี่ปุ่น)

    เกือบทั้งหมด
  • Special
    Special
    มีเชฟญี่ปุ่น
    มีสาเกมากกว่า 10 ชนิด
    มีโชจูมากกว่า 10 ชนิด

ชื่อใหม่ฟังก์ชั่นเพิ่มแต่ความอร่อยไม่เคยเปลี่ยน

หากคุณเป็นคนที่แวะมากินอาหารกลางวันที่ร้านนี้ประจำ อ่ะ…อย่างน้อยก็สัปดาห์ละ 3 ครั้ง (ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของที่ร้านมักจะเป็นแบบนั้น) ก็คงจะทราบดีว่าร้านที่แต่เดิมชื่อ Tonkatsu Musashi ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Moto Moto Musashi แล้ว เหตุผลก็เพราะอยากจะปรับภาพลักษณ์ใหม่ด้วยการเพิ่มเติมส่วนที่เป็นอิซากายะเข้ามา จุดประสงค์ก็เพื่อให้ร้านตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้นกว่าเดิม

ลุคอิซากายะของ Moto Moto Musashi ก็ไม่มีอะไรมาก แค่จำลองร้านอิซากายะในตรอกเล็กๆ ที่โตเกียวได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะมู้ดแอนด์โทนหรือโปสเตอร์ที่ติดตามผนังก็อิมแพคไม่เท่าบรรดาซาลารี่แมนขาประจำที่มาสังสรรค์กันแน่นชั้น 3 ส่วนพื้นที่รับรองลูกค้าทั้งสองชั้นด้านล่างก็ยังคงเปิดให้บริการในช่วงกลางวันและเย็นเช่นเดิม 

ชั้นล่างที่มีโต๊ะจุได้ 2-4 คน และเคาน์เตอร์บาร์สำหรับใครที่มาคนเดียว 

พอเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้น 3 ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของอิซากายะที่เห็นได้บ่อยๆ ในโตเกียว

คิจิพอจะเข้าใจได้ว่าที่หลายคนมาร้านนี้บ่อยๆ ส่วนใหญ่ถูกใจเมนูทงคัตสึของเขา (อันนั้นคือไม่เถียงเพราะอร่อยจริง) แต่ในขณะเดียวกัน Moto Moto Musashi ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจมากมาย อย่างจานแอพพิไทเซอร์นี่ก็มีอยู่หลายเมนูที่รสชาติถูกปาก เอาที่คิจิชอบก็ Agedashi Tofu เต้าหู้ทอดแช่ในซอสให้รสเค็มนิดหวานปลาย ไม่พอทุกคำที่ตักเข้าปากจะได้กลิ่นหอมของปลาโอแห้งที่เชฟโรยหน้ามาจนพูนถ้วย ต่อไปคือ Salmon Salad ที่จัดมาในขนาดคุ้มๆ ทั้งบรรดาผักและปลาแซลมอน และแน่นอนว่าตัวเดรสซิ่งของเขาก็ยังอร่อยไม่ธรรมดาอีกด้วย ส่วน Chiken Namban เป็นของกินเล่นที่เชฟยามากุจิปรุงขึ้นมาใหม่ในสไตล์ตัวเอง ไม่ว่าจะส่วนประกอบอย่างไก่ทอดที่กรอบนอกฉ่ำใน ซอสทาร์ทาร์ และมะเขือเทศชิ้นหนา ก็ล้วนเข้ากั๊นเข้ากันได้พอดิบพอดี

Agedashi Tofu (90 บาท)

Salmon Salad (180 บาท)

Chiken Namban (120 บาท)

ส่วนไฮไลท์ที่พร้อมเสิร์ฟในช่วงกลางวันอย่าง Rosu Katsu Set ทงคัตสึเนื้อสันนอกติดมันที่นอกจากทางร้านจะเลือกใช้หมูอายุไม่เกิน 6 เดือน เกล็ดขนมปังที่ไว้ชุบทอดก็ยังใช้เกล็ดขนมปังสด รวมถึงซอสทงคัตสึที่คิจิประทับใจเป็นพิเศษ ด้วยความครีเอทของเชฟที่ได้หยิบกล้วยหอมมาเป็นหนึ่งในอินกรีเดียนท์หลักของการทำซอส ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับใครที่สั่งชุดคัตสึหมูสันนอกก็จะได้รับข้าวญี่ปุ่น, ซุปมิโซะ ผักดอง และเซ็ตกาแฟ ที่คุณสามารถรีเควสได้เลยว่าจะดื่มเป็นแบบร้อนหรือเย็น แต่ถ้าไม่ถนัดกาแฟเท่าไหร่ ทางร้านก็มีตัวเลือกให้ได้ตัดสินใจระหว่างไอศกรีมหรือเครมบรูเล่ด้วยนะ

Rosu Katsu Set (ไซส์ M 280 บาท / ไซส์ L 380 บาท)

จะร้อนหรือเย็นก็เลือกได้เลย

เครมบรูเล่

ด้าน Ebi Fry Curry ก็ข้นเข้มเต็มเครื่องแกงกะหรี่ ยิ่งได้กินคู่กับข้าวเมล็ดสั้นนุ่มๆ แนมด้วยฟุคุจินซึเกะ และกุ้งชุบแป้งทอด ที่เห็นว่าจานใหญ่ๆ บอกเลยว่าแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ หมด! ก่อนจะปิดจ๊อบด้วยซุป Hamukuri Sakamushi ร้อนๆ ที่ร้านพรีเซ็นต์ว่าซดแล้วจะรู้สึกสดชื่นและอุ่นท้อง เหมาะกับเป็นเมนูปิดท้ายมื้อสุดๆ   

Ebi Fry Curry (300 บาท)

Hamukuri Sakamushi (120 บาท)

 

*หมายเหตุ: ราคาอาหารที่ระบุยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และเซอร์วิสชาร์จ 10%

Map