เ มื่ อ ใ ด ที่ ล ม พั ด. .

 

ฉันถ่ายภาพนี้ที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งบนนะโอะชิมะ (Naoshima) เกาะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวแม่ในบรรดาหมู่เกาะอาร์ตที่รวบรวมงานศิลปะร่วมสมัยในอาณาเขตจังหวัดคะงะวะ (Kagawa) เอาไว้หนาแน่นที่สุด ซึ่งฉันจะขอไม่เอ่ยถึงชื่อของศาลเจ้าก็แล้วกัน เพราะประเด็นที่จะเล่าถึงในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องสถานที่แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘สิ่งที่ตามองไม่เห็น’ เปล่าเลยฉันไม่ได้จะมาเล่าเรื่องผี ที่ฉันอยากเล่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ทุกคนเคยสัมผัสอยู่แล้ว นั่นคือเรื่องของ ‘ลม’ นั่นเอง

ทุกคนคงรู้จักลมหรือสายลมที่พัดอยู่รอบๆ ตัวเรากันอยู่แล้ว สำหรับบางคนพอนึกถึงลมทีไรก็จะรู้สึกเย็นสบาย ในขณะที่บางคนอาจนึกถึงลมในรูปแบบของความเคลื่อนไหว ความเคลื่อนไหวของสายลมเป็นสิ่งที่สายตาดักจับไม่ได้แต่เราทุกคนรู้ว่ามีอยู่จริง เพราะลมกระทำบางอย่างกับสิ่งที่อยู่ใกล้มันและตาของเรามองเห็นปฏิกิริยานั้น

เมื่อลมพัดดอกหญ้า เหล่าดอกหญ้าจะลู่ตัวลง

เมื่อลมพัดผ่านกองใบไม้ กลุ่มใบไม้จะกระจายตัวออก

เมื่อลมวิ่งผ่านใบกังหัน กังหันจะหมุนติ้ว

และเมื่อลมพัดชโลมใบหน้าของหญิงสาว เส้นผมของเธอก็จะสะบัดพลิ้ว

ในเมื่อลมเป็นสิ่งที่ตามองไม่เห็นเลยดูจะสนุกขึ้นมาเมื่อโยงเข้ากับเรื่องการถ่ายภาพ เพราะตามความจริงดั้งเดิมกล้องถ่ายรูปนั้นมีไว้เก็บภาพ ถ้าเราต้องถ่ายภาพสิ่งที่ตามองไม่เห็นมันดูท้าทายความจริงนั้นพอสมควร สำหรับฉันเองเวลาเจอลมพัดที่ไหนก็จะพยายามหาวิธีบันทึกภาพเก็บเอาไว้ฟังดูเพลิดเพลินก็จริง แต่ขอยอมรับว่าถ่ายไว้ได้จริงๆ น้อยมาก โดยเฉพาะถ้าต้องการจะถ่ายทอดความรู้สึกในชั่วขณะนั้นๆ ออกมาให้ได้ด้วย

. . .

นอกจากลมจะกระทำบางอย่างกับสิ่งที่อยู่ใกล้มันอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว พวกเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าลมก็ได้กระทำการบางอย่างกับความรู้สึกของเราด้วย เรารู้ว่าลมมีอยู่จริงเพราะเรา ‘รู้สึก’ ถึงตามองไม่เห็นแต่ประสาทสัมผัสอื่นๆ สามารถรับรู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสที่เกิดกับผิวหนังของเรา เสียงจากลมที่แทรกตัวผ่านสิ่งแวดล้อม หรือความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสายลมพัดผ่านมา อย่างตอนที่ฉันถ่ายชอตนี้ที่ประตูศาลเจ้า ฉันมีความรู้สึกที่เรียกง่ายๆ ว่า ‘สบายใจ’ เป็นความสบายใจที่เล่าลำบากด้วยคำพูด อาจเพราะแสงในตอนนั้น ต้นไม้รอบๆ บวกกับหลังคาไม้สีสุขุมและกระดาษชิเดะ (Shide) สีขาวริ้วบางเบาที่เคลื่อนตัวเอียงเป็นองศาในเวลาที่ลมพัดทุกอย่างรวมกันแล้วรู้สึกกำลังพอดี

ภาพถ่ายสามารถบรรจุความรู้สึกเก็บไว้ได้…ฉันเชื่ออย่างนั้น

นอกจากเรื่ององค์ประกอบและเทคนิคการถ่ายภาพแล้ว ฉันเชื่อเหลือเกินว่าภาพถ่ายที่ดีควรจะสามารถให้บางความรู้สึกเวลาดูภาพได้ด้วย โดยเฉพาะในยามที่เราหยิบภาพนั้นกลับมาดูใหม่เมื่อเวลา ณ​ ขณะที่กดชัตเตอร์ได้ผ่านไปแล้วอย่างไม่อาจหวนคืน

. . .

ในขณะหนึ่งที่สายลมพัดโชยมา กระดาษชิเดะที่เป็นสัญลักษณ์ของสายฟ้าตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ยกตัวขึ้นแผ่วเบา พร้อมๆ กับการยกตัวของกระดาษริ้วเล็กๆเหล่านั้น ฉันยกกล้องขึ้นเก็บภาพไว้ โชคดีที่กระแสลมเอื่อยๆ ในบ่ายวันนั้นพัดโชยมาเหมือนจะไม่ยอมขาดสายง่ายๆ เลยทำให้ได้ภาพไม่ยากนัก​ จะว่าไปแล้วความรู้สึกหรือโมเมนต์ที่ใช่ก็เป็นสิ่งที่มาเร็วไปเร็วแบบเดียวกับสายลมที่พัดผ่านมาและผ่านไป นี่ยิ่งทำให้เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันสามารถดักจับหรือเก็บบันทึกโมเมนต์นั้นๆ ไว้ด้วยกล้องถ่ายรูปได้สำเร็จ ก็จะยิ่งรู้สึกเชื่อฟังประโยคเดิมๆ ที่กระซิบเบาๆ อยู่ในบรรยากาศ

“ภาพถ่ายเป็นตัวแทนของความรู้สึกและความทรจำ” บางทีนี่อาจเป็นเสียงกระซิบจากสายลมก็เป็นได้

 

TAGS

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ