ช่วงนี้ใครที่มีชีวิตรักเหี่ยวเฉา เป็นโสดมาจนเบื่อ หรืออยากให้ชีวิตรักกระชุ่มกระชวยมาทางนี้เลย ไปไหว้พระขอพรเรื่องความรักที่โตเกียวกัน ศาลเจ้า 5 แห่งต่อไปนี้ ได้ชื่อว่าเป็น “Power Spot” หรือแหล่งพลังของคนญี่ปุ่น เชื่อกันว่าถ้าได้ไปเยือนจะได้รับพลังเรื่องความรักมาเต็มๆ รอช้าอยู่ทำไม ไปกันเลย

 

“ศาลเจ้าฮิกาวะ”

 

ที่มาภาพ: https://goo.gl/4F1dzf

 

ศาลเจ้าฮิกาวะ (Hikawa Shrine) ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเรื่องความรักอยู่แล้ว ตั้งอยู่หลายแห่ง แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดน่าจะเป็นในจ.ไซตามะ (Saitama) ที่โตเกียวก็มีเหมือนกัน ตั้งอยู่ในเขตอากาซากะ (Akasaka) เลยมีชื่อเรียกว่าศาลเจ้าอากาซากะฮิกาวะ ศาลเจ้าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวครึ้มแห่งนี้ สร้างขึ้นมาเป็นพันปีมาแล้ว ชาวญี่ปุ่นนิยมขอพรเรื่องความรักที่ศาลเจ้าแห่งนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ และมักจะซื้อเครื่องรางกัน เครื่องรางที่ได้รับความนิยมคือ เครื่องรางรูปกาน้ำนั่นเอง เชื่อกันว่ามันจะช่วย “ต้ม” และ “เท” ความสุขให้เราได้ ซึ่งถ้าความรักทำให้เรามีความสุข ก็จัดเลย

 

เครื่องรางหวีและเมล็ดครามในพิธีขอพรความรักในศาลเจ้าฮิกาวะ ที่มาภาพ: https://goo.gl/JBdxvR

 

นอกจากนี้ยังมีการจัดพิธีขอพรเรื่องความรักกันเป็นประจำ เดือนละ 1 ครั้ง เป็นงานที่ได้รับความนิยมและมีกระแสตอบรับดีมากจนต้องจองที่นั่งกันล่วงหน้าเป็น 3-4 เดือน เพราะรับแค่ครั้งละ 30 คนเท่านั้น ผู้เข้าร่วมพิธีจะได้รับเครื่องรางเป็นหวี ที่เรียกว่า ชิอาวาเสะมิกุชิ และ เมล็ดครามในห่อผ้าอันเล็ก เครื่องรางรูปหวีเป็นสัญลักษณ์ของความรักระหว่างเทพเจ้าซูซาโนะโอะกับเจ้าหญิงคุชินาดะ (ในเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ท่านซูซาโนะโอะแปลงร่างเจ้าหญิงเป็นหวีเสียบผม เพื่อซ่อนตัวนางจากอสูรที่จะมากินตัวนาง)  แถมคำว่า “ชิอาวาเสะ” ยังแปลว่า “ความสุข” ด้วย ส่วนเมล็ดครามนั้น เชื่อกันว่าคือเมล็ดพันธุ์แห่งความรักนั่นเอง 

วิธีเดินทาง

ขึ้นรถไฟไปลงสถานีอากาซากะ (Akasaka) แล้วเดินต่อไปประมาณ 7 นาที

 

“ศาลเจ้าโตเกียวไดจินกู”

 

ที่มาภาพ: https://goo.gl/WJ63Gm

 

ศาลเจ้าโตเกียวไดจินกู (Tokyo-daijingu Shrine) ในเขตชิโยดะ (Chiyoda) ของเมืองโตเกียว ก่อตั้งขึ้นในปี 1880 เพื่อบูชาเทพเจ้า “อามาเทราสุ” ซึ่งเป็นเทพเจ้าประจำศาลเจ้าอิเซะ (จังหวัดมิเอะ) ก็เลยมีชื่อเล่นเก๋ๆ ว่า “โออิเซะซามะ” ของเมืองโตเกียว โดยปกติศาลเจ้าแห่งนี้มีความสำคัญมากสำหรับคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพราะเทพเจ้า “อามาเทราสุ” นับเป็นต้นตระกูลของจักรพรรดิญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะ ที่นี่ยังเป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าอีกสามองค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างและการเติบโต อีกทั้งประเพณีการแต่งงานแบบชินโตก็เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกที่นี่อีก จึงมีความเชื่อต่อๆ กันมาว่า หากใครมาไหว้พระขอเทพเจ้าเรื่องความรักที่ศาลเจ้าไดจินกูล่ะก็จะสมหวังแน่นอน

 

เครื่องรางสึซึรันของศาลเจ้าโตเกียวไดจินกู ที่มาภาพ: https://goo.gl/k15zR7

 

เครื่องรางเกี่ยวกับความรักมีหลายแบบเลย แต่ที่ดังที่สุดต้องอันที่เรียกว่าเครื่องราง “สึซึรันรัน” (Suzuran) ดอกสึซึรันเป็นสัญลักษณ์ของความรักอันบริสุทธิ์ เป็นดอกไม้ที่ใช้กันในงานแต่งงานด้วย และที่เรียกชื่อเช่นนั้นก็เพราะเครื่องรางทำเป็นรูปดอกสึซึรัน ด้านในดอกไม้มีกระดิ่งอันเล็กๆ ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งน่ารัก เก็บไว้กับตัวตลอดล่ะ จะได้เฮงเรื่องความรักกับเขาสักที

วิธีเดินทาง

ขึ้นรถไฟไปลงสถานีอีดาบาชิ (Iidabashi)  แล้วเดินต่อไปประมาณ 5 นาที

 

“ศาลเจ้าโตเกียวอาตาโกะและบันไดสู่ความสำเร็จ”

 

ที่มาภาพ: https://goo.gl/2dQ5ej

 

ศาลเจ้าอาตาโกะ (Atago Shrine) ตั้งอยู่บนเนินเขากลางเมืองโตเกียว ต้องเดินขึ้นบันไดไปสูงมากกว่าจะถึงตัวศาลเจ้า ซึ่งบันไดนี้ล่ะเป็นจุดเด่นจุดหนึ่งของศาลเจ้าแห่งนี้เพราะได้ชื่อว่าเป็น “บันไดสู่ความสำเร็จ” พวกนักธุรกิจหนุ่มสาวชอบเดินขึ้นเนินไปขอพรเรื่องการงานกันที่นี่หลังเลิกงาน แต่ขอบอกว่าไม่ใช่แค่นั้น ผู้หญิงโดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัย 30 นิยมมาขอพรเรื่องความรักที่นี่เหมือนกัน เพราะหนึ่งในเทพเจ้าของศาลเจ้าแห่งนี้คือเทพเจ้าโฮมุซุบิ หรือเทพเจ้าแห่งไฟ และเขาเชื่อกันว่าท่านเทพเจ้าจะจุดไฟรักให้โชติช่วงชัชวาล

 

ที่มาภาพ: https://goo.gl/RstZMN

 

ส่วนเครื่องรางที่ช่วยเรื่องความรักของที่นี่มีรูปแบบเก๋ไก๋คือ รูปไม้ตีลูกดอก ตีเรื่องร้ายๆ ออกจากตัว เช่น ถ้าแฟนเจ้าชู้ก็ให้เอมะจัดการตีความเจ้าชู้นั้นออกจากตัวเขาเสีย โอ้โห น่าสนใจจริงๆ ภายในศาลเจ้ายังมีจุดให้ขอพรอีกหลากหลาย เช่นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มาขอพรเรื่องความรักแล้วยังได้พรเรื่องอื่นๆ ไปด้วย ฟินกันละทีนี้ อ่อ มีเคล็ดลับที่ไม่ลับอีกเรื่อง ว่ากันว่าขาไปเดินขึ้น “บันไดสู่ความสำเร็จ” แล้ว ขากลับก็อย่าเดินลงบันได มีทางลงเป็นเนินลาดอยู่อีกด้านของศาลเจ้า ให้ใช้ทางนั้นนะ จะได้เฮงๆๆๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ 

วิธีเดินทาง

ขึ้นรถไฟไปลงสถานีโทระโนะมง (Toranomon) หรือสถานีคามิยาโช (Kamiyacho)  แล้วเดินต่อไปประมาณ 10 นาที

 

“ศาลเจ้าอิมาโดะ”

 

ที่มาภาพ: https://goo.gl/nXBwmN

 

ศาลเจ้าอิมาโดะ (Imado Shrine) เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าอิซานางิและเทพเจ้าอิซานามิ ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่แต่งงานกัน ก็เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความผูกพันไปโดยปริยาย คนจึงชอบมาขอพรเรื่องความรักที่นี่ นอกจากนี้ ศาลเจ้ายังจัดงานดูตัวด้วยล่ะ อาจจะฟังดูแปลกแต่เป็นเรื่องจริง ทำเป็นกิจลักษณะเลย มีการเปิดให้ลงทะเบียนและกำหนดวันอย่างชัดเจน และในงานดูตัวนี้หนุ่มสาวจะมีโอกาสคุยและสานสัมพันธ์กัน มีผู้เคยเข้าร่วมงานแล้วกว่า 8,000 คน และมีหลายคู่ที่คบจนได้แต่งงานกันไปเรียบร้อย     

 

เอมะรูปแมวกวักคู่ในศาลเจ้าอิมาโดะ ที่มาภาพ: https://goo.gl/VsrVgt

 

นอกจากนี้ ศาลเจ้ายังมีแมวกวักศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่หนึ่งด้วยนะ เป็นรูปปั้นปูนของแมวกวักที่หน้าเหมือนกันเป๊ะอย่างกับแมวแฝด นั่งกวักอยู่ด้านหน้าตัวศาลเจ้า ว่ากันว่าถ้าได้ถ่ายรูปของแมวกวักและเซฟเก็บเอาไว้เป็นรูปหน้าจอมือถือแล้วล่ะก็ ขออะไรก็สมหวัง แถมมีโชคติดตัวตลอดเวลา ถ้าจะให้เลิศกว่านั้นก็สอยเครื่องรางที่เป็นรูปแมวคู่มา หรือจะให้เพิ่มระดับความสมหวังอีกก็เขียนขอพรเรื่องความรักลงในแผ่น “เอมะ” หรือแผ่นไม้สำหรับขอพรแล้วแขวนเอาไว้ในศาลเจ้าด้วย รับพลังเลิฟกันเต็มที่ล่ะนะคราวนี้

วิธีเดินทาง

ขึ้นรถไฟไปลงสถานีอูเอโนะ (Ueno) หรือสถานีอินาริโช (Inaricho) แล้วเดินต่อไปอีกไม่เกิน 10 นาที

 

“ศาลเจ้าคันดะเมียวจิน”

 

ที่มาภาพ: https://goo.gl/RaVUfN

 

ศาลเจ้าคันดะเมียวจิน (Kanda Myojin Shrine) มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 1,300 ปีแล้ว ที่นั่นบูชาเทพเจ้าโอนามุชิ (หรืออีกชื่อหนึ่งคือเทพเจ้าโอคุนินุชิแห่งศาลเจ้าอิซุโมะ) ซึ่งท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความปรองดองและการแต่งงาน จึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศาลเจ้าของเมืองโตเกียวที่ค่อนข้างโด่งดังเรื่องการขอพรเรื่องความรัก ไม่ใช่แค่เรื่องความรักสำหรับหนุ่มสาวโสดอย่างเดียว แต่ผู้ที่มีคู่แล้วก็นิยมมาขอพรให้ชีวิตคู่ราบรื่นและมีความสุขด้วย

 

สติ๊กเกอร์ไลน์ความรักของศาลเจ้าคันดะเมียวจิน ที่มาภาพ: https://goo.gl/a1p44e

 

เครื่องรางด้านความรักของศาลเจ้าแห่งนี้ก็มักมาเป็นคู่ เช่น เครื่องรางรูปปิ่นปักผมอันจิ๋วคู่หนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของคู่รักหนุ่มสาว ที่นอกจากจะให้พรเรื่องความรักแล้ว ยังออกแบบมาได้น่ารักมากๆ และยังมีเครื่องรางที่มาเป็นคู่อีกแบบที่ถ้าผู้หญิงถืออันหนึ่ง ผู้ชายถืออันหนึ่งแล้วจะรักกันหวานชื่นจนน้ำตาลชิดซ้าย ที่เด็ดกว่านั้น ทางศาลเจ้ามีสติ๊กเกอร์ไลน์ความรักให้ดาวน์โหลดส่งหากันด้วยล่ะ มีรูปเทพเจ้าโอนามุชิแบบการ์ตูนด้วย น่ารักไปอีกแบบ  

วิธีเดินทาง

ขึ้นรถไฟไปลงสถานีโอชะโนะมิสุ (Ochanomizu) แล้วเดินต่ออีกไม่เกิน 10 นาที

 

ได้ไอเดียเรื่องแหล่งขอพรเรื่องความรักในโตเกียวกันไปแล้ว  ก่อนจะจบมีเคล็ดลับมาบอกเรื่องหนึ่ง ปกติเขาจะเก็บเครื่องรางติดตัวกันแค่ 1 ปีเท่านั้นนะ หลังจากผ่านฤดูกาลมา 4 ฤดูแล้ว ต้องไปบูชามาใหม่เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ทุกคนโชคดีเรื่องความรักนะ : )

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ