“ละอองฟอง” คำที่ให้ความรู้สึกหลากหลาย เหมือนฟองจากผงซักฟอกลอยขึ้นจากกะละมังซักผ้า ฟองจากน้ำยาล้างจานอ่างบนเคาน์เตอน์ ฟองจากสบู่กลิ่นหอมจากอ่างอาบน้ำ ฟองจากแชมพูเต็มทุกพื้นที่เส้นผม หรือจะเป็นฟองจากของเล่นเป่าฟองสบู่ ไม่ว่าฟองจะมาจากไหน ล้วนอยู่รอบตัวเรา อยู่ในชีวิตประจำวัน อยู่เพิ่มสีสันให้วันธรรมดาดูสดใสและละมุนแตกต่างกันไปในแต่ละวัน

เช่นเดียวกับแนวเพลงและดนตรีของวง “ละอองฟอง” ที่มีทั้งความสดใส ละมุน มีความเป็นแจ๊ส ป็อป และร็อค ผสมผสานจนเกิดท่วงทำนองพิเศษที่ให้ความรู้สึกหลากหลายในแต่ละบทเพลง

สมาชิกผู้ถ่ายทอดอารมณ์เพลง ออน-กรกมล ชัยวัฒนเมธิน นักร้องนำผู้ถ่ายทอดเสียง แมน-ตนุภพ โนทยานนท์ มือกีตาร์ และเอ๊ะ-พงศ์จักร พิษฐานพร สองผู้ถ่ายทอดท่วงทำนอง บุคคลที่เป็นดั่งส่วนหนึ่งของฟองก้อนกลมลอยไปมอบความสดใส ก่อนแตกฟองกลายเป็นละอองความสุขมอบให้ทุกคน

ความสุขที่เราได้รับมาตลอด 20 กว่าปี พร้อมๆ กับการเติบโตของละอองฟอง ไม่ได้หยุดอยู่แค่เมืองไทย แต่บทเพลงของพวกเขายังลอยไปถึงเกาะญี่ปุ่น บทเพลงที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นทูตเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะ “ความรัก” ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์หนึ่งของนะงะซะกิ

นะงะซะกิ เมืองที่ใครหลายคนมีภาพความทรงจำของระเบิดลูกใหญ่ เมืองที่กลายเป็นอนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 2 มีแต่เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา แต่ปัจจุบัน เมืองแห่งนี้ แม้มีความทรงจำเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ความทรงจำใหม่ๆ ภาพลักษณ์ใหม่ๆ ก็เริ่มเข้ามาแทนที่ หนึ่งในนั้นคือความสดใสของละอองจากฟองหลากหลายรูปทรง เข้าไปแต่งแต้มเพิ่มสีสันให้เมืองนะงะซะกิเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยมากขึ้น แม้จะล่วงเลยมา 2 ปีแล้ว แต่ออน-กรกมล ก็บอกกับเราว่า “มันเป็นสัญญาใจไปแล้วค่ะ มันไม่ใช่แบบเซ็นต์แค่ปีสองปีแล้วจบ เพราะเราได้ทำหน้าที่เป็นฑูตเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้ไปแล้ว

ในฉบับนี้ เราจะชวนพวกเขามานั่งพูดคุยย้อนหลังถึงความประทับใจ ผ่านบทสัมภาษณ์ฉบับพิเศษครั้งนี้ เฉพาะที่ KIJI เท่านั้น

 

LA-ONG-FONG |
THAT ARE MORE ROMANTIC ;

*A=เอ๊ะ, O=ออน, M=แมน

Q. ที่มาของโปรเจกต์เชื่อมสัมพันธ์ไทย-นะงะซะกิ

O: วงของเราค่อนข้างมีความผูกพันลึกซึ้งกับญี่ปุ่นตั้งแต่ก่อนจะมีโปรเจกต์นี้อยู่แล้วค่ะ หลายคนอาจรู้จักว่าเรามีเพลง “แอบชอบ” ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น แต่ความผูกพันธ์ของเรามันย้อนกลับไปสมัยก่อนเพลงนี้อีกค่ะ สมัยก่อนพวกเราชอบแบ็กแพ็กไปญี่ปุ่น ไปหาแรงบันดาลใจเพื่อกลับมาทำเพลง ไปเปิดหมวกเล่นดนตรี ไปฟังเพลงในทาวน์ เร็กคอร์ด

ก่อนหน้าที่เพลงแอบชอบจะติดหูคนฟัง ต้องยอมรับว่ายังมีคนรู้จักพวกเราน้อยมาก หลังจากเพลงนี้ออกมา เราก็เป็นที่รู้จักมาขึ้น แต่เพลงของเราก็ยังไปได้เรื่อยๆ เนอะพี่เอ๊ะ

A: ใช่ครับๆ

O: จนกระทั่งพี่เอ๊ะได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่นมาหลายงาน จนกระทั่งวงของเราได้มีโอกาสร่วมงานกับจังหวัดนะงะซะกิค่ะ

 

Q. ทำอะไรบ้าง

A: ผมไปถ่ายภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น 10 วัน แล้วได้คุยกับผู้ประสานงานกับทางญี่ปุ่น เขาบอกว่าทาง
นะงะซะกิอยากจะทำโปรเจกต์โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยว เขาพาไปดูเมือง คุยเรื่องการโปรโมต ผมก็เลย
พรีเซนต์วงไปนิดหนึ่ง ว่าเรามีวงชื่อละอองฟองนะ คุณลองฟังเพลงเราดูสิ เพลงเราน่ารักนะ วงเราเป็นแบบนี้ พอเขาเห็นเขาก็ชอบครับ

บอกว่าวงเรามีความเป็นญี่ปุ่นมาก ทั้งเรื่องสไตล์ดนตรี เสียงร้อง หรือรายละเอียดต่างๆ ทุกอย่างเลยครับ เขาบอกเราว่าอยากทำอะไรกับการโปรโมตครั้งนี้บ้าง เริ่มมีการพูดคุยกัน เราเลยชวนเขามาทำโปรเจกต์นี้เป็นเพลงร่วมกัน เพราะถ้าเป็นเพลง นอกจากจะได้โปรโมตที่ท่องเที่ยวแล้ว ทั้งคนญี่ปุ่นและคนไทยก็จะได้ฟังเพลงด้วย ก็เลยเกิดโปรเจกต์นี้ขึ้นมาครับ

 

 

Q. อะไรคือเสน่ห์จนเกิดอัลบัม Feel Romance Nagasaki

O: พวกเราประทับใจญี่ปุ่นกันอยู่แล้วค่ะ หากจะให้พูดถึงนะงะซะกิ สำหรับคนไทยอาจนึกถึงเมืองที่โดนระเบิดปรมาณูเป็นอย่างแรก แต่ความจริงแล้ว ที่นี่ยังเป็นเมืองแห่งความรักด้วยนะคะ มีหัวใจหลายดวงให้เราตามหาด้วยค่ะ (ยิ้ม)

นะงะซะกิเป็นเมืองโรแมนติกค่ะ คู่รักชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่งเลือกแต่งงานหรือไปฮันนี่มูนกันที่นี่ กิมมิกประจำเมืองของเขาก็จะเป็นหินรูปหัวใจ เป็นสัญลักษณ์ที่ทำขึ้นเพื่อให้ผู้มาเที่ยวต้องตามหา เลยเป็นที่มาของชื่อโปรเจกต์ว่า Feel Romance Nagasaki ค่ะ

 

Q. ช่วยพูดถึงเพลงในอัลบัมหน่อยได้ไหม

O: อัลบัมนี้มีทั้งหมด 5 เพลงค่ะ เพลงใหม่ที่แต่งขึ้นมาเพื่ออัลบัมนี้เลยก็คือเพลง “คิด” เพลง “ลืมได้แล้ว” แล้วก็มีเพลงที่ทำเป็นเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นด้วย อย่างเพลง “อะไร” ที่เลือกเพลงนี้เพราะว่าเดิมทีเรามีฐานแฟนเพลงชาวญี่ปุ่นที่ชอบเพลงนี้อยู่แล้ว แถมเพลงนี้ก็ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเป็นอัลบัมรวมเพลงฮิตของเอเชีย ซึ่งเพลงเราได้เป็นเพลงไทยที่เข้าไปอยู่ในนั้น

 

Q. ไปถึงตรงนั้นได้อย่างไร

O: เหมือนกับว่าทางคลื่นวิทยุที่ชื่อว่า J WAVE ของโตเกียว จะมีช่วงที่เป็นเพลงแนว International Song เขาจะเลือกเพลงจากหลายๆประเทศไปเปิด แล้วเพลง “อะไร” ของวงเราดันไปติดชาร์ตที่นั่นค่ะ

A: เป็นชาร์ต International Song ซึ่งเป็นเพลงสากลครับ เหมือนกับว่าตอนนั้นเขาคงหาฟังเพลงจากอินเทอร์เน็ต แล้วทางต้นสังกัดญี่ปุ่นเขารวบรวมเพลงจากหลายๆ ชาติ แล้วก็ทำอัลบัมรวมขายครับ คือนอกจากเพลงเราที่เป็นเพลงไทยแล้ว ก็มีเพลงของชาติอื่นด้วย ที่ผมเห็นก็จะมีเยอรมนี ฝรั่งเศส เอเชีย และอีกหลายๆ ชาติ

O: แล้วเพลง “อะไร” เนี่ย มันมีความเป็นญี่ปุ่นๆ มากค่ะ คงไปถูกจริตกับคนญี่ปุ่นเข้า

A: อย่างเพื่อนผมหลายคนที่ไปซื้อซีดีมือสองหรือไปร้านแผ่นเสียงที่โตเกียว พอบอกพนักงานว่ามาจากเมืองไทย หลายคนจะถามกลับมาว่า “รู้จักละอองฟองไหม” หรือไม่ก็ “ชอบละอองฟองมากเลย” เพื่อนผมก็ตกใจครับ เพราะเราก็ไม่รู้ว่ามีคนญี่ปุ่นฟังเพลงแนวนี้อยู่

O: เราพอมีฐานแฟนเพลงที่นู่นอยู่บ้างก่อนทำโปรเจกต์นะงะซะกิ คือออนว่าแน่นกว่าเมืองไทย (หัวเราะ) คือถ้าออนเดินเมืองไทย อาจไม่มีใครจำออนได้ แต่หน้าอย่างนี้ไปเดินที่ญี่ปุ่น กลับมีแฟนเพลงจำเราได้ มันแทบช็อกเหมือนกันนะคะ

A: การที่มีคนญี่ปุ่นจำเราได้มันก็แปลกนะครับ แต่ผมว่านั่นเป็นสิ่งที่ดี มันคือจุดเริ่มต้นครับ พอเราได้มีโอกาสมาทำอัลบัมนี้ เราจึงมีโอกาสได้ไปโปรโมตเมืองนะงะซะกิในเมืองไทยด้วยว่าเป็นอย่างไร โดยที่เมนการโปรโมตหลักคือเรื่องถ่าย MV ครับ เราถ่ายกันสามเพลงที่นะงะซะกิเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวของเมือง

 

 

Q. มีเพลงอะไรบ้างที่มี MV

O: มีเพลง “คิด” “ลืมได้แล้ว” และ “แอบชอบ” เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นค่ะ​

M: เมื่อกี้ข้ามไปนิดหนึ่งครับ เพลง “อะไร” ในอัลบั้ม Feel Romance เป็นเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นครับ อันที่จริงคือในอัลบัมนี้ทุกเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลยครับ มีแค่สองเพลงแรกที่แต่งใหม่คือ “คิด” กับ “ลืมได้แล้ว”

 

Q. แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นกันอย่างไร

A: มีเจ้าหน้าที่ที่เขาประสานงานอยู่ครับ เขาเป็นคนแปลภาษาญี่ปุ่นให้เรา ให้เราดู ตกลงกันจนเพลงออกมาโอเคแล้วเราก็ร้อง​ตามนั้นครับ

 

Q. ไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นเลย มีวิธีบิ๊วอย่างไรให้ได้ฟีลลิง

O: มีพี่เอ๊ะคนเดียวที่มีพื้นฐานค่ะ

A: ก็พอได้อยู่ครับ

O: ตอนอัดเพลงกันใหม่ๆ คือช่วงที่พี่เอ๊ะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น แต่ตอนนี้คงเทพแล้วค่ะ (หัวเราะ) คือเราเริ่มไปเรียนกันบ้าง มีอาจารย์คอยสอนภาษาให้เราบ้าง ก็ช่วยๆ กันค่ะ

A: ข้อดีคือเสียงออนเขามีความเป็นญี่ปุ่นอยู่แล้ว พอร้องไปปุ๊ปก็ค่อนข้างจะตรงจังหวะพอดีครับ เลยทำให้เราทำงานง่ายขึ้น คนฟังเพลงนี้เขาก็ชอบมาก โดยเฉพาะเพลงแอบชอบเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นครับ มีชื่อว่า いますぐあいたい (Imasugu Aitai) ฟังแล้วน่ารักมาก แล้วยิ่งได้ถ่าย MV กับเด็กๆ นักเรียนอนุบาลที่
นะงะซะกิ ยิ่งน่ารักเข้าไปอีกครับ

M: เมื่อกี้ที่ถามเรื่อง MV ใช่ไหมครับ ที่บอกว่าอัลบัมนี้มี MV สามเพลงคือ เพลง คิด ลืมได้แล้ว แล้วก็แอบชอบ ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นครับ

O: ซึ่งการไปถ่ายทำ MV ทั้งสามเพลงนี้เรามีคอนเซ็ปต์โปรโมตนะงะซะกิในสามแง่มุมค่ะ อย่างเพลง “คิด” เนี่ยคือเรื่องเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ที่เป็นเสน่ห์ของญี่ปุ่น ส่วน “ลืมได้แล้ว” เราเลือกที่จะถ่ายทอดในแง่ของวัฒนธรรม โดยที่อิมเมจของเราสามคนคือชาวญี่ปุ่นโบราณ พี่เอ๊ะกับพี่แมนสวมชุดลำลองของซามูไร ส่วนออนก็มีโอกาสได้สวมชุดกิโมโนอย่างถูกต้อง แบบถูกต้องและครบชุดจริงๆ ค่ะ ซึ่งหนักมากค่ะ เรารู้เลยว่าทุกอย่างมันมีรายละเอียด เขาเก็บรายละเอียดทุกอย่างจริงๆ แล้วก็เพลง “แอบชอบ” จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้คน เราไปถ่ายกันที่โรงเรียนอนุบาล ก็จะได้เห็นมุมเล็กๆ น้อยๆ ว่าญี่ปุ่นเขาสร้างคนสร้างประเทศกันยังไง

 

 

Q. ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง

A: ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นนะครับ คือทุกวันนี้เมืองนะงะซะกิยังเปิดเพลงอัลบัมนี้อยู่ทุกวันเลยครับ (ยิ้ม)

 

Q. แรงบันดาลใจภาพปกมาจากอะไร

M: เรากับทางนะงะซะกิร่วมกันออกแบบครับ เราเลือกรูปที่มีความหมายต่อนะงะซะกิอย่างชัดเจน มีสถานที่ท่องเที่ยวของนะงะซะกิ รูปหัวใจซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และรูปนกโอะริงะมิที่เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพครับ

A: เขาค่อนข้างดีใจที่เราร่วมโปรเจกต์นี้ ได้พบผู้ว่าเมืองนะงะซะกิ และอะไรอีกหลายอย่างเลยครับ เรามีโอกาสได้ออกสื่อจนคนญี่ปุ่นที่นั่นจำเราได้ กลายเป็นเซเลปไปชั่วขณะเลยครับ (หัวเราะ)

O: อย่างปีใหม่ที่ผ่านมา ท่านผู้ว่าก็ฝากข่าวมาบอกว่ายอดนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไปนะงะซะกิเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ

 

Q. คิดว่าจะมีโปรเจกต์กับนะงะซะกิในอนาคตอีกไหม

O: ออนมองว่ามันเป็นสัญญาใจไปแล้วค่ะ มันไม่ใช่แบบเซ็นต์แค่ปีสองปีแล้วจบ เพราะเราได้ทำหน้าที่เป็นฑูตเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้ไปแล้ว

A: ความจริงคือเราถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของเมืองนะงะซะกิไปแล้วครับ ละอองฟองคือทูตทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของนะงะซะกิ เรามีบัตรทูตประทับตราเมืองเป็นบัตรแข็งของเราแล้วก็มีประกาศนียบัตรด้วย รู้สึกดีใจมากที่ได้รับเกียรตินี้ครับ

M: เป็นทูตประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวครับ

O: สำหรับออนคือออนมองว่าเราอยากจะกลับไปนะงะซะกิอีกเรื่อยๆ

A: แล้วก็จะโปรโมตเรื่อยๆ ซึ่งทุกวันนี้ผมก็ยังทำงานโปรโมตการท่องเที่ยวนะงะซะกิอยู่เสมอครับ

 

ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับพิเศษแบบเต็มอิ่มอีกหนึ่งบทได้ทาง www.kiji.life เร็วๆนี้

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ